ข่าวเด่น เย็นนี้ 11 เม.ย.2567
และแล้วรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ก็ประกาศว่า จะเดินหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ 50 ล้านคน โดยมีจะมีเกณฑ์ ได้แก่ ผู้มีอายุเกิน 16 ปี ไม่เป็นผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 840,000 บาทต่อปีภาษี และมีเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจรวมกันไม่เกิน 500,000 บาท
เรื่องที่ 4,317 ส่วนแหล่งเงินของโครงการฯวงเงิน 500,000 ล้านบาท จะใช้เงินจากงบประมาณจาก 3 ส่วน ได้แก่
1. เงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 152,700 ล้านบาท ซึ่งได้ขยายกรอบวงเงินงบประมาณในปี 2568 เรียบร้อยแล้ว
2. การดำเนินโครงการผ่านหน่วยงานของรัฐ จำนวน 172,300 ล้านบาท โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลกลุ่มประชาชนที่เป็นเกษตรกร จำนวน 17 ล้านคนเศษ ผ่านกลไกมาตรา 28 ของงบประมาณปี 2568
และ 3. การบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของรัฐบาล จำนวน 175,000 ล้านบาท
จะว่าไปแล้ว โครงการนี้ไม่ว่ารัฐบาลจะเดินหน้าต่อหรือไม่เดินหน้าต่อ รัฐบาลก็จะยังถูกด่าอยู่ดี
ที่ถูกด่าเพราะรัฐบาลคิดนโยบายนี้มายังไม่รัดกุม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาหลายรอบ
ที่ถูกด่าก็เพราะโครงการนี้เลื่อนแล้วเลื่อนอีก โดยตอนแรกบอกจะได้ในต้นปีนี้ แต่ล่าสุดบอกจะได้ในช่วงปลายปี
และที่ถูกด่าเพราะการแจกเงินมีทั้งผลดีและผลลบ เพราะถือเป็นการใช้จ่ายงบประมาณ ที่ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มพูน
ด้วยเหตุนี้ นโยบายนี้ ถึงอย่างไรก็ถูกด่า ไม่ว่าจะเดินหน้าไปทางไหน
เรื่องที่ 4,318 ประเดิมงานแรกอย่างเป็นทางการไปแล้ววันนี้ (11 เม.ย. 67) สำหรับพี่ไก่ “นายเกรียงไกร เธียรนุกุล” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือประธานส.อ.ท.สมัยที่ 2 วาระปี พ.ศ. 2567-2569
โดยเป็นงานที่พี่ไก่คุ้นเคยอยู่แล้วนั่นก็คือการเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมี.ค. 67 โดยถือว่าเป็นข่าวที่ดีเพราะดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 90.0 ในเดือนก.พ. 67 มาอยู่ที่ 92.4
ซึ่งมาจากการที่ทุกองค์ประกอบทั้งยอดขายโดยรวม คำสั่งซื้อโดยรวม ปริมาณการผลิตและผลประกอบการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่ทยอยฟื้นตัว
แต่ปัจจัยลบก็ยังพอมีอยู่บ้างจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังทรงตัวสูง ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศยังฟื้นตัวได้อย่างจำกัด
ได้คนคุ้นเคยอย่างพี่ไก่กลับมาทำหน้าที่ สื่อมวลชนก็สบายไปอีกแบบ เพราะจะถามจะตอบก็ดูคล่องตัว พี่ไก่เองก็เป็นคนที่ให้ความเห็นได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว แบบนี้ก็เรียกว่าวินวินกันนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 4,319 ใครคือเสือปืนไหว!! ตอบถูกได้รับรางวัลจาก รมช.คลัง…. ล่าสุด “รมช.คลังตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายให้ ธอส. เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้มีบ้านง่ายขึ้น เรียกว่า งานใหญ่ก่อนถึงคิววันสงกรานต์ หลังจบงาน “รมช.คลัง” ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ธอส.ควรลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อช่วยลูกค้าของธนาคารรับเทศกาลสงกรานต์ พูดเสร็จก็เดินทันที ไม่ทันสังเกต “พี่ต้น-กมลภพ วีระพละ” เอ็มดี ธอส. ยืนยิ้มนิ่งๆ ไม่ตอบ แต่พอตกบ่าย ธอส.ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง MRR ลง 0.105% ทันที
แต่อาจจะช้าไปหน่อย เมื่อเทียบกับ “ดร.รักษ์-รักษ์ วรกิจโภคาทร” เอ็มดี ธสน. หรือเอ็กซิมแบงก์ เพราะคุณน้องประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ก่อนไก่โห่ (หลายตัว) โดยลดอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.15% เหลือ 6.60% ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2567
เรื่องที่ 4,320 ครบรอบ 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 “พี่ตุ้ย-นายธีรัชย์ อัตนวานิช” อธิบดีกรมศุลกากร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวผลการจับกุมสินค้าเถื่อน สินค้าหนี้ภาษี รวมถึงผลการปราบปรามยาเสพติด เรียกว่า ผลงานเข้าตากรรมการมากโข!!
โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต..ค.ปีที่แล้ว จนถึงวันที่ 4 เม.ย.ปีนี้ กรมศุลกากรตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายที่เข้ามาในและออกไปนอกราชอาณาจักร จำนวนรวมทั้งสิ้น 2,307 คดี มูลค่า 644,762,297 บาท
1. ยาเสพติด อาทิ เฮโรอีน โคคาอีน ECSTASY ตรวจยึดได้ 79 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 34 ราย 321,511 เม็ด 219.23 กิโลกรัม มูลค่า 438,953,454 บาท ซึ่งประเภทยาเสพติดที่สามารถตรวจยึดได้มากที่สุด คือ เฮโรอีน 28 คดี รองลงมาคือ โคเคอีน 17 คดี
2. กัญชา (นอกเหนือจากช่อดอกและสารสกัดชนิดต่าง ๆ จากกัญชาที่ยังถือว่าเป็นยาเสพติด) ตรวจยึดได้ 275 คดี ปริมาณ 4,831 กิโลกรัม มูลค่า 6,736,638 บาท
3. บุหรี่ไฟฟ้า อุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า /บารากู่ บารากู่ไฟฟ้า ตรวจยึดได้ 169 คดี 262,693 ชิ้น มูลค่า 33,224,177 บาท
4. บุหรี่ซิกาแรต ตรวจยึดได้ 1,004 คดี 14,337,351 มวน มูลค่า 84,740,763 บาท
5. สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน (สมอ.) ตรวจยึดได้ 18 คดี 210,936 ชิ้น มูลค่า 52,310,000 บาท
6. สินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตรวจยึดได้ 306 คดี 124,635 ชิ้น มูลค่า 11,986,665 บาท
7. สินค้าเกษตร อาทิ กระเทียม ส้ม หอมแดง มะพร้าวและมะพร้าวฝอย ตรวจยึดได้ 302 คดีปริมาณ 409,397 กิโลกรัม มูลค่า 13,868,245 บาท
8. น้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจยึดได้ 154 คดี ปริมาณ 110,643 ลิตร มูลค่า 2,942,355 บาท
รู้หรือยังว่า “พี่ตุ้ย” น่ะ!! ไม่ธรรมดา ครับพี่น้อง
เรื่องที่ 4,321 ช่วงเทศกาล วอนอย่าฉวยโอกาสขึ้นราคา ล่าสุด นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายใน ตรวจสอบรักษาความเป็นธรรมทางการค้า และป้องกันการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งกรมการค้าภายใน ได้จัดให้มีเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าและคิดค่าบริการให้ตรงกับราคาที่แสดงไว้ และอย่าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาจำหน่ายสินค้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ขายราคาไหน เก็บราคานั้น ไม่ใช่กะจะขูดเลือดขูดเนื้อกัน โลกโซเชียลเขาไวนะจ๊ะ ระวังขายแพง จะได้ออกสื่อแบบไม่รู้ตัว
เรื่องที่ 4,322 จะใกล้หยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว 12-16 เม.ย. 67นี้ พี่น้องประชาชนต่างทยอยพากันกลับภูมิลำเนา ใครกลับบ้านก็โปรดระมัดระวังตัวเอง และสำภาระให้ดี ๆ ช่วงจังหวะนี้ขโมย ขโจรมันเยอะ นอกจากนี้หมั่นตรวจเช็กสภาพรถก่อนออกเดินทาง ส่วนใครที่สนใจจะนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เข้าตรวจเช็กก่อนการเดินทางในช่วงสงกรานต์นี้ ก็สามารถเข้ารับบริการได้ฟรี โดยสามารถตรวจรถฟรี 20 รายการ ตั้งแต่วันนี้ – 15 เม.ย. 67 ณ ศูนย์บริการของภาคีเครือข่ายภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศรวมกว่า 2,000 แห่ง ที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สุดท้ายนี้ สำนักข่าว AEC10NEWs ขออวยพรให้ทุกท่าน เดินทางโดยสวัสดิภาพ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 4,323 ข้อมูลจากโฆษกกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์เมียนมาและสื่อท้องถิ่นเมียนมาระบุว่า ทหารเมียนมาประมาณ 200 นายได้ถอนกำลังล่าถอยมายังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองเมียวดีของรัฐกะเหรี่ยงในประเทศเมียนมากับอำเภอแม่สอดในจังหวัดตากของประเทศไทยในวันนี้ (11 เม.ย.) หลังจากถูกกบฏฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาโจมตีติดต่อกันหลายวัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมากำลังสู้รบกับกลุ่มกบฏติดอาวุธตามแนวหน้าต่าง ๆ และประสบกับความพ่ายแพ้ในหลายพื้นที่ โดยการทิ้งค่ายของทหารฝ่ายกองทัพเมียนมาในเมืองเมียวดีถือเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่ากองทัพเมียนมากำลังจะสูญเสียด่านการค้าพรมแดนสำคัญไปอีกแห่ง โดยด่านการค้าแห่งนี้มีถนนทางหลวงที่สามารถมุ่งตรงไปยังหลายพื้นที่ทางภาคกลางของเมียนมา
เรื่องที่ 4,324 กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) ระบุว่า เด็กมากกว่า 243 ล้านคนทั่วเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัด ขณะที่ทั่วภูมิภาคต้องรับมือกับฤดูร้อนที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
ยูนิเซฟเตือนว่า ฤดูร้อนนี้จะเกิดคลื่นความร้อนที่รุนแรงและถี่กว่าปกติในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เนื่องจากระดับความชื้นสูงในภูมิภาคทำให้ร่างกายเย็นลงตามธรรมชาติได้ยากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเด็กยังไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ดีเท่าร่างกายของผู้ใหญ่ ส่งผลให้เด็ก ๆ เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากอากาศร้อน เช่น โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหอบหืด รวมถึงโรคหัวใจและหลอดเลือด
เรื่องที่ 4,325 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาทองแดงในตลาดโลกพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากความเสี่ยงด้านอุปทาน และอุปสงค์ที่มีแนวโน้มฟื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สัญญาทองแดงส่งมอบเดือนพ.ค.ในตลาดนิวยอร์กเคลื่อนไหวที่ระดับ 4.323 ดอลลาร์/ปอนด์ในช่วงเช้าวันพุธ (10 เม.ย.) และปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 ในวันอังคาร (9 เม.ย.) โดยในระหว่างวันของวันอังคารนั้น ราคาทองแดงทะยานขึ้นแตะระดับ 4.334 ดอลลาร์/ปอนด์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนม.ค. 2566
นักวิเคราะห์ของธนาคารหลายแห่งในวอลล์สตรีทต่างก็มีมุมมองเชิงบวกว่า ราคาทองแดงจะพุ่งขึ้นต่อเนื่องจนถึงสิ้นปีนี้ โดยในช่วงต้นสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่าทองแดงจะเข้าสู่ภาวะตลาดกระทิงเป็นครั้งที่ 2 ในศตวรรษนี้
เรื่องที่ 4,326 ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) คาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสิงคโปร์จะขยายตัว 2.4% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีการขยายตัวเพียง 1.1% ซึ่ง ADB คาดการณ์ว่าอุปสงค์ภายในประเทศของสิงคโปร์จะยังคงฟื้นตัว และการส่งออกที่แข็งแกร่งจะช่วยกระตุ้นการเติบโตของ GDP ในสิงคโปร์ในปีนี้
ภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นและการฟื้นตัวของค่าจ้างจะช่วยชดเชยผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงขึ้นของสิงคโปร์ ขณะที่การใช้จ่ายของภาครัฐจะยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ยังคงรักษาจุดยืนทางการคลังที่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ ตัวเลขการค้าที่แข็งแกร่งในปีนี้แสดงให้เห็นถึงอุปสงค์ในต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน
เรื่องที่ 4,327 องค์การการค้าโลก (WTO) ออกรายงานคาดการณ์ว่า การค้าโลกจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในปีนี้ ก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อไปในปี 2568 เนื่องจากผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นนั้นได้บรรเทาลง
ทั้งนี้ WTO ได้เผยแพร่รายงาน “Global Trade Outlook and Statistics” ในวันพุธ (10 เม.ย.) โดยคาดการณ์ว่า ปริมาณการค้าโลกจะขยายตัว 2.6% ในปี 2567 และเพิ่มขึ้นอีก 3.3% ในปี 2568 หลังจากลดลงมากกว่าคาด 1.2% ในปี 2566 เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ
โดยนพวัชร์