ข่าวเด่น เย็นนี้ 9 ต.ค.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ ทัวร์ลงฉ่ำ สำหรับเต้น ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่ล่าสุดรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี แพรทองธาร ชินวัตร
เรื่องที่ 5,210 ที่ทัวร์ลงฉ่ำ ก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ ณัฐวุฒิ แสดงจุดยืน ไม่สนับสนุนเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคลุง ไม่ว่าจะเป็น พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ
ในการปราศรัยหาเสียง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็เป็นหัวหอกโจมตีพรรคลุงอย่างดุเดือด ชนิดที่เอาเป็นเอาตายกันเลยทีเดียว
แต่มาวันนี้ในรัฐบาลนอกจากมีพรรคลุงแล้ว ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นโจทก์เก่า คู่แค้นของพรรคเพื่อไทยมาช้านานร่วมด้วย
โดยต้องอย่าลืมว่า พรรคประชาธิปัตย์นั้น มีบาดแผลกับคนเสื้อแดง โดยเฉพาะช่วงสลายการชุมนุมทางการเมือง ปี 2553
ดังนั้น การรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ สำหรับ ณัฐวุฒิ ไม่เพียงแต่เป็นการกลืนน้ำลาย หากแต่เป็นการกลืนเลือด เข้าไปด้วย
เรื่องที่ 5,211 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. อยู่ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านหัวเรือใหญ่ หลังจากที่ อ.หน่อง “วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการ กนอ. คนเก่าย้ายไปเป็นผู้ว่าการผู้ว่าการการการรถไฟแห่งประเทศไทยคนใหม่
แต่ถือว่า กนอ. ก็ยังสามารถดำเนินการได้อย่างคล่องตัวแบบไม่สะดุด แม้จะอยู่ในช่วงที่ต้องสรรหาผู้ว่าการ กนอ. คนใหม่ โดยได้พี่เมธ “สุเมธ ตั้งประเสริฐ” กรรมการ กนอ. รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.ไปก่อน
ซึ่งก็ต้องถือว่าทำงานได้เป็นอย่างดี โดยถือว่าเป็นผู้ที่รอบรู้งานเกี่ยวกับ กนอ. มากมาย จากการตอบคำถามกับผู้สื่อข่าวในช่วงตลอดระยเวลาที่เริ่มรักษาการมา ไม่ว่าจะถามเรื่องใดก็สามารถตอบได้หมด
จนถึงขั้นมีการบอกกันว่าอาจจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ยังไม่ต้องสรรหา ซึ่งเท่าที่เห็นก็ต้องถือว่าพี่เมธสอบผ่านเลยละขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 5,212 โอนเงินล็อตแรกสำเร็จ สำหรับ ธนาคารออมสิน จับมือกับ ARI-AMC ในการโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ NPLs หนี้เสีย ให้กับ ARI-AMC นำไปเข้ากระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หรือไกล่เกลี่ยหนี้ด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้น โดยโอนหนี้ ครั้งที่ 1 กว่า 130,000 บัญชี วงเงิน 11,000 ล้านบาท ประเภทสินเชื่อทั้งที่มีและไม่มีหลักประกัน และลูกหนี้มีบัญชีต่อราย จำนวน 1 บัญชี ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการเป็นผู้เสียประวัติทางเครดิตได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ธนาคารจะทำการโอนหนี้อีก 2 ครั้ง ภายในต้นปี 2568 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลูกหนี้ได้ทั้งหมดกว่า 400,000 บัญชี คิดเป็นมูลค่าเงินต้นกว่า 30,000 ล้านบาท
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 5,213 ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 6.50% ในวันนี้ (9 ต.ค.) ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย แต่ได้ปรับจุดยืนไปสู่นโยบายที่ “เป็นกลาง” ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ธนาคารสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ในอนาคต เนื่องจากมีสัญญาณเริ่มต้นที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจาก RBI จำนวน 3 คนและสมาชิกภายนอกอีก 3 คน ลงมติ 5 ต่อ 6 เสียงในการคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร (repo rate) ไว้ที่ระดับ 6.50% ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายติดต่อกันเป็นครั้งที่ 10 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ในการเปลี่ยนจุดยืนนโยบายจาก “การถอนมาตรการผ่อนคลาย” ไปเป็นจุดยืนนโยบายที่ “เป็นกลาง” แต่ยืนยันว่าจะยังคงมุ่งเน้นการปรับอัตราเงินเฟ้อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็จะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ
เรื่องที่ 5,214 นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (9 ต.ค.) และเตรียมจัดการเลือกตั้งในวันที่ 27 ต.ค. เพื่อยืนยันถึงการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและได้รับอาณัติจากประชาชนในการบริหารประเทศ หลังจากที่เขาเพิ่งก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลได้เพียง 9 วัน
ทั้งนี้ อิชิบะเพิ่งชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) และรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการในการประชุมสภานิติบัญญัติสมัยพิเศษเมื่อวันที่ 1 ต.ค. โดยพรรค LDP และพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคโคเม (Komeito) ครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา โดยสำนักข่าวเอพีรายงานว่า การจัดการเลือกตั้งเร็วสะท้อนถึงความพยายามของอิชิบะที่จะรักษาเสียงข้างมากของพรรค LDP ในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่เขายังคงมีความสดใหม่ และก่อนที่บรรยากาศช่วงฮันนีมูนพีเรียดจะจางหายไป
เรื่องที่ 5,215 สำนักงานสารนิเทศของสภาแห่งรัฐจีน (SCIO) เปิดเผยว่า จีนจะจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับนโยบายการคลังในวันเสาร์นี้ (12 ต.ค.) ในขณะที่นักลงทุนรอคอยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากรัฐบาลจีน ทั้งนี้ SCIO ระบุว่า หลัน ฝออัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีน จะนำเสนอมาตรการต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของนโยบายการคลัง โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจะตอบคำถามจากสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศจัดแถลงข่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นจีนเริ่มลดน้อยลง หลังจากคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่น้อยเกินคาดเมื่อวานนี้ (8 ต.ค.) ซึ่งเป็นการแถลงมาตรการครั้งแรกหลังจากช่วงวันหยุดยาวของจีน
เรื่องที่ 5,216 ผลสำรวจจากสถาบันวิจัยด้านกลาโหมของไต้หวันระบุว่า ชาวไต้หวันส่วนใหญ่เชื่อว่าจีนไม่น่าจะรุกรานไต้หวันภายใน 5 ปีข้างหน้า แต่ยังคงมองว่าจีนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อไต้หวัน โดยผลการสำรวจกลุ่มตัวอย่างราว 1,200 คน ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วโดยสถาบันวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติ (INDSR) แสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 61% คิดว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างมาก” ที่จีนจะโจมตีไต้หวันภายใน 5 ปีข้างหน้า
“คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าความทะเยอทะยานของจีนในการครอบครองดินแดนจะแสดงออกมาในรูปแบบของการโจมตีไต้หวัน” คริสตินา เฉิน นักวิจัยจาก INDSR กล่าว “แต่คนส่วนใหญ่ยังเห็นว่าความทะเยอทะยานของจีนในการครอบครองดินแดนเป็นภัยคุกคามร้ายแรง”
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลาก N3 ขายวันแรก 17 ต.ค.นี้