ข่าวเด่น เย็นนี้ 9 ก.ย.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ การเมืองสัปดาห์นี้ติดตามการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 12 ถึง 13 ก.ย.นี้
เรื่องที่ 4,995 สำหรับนโยบายของรัฐบาล มีนโยบายเร่งด่วน 10 นโยบาย 1 ในนั้นคือการเดินหน้าแจกเงิน digital Wallet ตามที่ได้มีการหาเสียงเอาไว้
ซึ่งไทม์ไลน์เดิมคาดว่า จะเริ่มจากในทันทีในช่วงก่อนสิ้นเดือนก.ย.นี้ สำหรับกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ โดยจะแจกเป็นเงินสด ส่วนประชาชนทั่วไป คงต้องรอความชัดเจนในช่วงเดือนต.ค.
สำหรับนโยบายของรัฐบาล แพทองธาร ชินวัตร ส่วนใหญ่เป็นการสานต่อนโยบายของนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เศรษฐา ทวีสิน โดยเน้นที่การกระตุ้นเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม สำหรับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาครั้งนี้ เอาจริงๆ จะเหลือฝ่ายค้านแทบจะพรรคเดียว คือพรรคประชาชน เพราะพรรคพลังประชารัฐ แม้จะเป็นฝ่ายค้านในนาม แต่เกินครึ่งหนึ่งของ สส.ในพรรคอยู่ในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งสนับสนุนพรรคเพื่อไทย
ดังนั้น จึงอย่าได้แปลกใจ ที่จะเห็นการอภิปราย จาก สส.แค่พรรคเดียว คือพรรคประชาชน
เรื่องที่ 4,996 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ทำงานได้แบบต่อเนื่องสำหรับพี่ตุ๋ย “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพราะยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เดิม
ล่าสุด ก็เดินหน้าซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน ซึ่งกระทรวงพลังงานให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างต่อเนื่อง การซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน มีหน่วยงานในภายสังกัดกระทรวงพลังงานทั้งหมด รวมทั้งหน่วยงานภายนอกที่คาดว่าจะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์
ยกตัวอย่างเช่น กรมสรรพสามิต ซึ่งรับผิดชอบเรื่องภาษีต่างๆ กรมประชาสัมพันธ์ที่รับผิดชอบเรื่องการสื่อสารประชาสัมพันธ์ และสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยปีนี้มีการกำหนดสถานการณ์สมมติ ซึ่งปัญหาจากภายนอกประเทศจะเป็นเรื่องผลกระทบจากการสู้รบในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้ส่งออกน้ำมันดิบในภูมิภาคได้น้อยกว่าปกติ
พี่ตุ๋ยเปรียบเปรยว่า การซ้อมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานในครั้งนี้ ก็เหมือนการซ้อมแผนรองรับเพลิงไหม้ในอาคาร ที่หากมีการซ้อมให้เสมือนจริงเป็นประจำ ก็จะทำให้ทุกคนรู้ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
ในเมื่อพี่ตุ๋ยได้ทำงานในตำแหน่งที่คุ้นเคย ก็ขอให้เดินหน้าดันร่างกฎหมายต่างๆเกี่ยวกับพลังงานที่จะแก้อออกใหได้โดยไวด้วยนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 4,997 ใครจะว่าอะไร ก็ช่าง แต่ที่กระทรวงการคลังเวลา หงุดหงิด นอนหลับไม่สบายกับฝ่ายการเมือง มาแล้วหลายวัน ทั้ง “รมช.หนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” และ “รมช.อ๊อฟ-เผ่าภูมิ โรจนสกุล” เพราะไปสร้างความสับสน อลหม่าน ให้กับประชาชน ในช่วงรัฐบาลตั้งไข่ จะตอบว่า ไม่แจกเงินก็ได้ เพราะคนอาจจะผิดหวัง เสียคะแนนเสียง แต่ไอ้ที่จะตอบว่า ได้เงินแน่นอน นักข่าว ก็ดันถามอีกว่า เป็นเงินสดหรือ ดิจิทัล
สุดท้าย “ขุนคลัง-พิชัย ชุณหวชิร” รมว.คลัง เฉลย ได้เงินสดครับ สำหรับผู้ที่ถือบัตรคนจนและผู้พิการ รวม 14.5 ล้านคน กดทันที 20 ก.ย.นี้
ส่วนที่ลงทะเบียนทางรัฐ รอบหน้า เดือนต.ค.2567 จากงบประมาณปี 2568 สรุปกันได้เสียที ก็ค่อยสบายใจ
เรื่องที่ 4,998 ช่วงนี้ “ขุนคลังพิชัย” ให้ข่าวเป็นชุด ทั้งชุดใหญ่ และชุดเล็ก นักข่าวทำงานกันแทบไม่ทัน เพราะไม่ใช่แค่ขุนคลัง แต่ท่านยังควบเป็นรองนายกฯ น่าจะคุมเศรษฐกิจด้วยนะครับ พี่น้อง!! เพราะการให้สัมภาษณ์นักข่าวแต่ละครั้ง เป็นข่าวใหญ่ ถึงใหญ่ที่สุดในแต่ละวัน
ล่าสุด ตลาดหุ้นไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขายทะลุ 1 แสนล้านบาท ดันดัชนีขึ้นไปแตะ 1,400 จุด ไม่ธรรมดาจริงๆ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ขุนคลังแจงพบจุดเด่น 4 ข้อ ตามนี้
1. ความเชื่อมั่นในรัฐบาลที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และมีความชัดเจนในนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาของประชาชน
2. มีการปรับกติกาการลงทุน เช่น เรื่อง short sale เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน
3. เมื่อนักลงทุนมีความเชื่อมั่น การผลักดันกองทุนใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลคือ กองทุนวายุภักษ์ จึงได้รับการตอบรับจากนักลงทุน
และ 4.หุ้นเทคโนโลยี หรือไฮเทคในตลาดหุ้นต่างประเทศปรับตัวลดลง และดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีแนวโน้มขาลงมีผลต่อเงินทุนไหนเข้าในตลาดหุ้น
ไม่ได้โม้นะ!!!!
เรื่องที่ 4,999 คมนาคมเร่งเครื่องเต็มสูบ เตรียมเดินหน้าสัญญา 4-5 รถไฟไทย-จีน ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ซึ่ง นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เผยว่า จากที่มีประเด็นสถานีอยุธยา ซึ่งแนวทางขณะนี้ คือต้องเดินหน้าลงนามสัญญาก่อสร้างที่ได้ประกาศผลผู้ได้รับคัดเลือกไว้นานแล้ว โดยหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ปฎิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ ก็จะนำเรื่องนี้ หารือกับนายกรัฐมนตรีเพื่อตัดสินใจ คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ภายในเดือนต.ค. 2567
พร้อมย้ำ ไม่ว่าผลมรดกโลกจะพิจารณาออกมาอย่างไร จะผ่านหรือไม่ผ่าน โครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ก็ต้องก่อสร้างต่อไปตามเดิม ไม่มีการย้ายแนว เพราะจะทำให้งบประมาณเพิ่มและต้องใช้เวลาเพิ่มอีก 10 ปี จึงเป็นเหตุผลที่ต้องตัดสินใจลงนามสัญญาก่อสร้าง ก็หวังว่าจะได้เห็นโครงการดังกล่าวได้ขึ้นเป็นรูปเป็นร่างในเร็ววัน พี่น้องประชาชนระแวกนั้นจะได้รับประโยชน์ด้วยนะขอรับ
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 5,000 จำนวนเครื่องรับจ่ายบิตคอยน์อัตโนมัติ (Bitcoin ATM) กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนเตือนว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะทำให้อาชญากรรมทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ ตู้ ATM ที่ทำธุรกรรมด้วยบิตคอยน์มีลักษณะคล้ายกับตู้ ATM เงินสด โดยมีการใช้รหัส PIN และมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการถอน เช่นเดียวกับตู้ ATM ทั่วไป
อย่างไรก็ดี ตู้ ATM บิตคอยน์ต่างจากตู้ ATM เงินสดตรงที่เหรียญคริปโทเคอร์เรนซีชนิดนี้มีมูลค่าสูง ซึ่งทำให้ตู้ ATM บิตคอยน์กลายเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ ด้วยเหตุนี้ตู้ ATM เงินสดที่มักจะติดตั้งอยู่ข้างจุดจำหน่ายขนมและเครื่องดื่มชูกำลังในสถานีบริการน้ำมันนั้น อาจไม่ได้รับความสนใจจากมิจฉาชีพมากนัก ในขณะที่ตู้ ATM บิตคอยน์กลับถูกหมายตาจากมิจฉาชีพมากกว่า ซึ่งสำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังส่งสัญญาณเตือนภัยที่มีต่อตู้ ATM บิตคอยน์ทั้งจากแฮกเกอร์และมิจฉาชีพ โดยคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FTC) รายงานในสัปดาห์นี้ว่า การหลอกลวงเหล่านี้เพิ่มขึ้นถึง 1,000% นับตั้งแต่ปี 2563
เรื่องที่ 5,001 สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% โดยตัวเลขเงินเฟ้อที่ซบเซาของจีนบ่งชี้ว่าอุปสงค์ภายในประเทศยังคงอ่อนแอนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าหน้าประตูโรงงาน ปรับตัวลง 1.8% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเดือนที่ 23 นอกจากนี้ ดัชนี PPI เดือนส.ค.ยังปรับตัวลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.4% โดย อี้ กัง อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวในการประชุมเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ย.) ว่า จีนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการรับมือกับ “แรงกดดันด้านเงินฝืด” พร้อมกับคาดการณ์ว่า ดัชนี CPI อาจจะเคลื่อนตัวเหนือระดับ 0% เพียงเล็กน้อยภายในสิ้นปีนี้
เรื่องที่ 5,002 สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นปรับลด GDP ภายในประเทศ ประจำไตรมาส 2/2567 ในวันนี้ (9 ก.ย.) โดยระบุว่า GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ลดลงจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัว 3.1%
เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ตัวเลข GDP ไตรมาส 2 ของญี่ปุ่นขยายตัว 0.7% ลดลงจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP มีการขยายตัว 0.8% ส่วนการลงทุนในด้านทุน ขยายตัว 0.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งดีกว่าการประเมินเบื้องต้นที่ระบุว่ามีการขยายตัว 0.8% และการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนซึ่งคิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของตัวเลข GDP นั้น ขยายตัว 0.9% ชะลอตัวลงจากการประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าขยายตัว 1% ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า แม้ว่าทางการญี่ปุ่นปรับลดการประเมินตัวเลข GDP ไตรมาส 2 แต่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเปิดทางให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้อีก ต้องคอยจับตาทิศทางทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ดี
เรื่องที่ 5,003 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์เปิดเผยว่า สิงคโปร์เตรียมยกระดับความปลอดภัยด่านตรวจคนเข้าเมืองทั้งทางบก ทางอากาศ และทางทะเลในสัปดาห์นี้ โดยอ้างว่าเป็นเพราะ “สถานการณ์ที่ต้องการความปลอดภัยในภูมิภาคที่มากขึ้น” พร้อมเตือนว่าอาจเกิดความล่าช้าและใช้เวลานานขึ้นในการตรวจคนเข้าเมือง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การยกระดับความปลอดภัยดังกล่าวตรงกับช่วงเวลาการเสด็จเยือนสิงคโปร์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ตั้งแต่วันพุธ-ศุกร์ (11-13 ก.ย.) ซึ่งจะมีการจัดพิธีมิสซาสำหรับผู้เข้าร่วมงานประมาณ 50,000 คน อย่างไรก็ตาม ประกาศดังกล่าวของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองสิงคโปร์ผ่านโพสต์บนโซเชียลมีเดียในวันอาทิตย์ (8 ก.ย.) ไม่ได้ระบุเกี่ยวกับการเสด็จเยือนสิงคโปร์ของสมเด็จพระสันตะปาปาหรืออธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านความปลอดภัยแต่อย่างใด
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สลากดิจิทัล ยอดพุ่ง 26 ล้านฉบับ มั่นใจแก้หวยแพงสำเร็จ