“EEC” เร่ง สปีด “บิ๊กโปรเจค” ฟื้น ศก.ไทย !
“โควิดเข้ามาเศรษฐกิจไทยปี 63 หดตัวไป 6.1 % รายได้ของประเทศหายไปประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท GDP ปี 64 คาดว่าจะขยายตัว 1 % ปี 65 คาดว่าจะโตประมาณ 4 % เศรษฐกิจก็จะกลับไปที่เก่า แต่เราจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้โดยเร็ว”
ดร.คณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ( EEC ) ได้ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับบอกว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้โดยเร็วก็ต้องอาศัย โครงการใหญ่ๆของประเทศไทย เข้ามาเสริมอีก เช่นโครงการ e-government ซึ่งเป็นโครงการลงทุนที่หน่วยราชการทั้งหมดเข้ามาทำ คลาวด์เดลต้า พร้อมกัน ข้อสำคัญ คือ ลดกฎระเบียบ แก้ปัญหาคอรัปชั่น
ที่ผ่านมาประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศ e-government เป็นนโยบายของรัฐ ซึ่ง ญี่ปุ่น ประเมินว่า การทำ e-government จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศจะขยายตัวเพิ่มอีกปีละ 0.5 % ตอนนี้ อีอีซี ก็กำลังทำต้นแบบ e-government ที่ บ้านฉาง จังหวัดระยอง ซึ่งในอนาคตก็ต้องขยายผลไปทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ EEC อย่างเดียว
โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ Southern Economic Corridor หรือ SEC ต้องเดินหน้าพัฒนาโครงการ เชื่อมโยงกับ EEC ท่าเรือระนอง ท่าเรือชุมพร ควรทำเพื่อจะเปิดประเทศไปอันดามัน
“แม้ SEC ไม่ได้อยู่ใน EEC แต่ก็เป็นโครงการที่เราเราให้การสนับสนุนและทำเชื่อมโยงกับ อีอีซีกับ SEC”
ดร.คณิศ กล่าวพร้อมกับบอกอีกว่า หลังจากได้ทำ EEC ไปได้สักพักก็เห็นว่า ในพื้นที่อื่นๆก็น่าจะพัฒนาให้เหมือนกับ EEC ได้เช่นกัน
“ เดือน พ.ย.นี้ เส้นรถไฟจาก คุณหมิง มาถึง เวียงจันทน์ ซึ่งห่างจากชายแดนไทย แค่ 2 กิโลเมตร ถ้าเราต่อเส้นทางรถไฟเฉยๆไม่มีอะไร จีนก็จะลงมา แต่ถ้าเรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ ขอนแก่น ทำเรื่องเกษตรดีๆ เราก็จะส่งไปขายจีนได้ EEC ก็จะส่งไปขายจีนได้ กรณีแบบนี้เราน่าจะมีเขตศรษฐกิจพิเศษขึ้นมา เพื่อนำสินค้าการเกษตรเข้าไปขายในตลาดจีน”
นอกจากนั้น ดร.คณิศ ยังเห็นว่า ในอีกหลายพื้นที่ เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา ตรัง สตูล ก็น่าจะพัฒนาให้เป็น เขตเศรษฐกิจพิเศษ คล้ายๆกับ EEC ให้เป็น จังหวัดท่องเที่ยว อันดามัน สามารถพัฒนาไปพร้อมกันเป็นพื้นที่เดียวกัน
โดยเชื่อว่าชุมชนชาวบ้าน ในจังหวัดเหล่านั้นน่าจะยินดี เพื่อจะช่วยให้มีรายได้ดีขึ้น หลังเจอวิกฤติโควิด-19
“ที่ผ่านมา 3 ปี EEC ได้ทำตามแผนที่วางไว้ ถามว่าพอจะผลักดัน ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้หรือไม่ เมื่อโควิดเข้ามา ไม่พอครับ เราต้องทำงานเพิ่มขึ้น ต้องขยันขึ้น อีกเท่าตัว ต้องผลักดันให้เกิดการลงทุนมากขึ้น แทนที่จะลงทุนใน EEC ปีละ 3 แสนล้านบาทก็ต้องลงทุนให้ได้ประมาณ 6 แสนล้านบาทต่อปี”
ดร.คณิศ ยังบอกอีกว่า นอกจากนั้น ยังต้องสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เป็นไฮเทคโนโลยี นอกจากเหนือจาก 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ให้มากขึ้น เนื่องจากพบว่า ระบบ 5 จี ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย เป็นเรื่องที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาได้เร็วในอนาคต และต้องพัฒนาคนมากขึ้น ต้องทำให้เร็วขึ้นกว่านี้
รวมทั้ง โซล่าร์ พาวเวอร์ Medical Hub หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ BCG
และเร็วๆนี้ EEC เตรียมเสนอเรื่องการทำเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ในพื้นที่ EEC ซึ่งการลงทุนเหล่านี้เข้ามาได้ EEC ก็จะได้เงินลงทุนมากกว่าปีละ 3 แสนล้านบาทประกอบกับภารกิจของ EEC คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 ปี ผลักดันให้ไทยสามารถเป็นประเทศที่มีรายได้สูง
“จะมีโควิดหรือไม่มีก็ตาม EEC ก็เดินหน้าตามที่วางแผนเดิมที่วางไว้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะ เราทำงานตลอดเวลา” ดร.คณิศ กล่าว