ข่าวเด่น เย็นนี้ 17 ก.ค.2567
ข่าวเด่น เย็นนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) แต่งตั้ง “พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย” ร่วมทีมโฆษกพรรค เพื่อทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์การขับเคลื่อนงานของพรรค ภายใต้สโลแกน “พรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัย“ ที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้กับพี่น้องประชาชนทุกช่วงวัย ถึงแนวคิดและการทำงานทุกมิติ ด้วยส่วนผสมของบุคลากรคุณภาพ ทั้งที่มีประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่
เรื่องที่ 4,748 สำหรับ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เมื่อพุทธศักราช 2528 ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อพุทธศักราช 2540 และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เมื่อพุทธศักราช 2549 ระดับปริญญาเอก การจัดการดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เมื่อพุทธศักราช 2558
เขา เข้ารับราชการและเจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย กำกับดูแลควบคุมการบริหารงานในองค์กรตำรวจภูธรภาค 5
พล.ต.ท.ปิยะ เป็นที่รู้จักดีกับบทบาทสำคัญในช่วงการชุมนุมทางการเมือง เพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เขาได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ในฐานะเป็นโฆษก บช.น.
เรื่องที่ 4,749 ฉะกันแบบไม่จบสิ้น กับดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ล่าสุดในที่ประชุมสภา วันนี้ (17 ก.ค.) ดุเดือดไปแพ้กัน เมื่อ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตรอกกลับรัฐบาล เกี่ยวกับอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อนำไปใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ตนไม่เคยต่อต้านโครงการนี้ และในทางตรงกันข้าม ตนทวงถามรัฐบาลทุกครั้งจะว่าได้เงินเมื่อไร เพราะถือว่าเมื่อรัฐบาลได้หาเสียงไว้แล้ว ก็ต้องมีความรับผิดชอบ ทำให้ทันเวลา ถูกกฎหมาย โปร่งใส คุ้มค่า แต่มองว่ายังมีอีกหลายเรื่องที่รัฐบาลไม่บอกกับประชาชน หรือบอกไม่หมด หรือบิดเบือนจากข้อเท็จจริง เหมือนเล่นขายของไปวัน ๆ โอนไปเอนมา เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ เลื่อนเวลาโครงการออกไปหลายรอบ ขณะที่แหล่งเงินก็กลับไปกลับมา สภาลุกเป็นไฟไปหมดแล้วครับท่าน ไม่รู้จะไปจบกันที่ตรงไหน ถกเถียงกันไปมา แต่จะบอกว่า ประชาชนรออยู่นะจ๊ะ
เรื่องที่ 4,750 สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยถูกตอกย้ำถึงความย่ำแย่อีกครั้ง หลังสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือส.อ.ท. นำโดยพี่ไก่ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานส.อ.ท. พูดถึงการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมิ.ย. 2567
ซึ่งผลปรากฎว่าอยู่ที่ระดับ 87.2 ปรับตัวลดลงจาก 88.5 ในเดือนพ.ค. 2567 โดยประเด็นที่สำคัญก็คือเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันแล้ว ซึ่งเมื่อพิจารณาลึกลงไปในองค์ประกอบของดัชนี
ก็ได้บทสรุปว่าปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ ทั้งยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต ต้นทุนประกอบการ และผลประกอบการ โดยมีปัจจัยลบจากเศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวช้า จากอุปสงค์ในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึงขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ จากปัญหาหนี้เสีย (NPL) ที่เร่งตัวขึ้น
โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย รถยนต์ บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ส่งผลให้การบริโภคในประเทศชะลอลง ขณะที่ SMEs ก็ประสบปัญหาสภาพคล่อง ขาดเงินหมุนเวียนในกิจการ และเข้าถึงสินเชื่อได้ยากขึ้น และอีกหลายปัจจัย
เตือนกันอีกครั้งว่าอย่าลืมรัดเข็มขัดเงินในกระเป๋ากันไว้บ้างนะขอรับ
สรุปข่าวเด่นต่างประเทศ
เรื่องที่ 4,751 ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 6.25% ในการประชุมวันนี้ (17 ก.ค.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 และสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงค่าเงินรูเปียห์
นายเพอร์รี วาร์จิโย ผู้ว่าการธนาคารกลางอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับดังกล่าวต่อไปจนกว่าสกุลเงินรูเปียห์จะแข็งแกร่งขึ้น พร้อมกับส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางอาจจะเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากนี้ นายวาร์จิโยกล่าวว่า ธนาคารกลางอินโดนีเซียยังคงตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เอาไว้ที่ระดับ 3.2% และคาดว่าเศรษฐกิจอินโดนีเซียจะยังคงทำผลงานแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ พร้อมกับคงตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2567 ของอินโดนีเซียเอาไว้ที่ระดับ 4.7%-5.5%
เรื่องที่ 4,752 นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน กล่าวว่า ไต้หวันควรจ่ายเงินให้สหรัฐเป็นค่าใช้จ่ายในการป้องกันดินแดน เนื่องจากไต้หวันไม่ได้ให้อะไรแก่สหรัฐเลย ส่งผลให้หุ้น TSMC ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตชิปของไต้หวัน ร่วงลงในวันนี้ (17 ก.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า TSMC เป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่ใช้ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ AI, สมาร์ตโฟน ไปจนถึงเครื่องบินรบ โดยทางนักวิเคราะห์เชื่อว่า ความขัดแย้งใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับไต้หวันจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง ทั้งนี้ สหรัฐเป็นผู้สนับสนุนและจัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน แต่ไม่มีข้อตกลงด้านกลาโหมกันอย่างเป็นทางการ
เรื่องที่ 4,753 การเสียชีวิตของผู้ใช้งานติ๊กต๊อก (TikTok) ชาวมาเลเซียได้กระตุ้นให้รัฐบาลพิจารณาเพิ่มการกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ หรือ ไซเบอร์บูลลี่ (cyberbully) ให้เป็นอาชญากรรมและเพิ่มความรับผิดชอบให้แก่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ราเจสวารี อัปปาฮู ถูกพบว่าเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งเป็นเวลาเพียงหนึ่งวันหลังจากที่เธอแจ้งความกับตำรวจเกี่ยวกับการคุกคามผ่านช่องทางออนไลน์ที่เธอได้รับ ส่งผลให้มีบุคคล 2 รายยอมรับสารภาพต่อศาลข้อหากระทำความผิดเกี่ยวกับการสื่อสารเมื่อวันอังคาร (16 ก.ค.) โดยหนึ่งในนั้นถูกลงโทษปรับ 100 ริงกิต (21.40 ดอลลาร์)
เรื่องที่ 4,754 สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางการทูตเมื่อวานนี้ (16 ก.ค.) ว่า ญี่ปุ่นเตรียมรับภาระปล่อยกู้ให้ยูเครน 3.3 พันล้านดอลลาร์ ในฐานะส่วนหนึ่งของการสนับสนุนจากสมาชิกกลุ่ม G7 โดยจะใช้เงินดอกเบี้ยที่ได้จากสินทรัพย์รัสเซียที่ถูกอายัดจากมาตรการคว่ำบาตร
สมาชิกกลุ่ม G7 ได้ประสานงานกันในการเฟ้นหาวิธีการจัดสรรเงินช่วยเหลือ หลังจากที่เหล่าผู้นำของกลุ่มตกลงกันระหว่างการประชุมสุดยอดที่อิตาลีในเดือนมิ.ย. ว่าจะจัดสรรเงินทั้งหมด 5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนยูเครน ซึ่งถูกรัสเซียรุกรานตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและสหภาพยุโรป (EU) จะรับภาระให้เงินกู้ยูเครนประเทศละ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ญี่ปุ่น อังกฤษ และแคนาดาจะร่วมกันรับภาระอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ที่เหลือ โดยกลุ่ม G7 ตั้งเป้าที่จะเริ่มโครงการดังกล่าวภายในสิ้นปีนี้
เรื่องที่ 4,755 สมาพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) เปิดเผยว่า เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักในปริมาณกว่า 345,467 ตันในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งเป็นช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งสร้างรายได้ให้กับเมียนมากกว่า 175 ล้านดอลลาร์
ข้อมูลระบุว่า เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 111,862 ตันในเดือนเม.ย ซึ่งสร้างรายได้กว่า 55 ล้านดอลลาร์, 71,279 ตันในเดือนพ.ค. ซึ่งสร้างรายได้กว่า 36 ล้านดอลลาร์ และ 162,326 ตันในเดือนมิ.ย. ซึ่งสร้างรายได้กว่า 84 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักไปยังกว่า 20 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งรวมถึงอินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, จีน และเบลเยียม ทั้งนี้ MRF ระบุว่า ในปีงบประมาณ 2566-2567 เมียนมาส่งออกข้าวและข้าวหักมากกว่า 1.6 ล้านตัน ซึ่งสร้างรายได้กว่า 845 ล้านดอลลาร์
โดยนพวัชร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ข่าวเด่น เย็นนี้ 16 ก.ค.2567