ข่าวเด่น เย็นนี้ 18 ก.ย.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ พรรคพลังประชารัฐ ประกาศเป็นฝ่ายค้านเต็มตัว จัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดเป็นศูนย์ในการทำงานให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทีมสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ ในการนำข้อมูลข่าวสารไปดำเนินการ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน
เรื่องที่ 5,065 โดยศูนย์นโยบายและวิชาการดังกล่าว มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีม และมีนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นทีมงานสำคัญ
งานแรกของศูนย์ฯ คือการวิจารณ์นโยบายแจกเงินหมื่นของรัฐบาล
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตัวโครงการยังประเมินผลลัพธ์ไว้สูงมากว่าจะมีพายุหมุนทาง ศก.หลายรอบ แต่ท่ามกลาง ศก.แบบนี้ ต้องถามว่า เงินจากโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะสร้างพายุหมุนได้จริงกี่รอบสมเป็นโครงการเรือธงที่รัฐบาลคาดหวัง นอกจากนั้นที่มาของงบประมาณในการดำเนินโครงการ ก็ได้มีการดึงงบจากหลายส่วนมาทำโครงการนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะไปกระทบกับการจัดบริการสาธารณะหรือโครงการใหญ่อื่นๆ ที่ต้องใช้งบประมาณ ในประเด็นสุดท้ายคือมีประชาชนไปลงทะเบียนโครงการนี้ 36 ล้านคน แต่จะแจกจริงผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแค่ 14.5 ล้านคน ทั้งยังไม่มีความชัดเจนของทามไลน์ที่จะแจกรุ่นต่อไป รัฐบาลจะเยียวยา จะดูแล หรือจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อย่างไร นี่เป็นคำถามใหญ่ที่อยากฝากไว้
หัวหน้าทีมอย่างนายสนธิรัตน์ ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่เปลี่ยนมาโดยตลอด ตั้งแต่รูปแบบที่เดิมทีจะแจกเป็นเงินดิจิตอล ทั้งที่มีหลายฝ่ายท้วงติง มาเป็นเงินสด มีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการแจกเงิน กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของประเภทสินค้าที่จะใช้จ่าย เรียกได้ว่า ทั้งทามไลน์และวิธีการดำเนินโครงการที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นนโยบายเรือธงก็มีการขยับตลอดเวลา
เรื่องที่ 5,066 สมกับที่มาจากพรรเดียวกันจริงๆ สำหรับ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน จากพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ รทสช.
เพราะการทำงานของทั้ง 2 รมว. ทั้ง รมว.ขิง และพี่ตุ๋ย เอะอะก็จะแก้ไขกฎหมายกันอย่างเดียวเลย ล่าสุด รมว.ขิง มีภารกิจไปมอบนโยบายให้กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม หรือ กรอ.
พี่ท่านก็สั่งการให้เร่งแก้ไขกฎหมายเพิ่มโทษ เพื่อให้เกิดความเกรงกลัวในการกระทำผิด ให้ผู้ลักลอบทิ้งกากพิษเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อจัดการกาก สารพิษ หวังแก้ปัญหาการลักลอบทิ้งกากของเสียอุตสาหกรรมและการจัดการกากพิษที่ไม่ถูกต้อง นำไปสู่การรั่วไหลแพร่กระจายของสารมลพิษปนเปื้อนในหลายพื้นที่
ต้องบอกว่าถือเป็นแนวคิดที่ดีในการที่จะแก้ไขปัญหา แต่บก.ชวนคุยเห็นแล้วก็แอบหวั่นใจว่ามันจะไม่ไวเหมือนที่บอก เพราะเห็นตัวอย่างจากท่านหัวหน้าพรรคที่คุมบังเหียนอยู่อีกกระทรวงเวลานี้ก็ยังไม่เห็นมีผลงานอะไรที่เป็นรูปธรรม ก็ไม่ใช่เพราะจะแก้กฎหมายนี่เหรอขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 5,067 ก่อนที่ ครม.จะมีคำสั่งโยกย้าย ปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลัง เมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567-2568 หลัก สูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตร ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว นัยว่า ใครผ่านหลักสูตรมีลุ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลังทุกคน เพราะปีที่แล้ว ถ้าจำไม่ผิด กระทรวงการคลังส่งชื่อไปเรียน 6-7 คน อธิบดีกรมไหนที่นั่งอยู่ปัจจุบัน ชี้ไปถูกเกือบหมด ยกเว้นกรมศุลกากร “พี่ตุ้ย-ธีรัชย์ อัตนวานิช” อธิบดีกรมศุลกากร ที่เกษียณปีหน้า ครับพี่น้อง
วอป.รุ่นที่ 67 ของกระทรวงการคลัง ประกอบด้วย “ท่านหน่อง-ธิบดี วัฒนกุล” ผอ.สคร “น้องแบงก์-ธีรลักษ์ แสงสนิท” ผู้ตรวจกระทรวงการคลัง “น้องต้า-นิติ วิทยาเต็ม “ดร.แก๊บ-วินิจ วิเศษสุวรณภูมิ และ “เจ๊เป้า-ชุติมา ศรีปราชญ์” ที่ปรึกษากรมธนารักษ์ คนนี้แหละ “เจ๊เป้า” ที่จะเข้ามานั่งเป็นผู้ตรวจกระทรวงการคลัง
ส่วนท่านอื่นๆ โผ!! ยังไม่มา แต่มีชื่อลุ้นคือ ผู้ตรวจ จะขึ้นไปนั่งรองปลัดกระทรวงการคลัง เพราะตำแหน่งว่างแน่นอน 2 ที่ คือ 10 กรมธนารักษ์ และ 10 รองปลัด หลังจากรอบที่แล้ว “ปิ่น-ปิ่นสาย สุรัสวดี” ข้ามห้วยจากที่ปรึกษากรมสรรพากร โดดเป็นรองปลัด ตัดหน้า หัวหน้าผู้ตรวจ “ต้อง-ปิยกร อภิบาลศรี” ณ วันนี้ ยังไม่ได้เข้าเรียน วปอ.ไปอีก 1 ปี
เรื่องที่ 5,068 งานนี้ รมว.แรงงาน จะไม่ทนอีกต่อไป ทุบโต๊ะ ลั่น 1 ต.ค.นี้ ต้องปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท หลังจากโดนเทนัดหารือกับผู้ประกอบการ นายจ้าง เตรียมนัดใหม่อีกครั้ง 20 ก.ย. แต่ถ้าหากตัวแทนฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมหารืออีกเป็นครั้งที่ 2 ว่า คณะกรรมการไตรภาคีค่าแรงขั้นต่ำมีหลักเกณฑ์ว่า หากฝ่ายนายจ้างไม่เข้าร่วมประชุมสามารถใช้เสียง 2 ใน 3 โหวตและลงมติได้ ถึงกับต้องงัดไม้ตายด่านสุดท้าย จับตารอถึงวัน ว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร เดี๋ยวมาเหลาให้ท่านผู้ชมได้อ่านกัน ฉาก ต่อ ฉาก นะขอรับเจ้านาย
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 5,069 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยในวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า เงินเฟ้อของอังกฤษทรงตัวในเดือนส.ค. ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Headline CPI) ในเดือนส.ค.อยู่ที่ระดับ 2.2% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับในเดือนก.ค. และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ ส่วนในเดือนพ.ค.และมิ.ย. ดัชนี CPI ทั่วไปอยู่ที่ระดับ 2% ซึ่งสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE)
ส่วนเงินเฟ้อจากการบริการ (Services Inflation) ซึ่งเป็นข้อมูลที่ BoE จับตาอย่างใกล้ชิด เพิ่มขึ้นแตะระดับ 5.6% ในเดือนส.ค. จากระดับ 5.2% ในเดือนก.ค. ซึ่ง BoE จะประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี (19 ก.ย.) โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า BoE จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งนี้
เรื่องที่ 5,070 สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยข้อมูลว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานของญี่ปุ่นลดลง 0.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สวนทางกับที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดไว้ว่า อาจเพิ่มขึ้น 0.5% ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานซึ่งถือเป็นตัวบ่งชี้การใช้จ่ายด้านการลงทุนในอีก 6-9 เดือนข้างหน้า จะไม่นับรวมยอดสั่งซื้อสำหรับการต่อเรือและซ่อมแซม รวมถึงการผลิตพลังงานไฟฟ้า เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีแนวโน้มผันผวนสูง
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าอาจจะเพิ่มขึ้น 4.2%
เรื่องที่ 5,071 รัฐบาลญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ในวันนี้ (18 ก.ย.) ว่า เกิดเหตุการณ์นักเรียนชายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในเมืองเซินเจิ้นของจีน ถูกคนร้ายใช้มีดแทงในระหว่างเดินทางไปโรงเรียน ส่งผลให้นักเรียนชั้นประถมชาวญี่ปุ่นผู้นี้ได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จากเหตุการณ์ดังกล่าว คาดทำสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นตึงเครียดมากขึ้น
ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้ทางการจีนรับรองความปลอดภัยของพลเมืองญี่ปุ่น โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเพิ่งมีเหตุการณ์คนร้ายใช้มีดไล่แทงผู้คนในเมืองซูโจว ใกล้กับนครเซี่ยงไฮ้ เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้แม่และลูกชาวญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บ และหญิงชาวจีน 1 รายเสียชีวิตขณะพยายามหยุดผู้ก่อเหตุ
เรื่องที่ 5,072 บริษัททัพเพอร์แวร์ แบรนด์ (Tupperware Brands) และบางบริษัทในเครือฯ ได้ยื่นขอความคุ้มครองการล้มละลายภายใต้มาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายสหรัฐฯ (Chapter 11) เมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับยอดขายภาชนะบรรจุอาหารที่เคยโด่งดังในอดีตที่ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับปัญหาขาดทุนทางการเงินที่สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในช่วงโควิด-19 ระบาด ยอดขายทัพเพอร์แวร์ ซึ่งเป็นแบรนด์สินค้าของใช้ในบ้านโดยเป็นที่รู้จักในด้านการผลิตกล่องพลาสติกเก็บรักษาอาหารมานานนับศตวรรษนั้น เพิ่มขึ้นในช่วงสั้น ๆ เนื่องจากคนทำอาหารที่บ้านมากขึ้น แต่หลังจากหมดโรคระบาด ทัพเพอร์แวร์ก็ต้องเผชิญกับปัญหาอีกครั้ง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบต่าง ๆ เช่น เม็ดพลาสติก รวมถึงต้นทุนค่าแรงและค่าขนส่ง ต่างก็พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรของทัพเพอร์แวร์ลดลงอย่างต่อเนื่อง
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลากดิจิทัล ยอดพุ่ง 26 ล้านฉบับ มั่นใจแก้หวยแพงสำเร็จ