ข่าวเด่น เย็นนี้ 23 ม.ค.2567
24 ม.ค.67 จับตาศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย ในกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
เรื่องที่ 3,690 โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่
คดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาวินิจฉัย และสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนับแต่วันที่ 19 ก.ค. 2566 ต่อมานายพิธา ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา พร้อมบัญชีระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล และพยานวัตถุ โดยศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน รวม 3 ปาก คือ นายแสวง บุญมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และนายคิมห์ สิริทวีชัย
กระทั่ง ศาลศาลรัฐธรรมนูญ นัดฟังคำวินิจฉัย ในวันพุธที่ 24 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น.
เรื่องที่ 3,691 แม้ว่าตั้งแต่หลังปีใหม่เป็นไปต้นมาราคาน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ที่ขายในปั๊มของประเทศไทยจะมีการขยับราคาขึ้นไปแล้ว 1.10 บาทต่อลิตร แต่ล่าสุดก็พอจะมีข่าวดีมาฝากแฟนคอลัมภ์บก.ชวนคุยอยู่บ้าง
เมื่อได้ข่าวแว่วๆมาว่าภายในสัปดาห์นี้กระทรวงพลังงานจะมีการหารือถึงแนวโน้มราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินว่าจะมีการสนับสนุนราคาอย่างไร ซึ่งแนวโน้มคงไม่มีการอุดหนุนด้านการลดภาษีสรรพสามิตจากกระทรวงการคลังแล้ว โดยน่าจะเป็นหน้าที่ของกองทุนน้ำมันเชื่อเพลิงที่เข้ามาดูแล
เพราะตามมาตรการที่คณะรัฐมนตรี หรือครม.เห็นชอบไว้เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 66 เกี่ยวกับแนวทางการลดค่าครองชีพประชาชนตามที่กระทรวงพลังงานเสนอลดการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในกลุ่มน้ำมันเบนซินเพื่อให้ราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 91 ลง 2.50 บาทต่อลิตร เป็นเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 7 พ.ย. 66–31 ม.ค. 67 ใกล้จะครบกำหนด
และข่าวดีที่รับรู้มาก็คือ แม้กระทรวงการคลังจะไม่ร่วมลดภาษีเบนซินช่วย แต่กระทรวงพลังงานก็ยังจะลดราคาน้ำมันเบนซินให้อยู่ เพราะฉะนั้นชาวเบนซินก็ยังสบายใจได้ ราคาจะไม่กระโดดขึ้นพรวดตามภาษีที่ไม่ลดลงให้แล้วแน่นอนขอรับ
เรื่องที่ 3,692 เรียกได้ว่าขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า สำหรับ สลากออมทรัพธ์ ธอส. รุ่น “พราวพิมาน Plus” ปี 2566 ที่ล่าสุดขายหมดแลัว เตรียมเปิดขายเพิ่มอีก 10,000 ล้านบาท หลังจากได้รับความสนใจจากลูกค้าจำนวนมาก เนื่องจากสลากออมทรัพย์ดังกล่าวให้ผลตอบแทนหน้าสลากสูงถึง 2.00% ต่อปี
โดยเมื่อฝากครบกำหนดจะได้รับเงินต้นพร้อมผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยรวมหน่วยละ 10.4 ล้านบาท และยังมีสิทธิ์ลุ้นรางวัลทุกเดือนรวม 24 ครั้ง ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 มูลค่ารางวัลละ 1 ล้านบาท จำนวน 1 รางวัล/หมวด รางวัลที่ 2 รางวัลละ 5 แสนบาท จำนวน 2 รางวัล/หมวด และรางวัลที่ 3 รางวัลละ 1 แสนบาท จำนวน 10 รางวัล/หมวด และพิเศษรางวัลเลขท้าย 1 ตัว รางวัลละ 10,000 บาท (หมุน 1 ครั้ง คิดเป็นโอกาสในการถูกรางวัลถึง 10%) และนอกจากนี้ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับดอกเบี้ยและเงินรางวัลอีกด้วย ถือว่าคุ้มและก็คุ้มสุดๆไปเลยนะขอรับ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,693 รัฐบาลอินเดียได้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าชิ้นส่วนเครื่องประดับที่เป็นทองคำและเงินเพื่อใช้ทำเครื่องประดับและเหรียญโลหะมีค่า จากระดับ 11% เป็น 15% โดยมีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ (22 ม.ค.) ซึ่งการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้อัตราภาษีดังกล่าวนั้นสอดคล้องกับภาษีนำเข้าทองคำแท่งและเงินแท่ง
เจ้าหน้าที่ของรัฐรายหนึ่งระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันการเลี่ยงภาษีทองคำแท่งและเงินแท่ง หลังจากที่การนำเข้าชิ้นส่วนทองคำพุ่งสูงขึ้นในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เช่น ตะขอ ตะขอเกี่ยว และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้ทำเครื่องประดับ ทั้งนี้ อินเดียเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลก และอุปทานทองคำเกือบทั้งหมดมาจากการนำเข้า
เรื่องที่ 3,694 นายคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการ BOJ ในวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับคาดการณ์ว่า โอกาสที่เงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะปรับตัวสู่ระดับเป้าหมายของ BOJ ที่ 2% นั้น กำลังเพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน
นายอุเอดะยังกล่าวด้วยว่า BOJ จะจับตาความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินและตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศอย่างใกล้ชิด รวมทั้งผลกระทบที่จะมีต่อราคาและเงินเฟ้อของญี่ปุ่น พร้อมกับย้ำว่า BOJ ไม่ลังเลที่จะเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไปหากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น และ BOJ จะจับตาผลการเจรจาเกี่ยวกับค่าจ้างในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีนี้อย่างใกล้ชิด
เรื่องที่ 3,695 เอเชีย เจเนซิส แอสเซท แมเนจเม้นท์ (Asia Genesis Asset Management) ในสิงคโปร์ปิดกิจการกองทุนเฮดจ์ฟันด์หลังขาดทุนจำนวนมาก อันเนื่องมาจากความผิดพลาดในการลงทุนในจีนและญี่ปุ่น
กองทุนเอเชีย เจเนซิส ไมโคร ฟันด์ ขาดทุน 18.8% ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนม.ค. นายชัว ซุน ฮก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนระบุในจดหมายที่ส่งถึงนักลงทุนว่า เขาได้ตัดสินใจปิดกองทุนเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติมและคืนเงินส่วนที่เหลือให้กับผู้ลงทุน ทั้งนี้ เอเชีย เจเนซิส ยังไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ ต่อรายงานดังกล่าว แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดยืนยันกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่ามีการตัดสินใจดังกล่าวจริง
เรื่องที่ 3,696 บริษัทหลายแห่งเริ่มส่งสัญญาณเตือนถึงผลกระทบจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้ามากมายตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงพลังงาน ทำให้ต้นทุนสินค้าพุ่งสูงขึ้นและเกิดความตึงเครียดในห่วงโซ่อุปทาน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสลา ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากสหรัฐ วางแผนที่จะระงับการผลิตรถยนต์ที่โรงงานแห่งหนึ่งในเยอรมนีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากการขนส่งต้องล่าช้าออกไป ขณะเดียวกัน วอลโว่ ค่ายรถสัญชาติสวีเดน ได้ประกาศระงับการผลิตที่โรงงานในเบลเยียมเป็นเวลา 3 วัน ส่วนแบรนด์ค้าปลีกอังกฤษอย่างเทสโก้, มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ และเน็กซ์ ต่างก็ส่งสัญญาณถึงความเสี่ยงที่จะปรับขึ้นราคาสินค้า นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางหลายแห่งต่างเตือนเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจสกัดกั้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งสำหรับหลายบริษัทโดยเฉพาะในยุโรปนั้น ถือเป็นการซ้ำเติมระยะเวลาขนส่งสินค้าที่นานขึ้น รวมถึงค่าขนส่งและค่าประกันภัยเรือที่สูงขึ้น
เรื่องที่ 3,697 หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ (22 ม.ค.) ว่า บริษัทแอปเปิ้ลจ่ายค่าปรับให้กับรัสเซียเป็นเงิน 1.2 พันล้านรูเบิล (ราว 13.65 ล้านดอลลาร์) แถลงการณ์ระบุว่า ค่าปรับดังกล่าวเกี่ยวข้องกับนโยบายต่าง ๆ ของแอปสโตร์ (App Store) ของแอปเปิ้ล เช่น การบังคับให้ใช้ระบบการชำระเงินของตนเองเท่านั้น
ทั้งนี้ รัสเซียมีเหตุกระทบกระทั่งกับบริษัทเทคโนโลยีจากต่างชาติมาหลายปีแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่รัสเซียมองว่าเป็นคอนเทนต์ผิดกฎหมายและความล้มเหลวในการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นข้อพิพาทที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นอย่างมาก หลังรัสเซียส่งกองกำลังเข้าโจมตียูเครนในเดือนก.พ. 2565
โดยนพวัชร์