ข่าวเด่น เย็นนี้ 20 ก.ย.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ การเมืองสุดสัปดาห์นี้จับตา การเลือกตั้งนายองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี หรือ นายก อบจ. โดยเป็นการเลือกตั้งใหม่ หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง แจกใบเหลืองกับนายชาญ พวงเพ็ชร์ ทำให้การเลือกตั้งก่อนหน้านั้น ต้องโมฆะไป
เรื่องที่ 5,082 ย้อนไปดูผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี วันที่ 30 มิ.ย.67 มีคะแนนดังนี้
ลำดับที่ 1 นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้ 203,032 คะแนน
ลำดับที่ 2 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ได้คะแนน 201,212 คะแนน
ลำดับที่ 3 นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้คะแนน 16,983 คะแนน
ลำดับที่ 4 นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้คะแนน 7,122 คะแนน
ส่วนข้อมูลสถิติการใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมฯ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 949,421 คน
ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น. 49.77%
บัตรดี 428,349 บัตร คิดเป็น 90.65%
บัตรเสีย 11,302 บัตร คิดเป็น 2.39%
บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 32,885 บัตร คิดเป็น 6.96%
วันที่ 22 ก.ย.67 นี้ ก็จะได้รู้กันว่า ใครจะชนะเลือกตั้ง
เรื่องที่ 5,083 ดูเหมือนว่าเวลานี้หน่วยงานที่กำลังเป็นเป้าหมายถูกกดดันอย่างหนักคงหนีไม่พ้นธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. และคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือกนง. หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด (FED) ลดอัตราดอกเบี้ยอย่างแรงถึง 0.50% ในการประชุมรอบล่าสุด
โจทย์ต่อไปจึงมาตกที่ ธปท. และ กนง. ว่าจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างไรต่อ เพราะก่อนหน้านี้ก็ยืนกรานมาตลอดว่ายังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งที่รัฐบาลและเอกชนต่างก็เรียกร้องให้ปรับลดเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ
คราวนี้พอเฟดลดแล้ว ภาคเอกชนเองต่างก็ออกมาเรียกร้องให้ลดตาม เพื่อถ่วงสมดุลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งค่าจนเกินไป โดยพี่ไก่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. ก็เป็นท่านหนึ่งที่ส่งเสียงออกมากระทุ่งเรื่องนี้
พี่ไก่บอกว่าใน 1 เดือนที่ผ่านมาเงินบาทแข็งไปแล้วถึง 5% หากธปท. ยังนิ่งเฉยอีกภาคส่งออกจะยิ่งได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับ “วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
ซึ่งก็บอกว่าผู้ส่งออกจะเจ็บตัวหนัก เนื่องจากส่งของให้ลูกค้าไปแล้ว และรอการชำระเงินเป็นดอลลาร์ โดยที่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ไม่รู้ว่า ธปท. และ กนง. จะฟังเสียงสะท้อนเหล่านี้บ้างหรือไม่ หรือจะนั่งไม่สนใจผู้ใดอยู่บนหอคอยงาช้างอีกเหมือนเก่าล่ะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 5,084 ฤกษ์ดี วันที่ 20 ก.ย.นี้ iPhone เปิดรับสมาร์ทโฟน เป็นวันแรก ผลปรากฎว่า มีประชาชนเข้าคิว รอซื้อยาวเหยียด เพราะ iPhone รุ่นนี้ ใหม่ล่าสุด แบบเกาะกล้อง แถมยังเปิดขายพร้อมทั่วโลกอีกด้วย สนใจเรื่องราคา ไม่ต้องถามมาก ราคาหลัก 3-4 หมื่นบาทต่อเครื่องอย่างแน่นอน มาถึงบรรทัดนี้ เศร้าใจเล็กน้อย เพราะราคามือถือเครื่องละ 4 หมื่นบาท ไม่ทราบว่า ต้องขายข้าวกี่เกวียนถึงจะได้มากมายขนาดนั้น
แต่ยังโชคดีนะ ราคานี้ เขา ปรับลดลงแล้ว จากอานิสงส์ เงินบาทแข็งจากเดิม 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ มาอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกลง 3 พันบาทต่อเครื่อง งานนี้ ธปท.คงภูมิใจน่าดู เพราะการลดอัตราดอกเบี้ยของ FOMC ลงรวดเดียว 0.50% ไม่ได้ทำให้ ธปท.สะเทือน ถึงอย่างไร ธปท.ก็ไม่เดินตาม FOMC เป็นอันจบกันครับ พี่น้อง!!
เรื่องที่ 5,085 ราคาทองคำบ้านเรา ขอบอกเลย เดายากจริงๆ ไม่ใช่เซียน หรือเทวดา เดินดิน หลงไปเล่นซื้อขายทองคำอาจหมดตัวได้ แต่ก่อนที่จะหมดตัวนะ!! ต้องแค้นฝังหุ่นไม่เผาผี เพราะราคาในตลาดโลก หรือ Gold Spot พุ่งทะยานทะลุ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ นานแล้ว ขณะที่ ราคาทองคำบ้านเรา ที่ใช้อ้างอิง Gold Spot ยังไปไม่ 2,600 ดอลลาร์สหรัฐฯ สรุป ประเทศไทยนี่ ตั้งอยู่บนแผนที่โลก นะจ๊ะ!! ไม่ได้เป็นประเทศสารขัณฑ์ ที่ถูกแหกตา หลอกลวง ต้มตุ๋น ไปวันๆ นะครับ!!
เรื่องที่ 5,086 จากที่รู้ ๆ กันว่าช่วงเวลานี้ เงินบาทบ้านเราแข็งค่าขึ้นทุกวัน ซึ่ง ท่านเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. ถึงกลับต้องออกมายอมรับว่า เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างเร็วจริง โดยปีนี้บาทแข็งค่าไปแล้ว 3.1% (year to date) และผันผวนมากกว่าบางประเทศ แต่ไม่ได้ผันผวนมากที่สุดในภูมิภาค ซึ่งมีสกุลเงินอื่นผันผวนมากกว่าไทย เช่น มาเลเซีย โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระทบกับทั่วโลก แต่ในไทยนั้นมีปัจจัยเฉพาะเพิ่มเข้ามา คือ ราคาทองคำ ที่เงินบาทมีความสัมพันธ์กับราคาทองคำมากกว่าสกุลเงินอื่นในภูมิภาค รวมทั้งการเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากนี้ ก็คงต้องจับตาความผิดปกติและความผันผวนของค่าเงิน อย่างใกล้ชิด
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 5,087 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.25% ในการประชุมวันนี้ (20 ก.ย.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ และได้ปรับเพิ่มการประเมินการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเปิดทางให้ BOJ สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีกในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการ BOJ ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมในวันนี้ โดยกล่าวถึงประเด็นอัตราดอกเบี้ยว่า “การตัดสินใจของเราเกี่ยวกับนโยบายการเงินนั้น จะขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และการเงินในช่วงเวลานั้น ๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของญี่ปุ่นยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยหากภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ เราก็จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจะปรับระดับของนโยบายสนับสนุนทางการเงินให้สอดคล้องกัน”
เรื่องที่ 5,088 ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี เอาไว้ที่ระดับ 3.35% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ที่ระดับ 3.85% ในวันนี้ (20 ก.ย.) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง
ซึ่งการดำเนินการของ PBOC ในวันนี้ สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ซึ่งจะทำให้ PBOC มีโอกาสมากขึ้นที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยไม่ส่งผลให้เงินหยวนอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง
เรื่องที่ 5,089 นครเซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางทางการเงินของจีน ได้อพยพประชาชนราว 112,000 คน ณ ช่วงเช้าวันนี้ (20 ก.ย.) เนื่องจากพายุไต้ฝุ่นปูลาซัน (Pulasan) ก่อให้เกิดฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ในหลายพื้นที่ โดยสำนักงานควบคุมอุทกภัยของเซี่ยงไฮ้ระบุว่า เรือจำนวน 649 ลำถูกย้ายออกจากพื้นที่หรือนำกลับเข้าท่าเรือเพื่อหลบภัย ขณะที่รถไฟ 54 ขบวนถูกระงับการให้บริการ รวมถึงเรือข้ามฟาก 26 ลำก็ระงับการให้บริการเช่นกัน
ทั้งนี้ พายุปูลาซัน ซึ่งเป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 14 ของปีนี้ พัดขึ้นฝั่งครั้งที่สองที่เขตเฟิงเซียนของเซี่ยงไฮ้ เมื่อเวลาประมาณ 21.45 น. ของวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากขึ้นฝั่งครั้งแรกในช่วงเช้าวันเดียวกันที่มณฑลเจ้อเจียง
เรื่องที่ 5,090 หนังสือพิมพ์เดอะมิเรอร์ (The Mirror) ของทางการเมียนมารายงานข้อมูลล่าสุด ณ วันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุอุทกภัยในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 293 ราย และมีผู้สูญหายอีก 89 ราย โดยรายงานระบุว่า น้ำท่วมใหญ่ส่งผลกระทบต่อหลายสิบอำเภอในภูมิภาคและรัฐต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมถึงกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวง ทำให้ต้องอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัย โดยข้อมูลระบุว่าผู้ประสบภัยน้ำท่วมรวม 161,592 คน จาก 47,019 ครัวเรือน ได้รับการอพยพไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว 425 แห่ง
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า น้ำท่วมใหญ่ในเมียนมาครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักอันเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นยางิ และความกดอากาศต่ำในอ่าวเบงกอล โดยขณะนี้ หน่วยงานท้องถิ่น องค์กรกู้ภัย และชาวบ้านกำลังช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ให้บริการด้านการแพทย์ ตลอดจนแจกจ่ายอาหารและสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ แก่ผู้ประสบภัย
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลากดิจิทัล ยอดพุ่ง 26 ล้านฉบับ มั่นใจแก้หวยแพงสำเร็จ