ข่าวเด่น เย็นนี้ 30 ม.ค.2567

31 ม.ค.67 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือไม่

เรื่องที่ 3,740 เรื่องดังกล่าวผู้ร้องได้ขอให้ “เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพอันนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ”
ย้อนดูนโยบายแก้ 112 ของพรรคก้าวไกล มีสารสำคัญ ดังนี้
ลดโทษของกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์มีความสอดคล้องกับหลักสากล โดยให้เหลือเพียง
จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระมหากษัตริย์)
จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)
(โทษหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาจะถูกลดลงจากโทษจำคุก 0-2 ปี เหลือแค่โทษปรับ)
ย้ายกฎหมายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ออกจากหมวดความมั่นคงให้เป็นความผิดที่ยอมความได้ โดยกำหนดให้สำนักพระราชวังเป็นผู้มีสิทธิแจ้งความหรือร้องทุกข์กล่าวโทษเพียงผู้เดียว
บัญญัติให้ชัดเจนในกฎหมาย เพื่อคุ้มครองกรณีการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตหรือการพูดความจริงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธาณะ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันกับเหตุยกเว้นความผิดและเหตุยกเว้นโทษสำหรับการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา
แนวทางการพิจารณาของศาล มี 2 แนวทางคือ
หนึ่ง ยกคำร้อง ไม่ได้กระทำการล้มล้างการปกครองฯ
สอง วินิจฉัยว่าผิด กระทำการล้มล้างการปกครองฯ
สำหรับในวันที่ 31 ม.ค.นี้ ได้รับแจ้งจากพรรคก้าวไกล ว่า ติดวาระสำคัญในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ทำให้ไม่สามารถมีแกนนำพรรคไปฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ โดยทางแกนนำและ สส. พรรคก้าวไกล จะร่วมกันติดตามถ่ายทอดสดการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่สภา และจะมีการประชุมและหารือร่วมกันก่อนจะมีการแถลงข่าวต่อไป

เรื่องที่ 3,741 ใกล้จะสิ้นสุดลงเข้ามาทุกทีแล้วสำหรับมาตรการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินทุกประเภทตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน
ซึ่งส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลงตั้งแต่วันที่ 7 พ.ค. 66 เป็นต้นมา โดยจะครบกำหนดวันพรุ่งนี้ (31 ม.ค. 67) ซึ่งสิ่งที่หลายคนกังวลก็คือราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์จะพุ่งกระโดดพรวดพราดขึ้นมาเลยหรือไม่ หลังไม่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องภาษีสรรพสามิต
เรื่องนี้กระทรวงพลังงานเองก็ออกมานั่งยันนอนยันหลายรอบ และล่าสุดพี่เสริฐ “ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ” ปลัดกระทรวงพลังงาน ระบุให้อีกครั้งว่า กระทรวงฯจะดำเนินการใช้กลไกลกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน
นอกจากนี้ก็จะดูแลไม่ให้น้ำมันขาดสต็อก พร้อมขอให้ประชาชนเติมน้ำมันตามปกติ ไม่ต้องกังวลว่าราคาน้ำมันจะขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะหากเติมน้ำมันพร้อมกันในวันเดียวกัน อาจทำให้ปริมาณการเติมน้ำมันสูงขึ้นผิดปกติจนเกินกว่าปริมาณน้ำมันที่สถานีบริการเตรียมไว้ อาจเกิดความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการ
เรียกว่าท่านปลัดเองก็เตรียมการรับมือมาเป็นอย่างดีเหมือนกันนะขอรับ บทเรียนเมื่อครั้งตอนลดราคา 2.50 บาทต่อลิตรแล้วประชาชนรอเติมจนเกลี้ยงปั๊มยังหลอกหลอนอยู่ใช่ไหมล่ะขอรับเจ้านาย

เรื่องที่ 3,742 นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ให้ความสำคัญกับช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาภาคธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ของธนาคารมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และปรับเป็นมาตรการช่วยเหลือแบบเฉพาะจุดหลังสถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้น โดยยึดหลักการช่วยเหลืออย่างครบวงจรและยั่งยืน ถึง ณ ปัจจุบัน ยังมียอดภาระหนี้ที่ธนาคารและสถาบันการเงินให้ความช่วยเหลืออีกกว่า 3.4 ล้านล้านบาท หรือมากกว่า 6.1 ล้านบัญชี ทั้งยังพร้อมเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง สอดรับมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม ถือว่าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เป็นหนี้ ให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ในการดำรงชีวิตแต่ละวันนะขอรับเจ้านาย
สรุปข่าวต่างประเทศ

เรื่องที่ 3,743 ในรายงานที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนเมื่อวันจันทร์ (29 ม.ค.) กระทรวงการคลังอินเดียระบุว่า อินเดียจะกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกภายในปี 2570 โดยมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังอินเดียระบุว่า เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มจะขยายตัวเหนือ 7% ในปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 เม.ย.ปีนี้และสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค.ปีหน้า หากเศรษฐกิจอินเดียขยายตัวตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ในปีนี้ก็จะถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว 7% ขึ้นไป ปัจจุบัน GDP ของอินเดียอยู่ที่ 3.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

เรื่องที่ 3,744 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงเกษตรและกิจการชนบทของจีนเปิดเผยว่า การค้าสินค้าทางการเกษตรระหว่างประเทศของจีนในปี 2566 ยังคงทรงตัวในภาพรวมเมื่อเทียบรายปี รายงานระบุว่า มูลค่าการค้าสินค้าทางการเกษตรระหว่างประเทศของจีนในปี 2566 รวมอยู่ที่ 3.33 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 11.84 ล้านล้านบาท)
การส่งออกสินค้าทางการเกษตรของจีนเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายปี แตะ 9.89 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.51 ล้านล้านบาท) ขณะการนำเข้าลดลง 0.3% แตะระดับ 2.34 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.32 ล้านล้านบาท) ด้วยเหตุนี้ การค้าสินค้าทางการเกษตรระหว่างประเทศของจีนในปี 2566 จึงขาดดุล 1.35 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.8 ล้านล้านบาท) ซึ่งลดลง 1.2% จากปี 2565

เรื่องที่ 3,745 จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของเชื้อราดื้อยา แคนดิดา ออริส (Candida auris) ที่มีอันตรายถึงชีวิต จนมีการเรียกร้องให้ทางการจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด คณะนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า พบการแพร่ระบาดของเชื้อราแคนดิดา ออริส ทั่วประเทศ และมีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากติดเชื้อดังกล่าว 182 รายในปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 33 รายในปี 2565 ขณะที่ผลการศึกษาของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฟูตั้นและมหาวิทยาลัยถงจี้ในเซี่ยงไฮ้ เผยให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2559 ตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 8-28 รายต่อปีเท่านั้น
ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารอีเมอร์จิง ไมโครบส์ แอนด์ อินเฟกชันส์ (Emerging Microbes & Infections) ระบุว่า สายพันธุ์เกือบทั้งหมดที่พบในจีนนั้น ดื้อยาฟลูโคนาโซล (Fluconazole) และราว 2%-4% ไม่สามารถรักษาด้วยยาแคสโปฟังกิน (Caspofungin) หรือยาแอมโฟเทอริซิน บี (Amphotericin B)

เรื่องที่ 3,746 องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนเมื่อวันจันทร์ (29 ม.ค.) ว่า ยากลุ่ม GLP-1 agonists ซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก ที่ประสบปัญหาขาดแคลนทั่วโลกในปีที่แล้ว ส่งผลให้มีการขายยาที่ต้องสงสัยว่าเป็นยาปลอมเพิ่มมากขึ้น
องค์การอนามัยโลกกล่าวว่า ยารักษาโรคเบาหวานปลอมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอย่างร้ายแรง มักมีการขายและจัดจำหน่ายบนแพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม รวมถึงโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ผู้ป่วยซื้อยาจากแหล่งที่ได้รับอนุญาตและมีการควบคุมอย่างถูกต้อง พร้อมกับกระตุ้นให้บุคลากรทางการแพทย์ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติในการสั่งจ่ายยาและการจำหน่ายยาอย่างเหมาะสม

เรื่องที่ 3,747 รัฐบาลญี่ปุ่นระบุในวันนี้ (30 ม.ค.) ว่า จะจัดสรรเงินราว 4.5 หมื่นล้านเยน (305 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับโครงการชิปเซมิคอนดักเตอร์ล้ำสมัยที่ดำเนินการโดยบริษัทนิปปอน เทเลกราฟ แอนด์ เทเลโฟน คอร์ป (Nippon Telegraph and Telephone Corp – NTT) ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น, บริษัทอินเทล คอร์ป (Intel Corp.) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ และบริษัทเอสเค ไฮนิกซ์ อิงค์ (SK Hynix Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เงินทุนสำหรับโครงการพัฒนาออปติคัลเซมิคอนดักเตอร์ที่ช่วยให้สามารถประมวลผลข้อมูลความเร็วสูงและใช้พลังงานน้อยลงนั้นเกิดขึ้นในขณะที่ญี่ปุ่นร่วมมือกับสหรัฐและเกาหลีใต้ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมชิปเซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีนในภาคส่วนนี้
โดยนพวัชร์