ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 2-3 พ.ย.2566
คนเก่ง ไปไหน ก็มีแสงในตัวเอง อย่างรัฐมนตรี ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา เจ้ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ ที่ทุกวันนี้ เป็นที่จับตาว่ามีความโดดเด่น ทั้งด้านผลงานและการสื่อสาร
เรื่องที่ 3,177 โดยทุกวันนี้ เราจะเห็นรัฐมนตรีท็อป พยายามทำความเข้าใจกับกลุ่มเปราะบาง และผู้ด้อยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นการ ปิดตาเดินไปประชุม ครม. เพื่อจะได้เข้าใจในคนตาบอด และเวลาสัมภาษณ์สื่อมวลชน รัฐมนตรี ท็อป ก็จะมีล่ามภาษามือประกบทุกที่ เพื่อให้คนหูหนวกได้เข้าใจในคำสัมภาษณ์ด้วย
ล่าสุด วราวุธ ทดลองนั่งรถเข็นวีลแชร์ด้วยตนเองเป็นระยะทางประมาณหนึ่ง และทดลองปิดตาเดิน โดยใช้ทางเท้าเพื่อดูว่าการเดินทางโดยใช้ไม้เท้าแบบคนตาบอดบนทางเดินใจกลางกรุงเทพฯ นั้นเอื้อต่อคนพิการมากน้อยแค่ไหน
เขาบอกว่า “ทำให้ผมได้รู้ถึงความรู้สึกของคนพิการในทุกครั้งที่ต้องออกจากบ้านว่าเป็นเหมือนการผจญภัยที่นอกจากจะใช้เวลานานแล้วยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย”
วราวุธ บอกด้วยว่า จะนำเอาข้อมูล ประสบการณ์และความรู้สึกที่ได้ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับคนพิการเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น โดยจะต้องสร้างทางลาดและทางเรียบของถนนสำหรับคนพิการ ให้สะดวกต่อการเดินทางโดยวีลแชร์หรือไม้เท้า รวมทั้งผลักดันนโยบายให้เกิดการออกแบบสถานที่ต่าง ๆ แบบอารยสถาปัตย์หรือการออกแบบเพื่อความเท่าเทียมสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ ให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ชีวิตร่วมกันได้โดยที่เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เรื่องที่ 3,178 เรียกว่าน่าจะผ่านโปรการเป็นรัฐมนตรีได้ไม่ยากสำหรับพี่ปุ้ย “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่สามารถทำงานตอบสนองได้อย่างทันท่วงที ทั้งต่อผู้ประกอบการ และสื่อมวลชน
ล่าสุดกับประเด็นเรื่องของราคาน้ำตาล ที่กระทรวงพาณิชย์นำกลับไปเป็นสินค้าควบคุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้มีประกาศขึ้นราคาหน้าโรงงานน้ำตาล 4 บาท
ซึ่งส่งผลกระทบต่อเกษตรชาวไร่อ้อย โดยพี่ปุ้ยสั่งการทันทีให้ สอน. เร่งหามาตรการที่เหมาะสมสำหรับการส่งออก โดยให้แนวทางที่เป็นประโยชน์สำหรับชาวไร่อ้อยให้ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรม
เรียกว่าวินวินทั้งผู้ประกอบการที่ รมว.อุตสาหกรรมกำลังหาทางช่วย และสื่อมวลชนที่กำลังต้องการข่าวในประเด็นนี้ จนต้องตั้งคณะทำงานของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบปัญหาและแก้ไขปัญหาพร้อมกัน
ต้องบอกว่าทำงานฉับไวไม่แพ้กันเลยนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,179 อุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบปริมาณน้ำตาลทรายที่จัดเก็บไว้ที่ศูนย์กระจายสินค้า และตรวจสอบบัญชีการรับเข้าจ่ายออก พบว่า มีการรับเข้าจ่ายออกเป็นปกติ ไม่พบพฤติกรรมการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับด้านราคาจำหน่ายปลีกน้ำตาลทราย ห้างฯ จำหน่ายปลีกไม่เกินที่กฎหมายกำหนด โดยน้ำตาลทรายขาวธรรมดา ราคา 24 บาท/กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ราคา 25 บาท/กิโลกรัม สำหรับในพื้นที่อื่น ได้สั่งการให้พาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลตรวจสอบอย่างใกล้ชิดด้วยแล้ว
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,180 เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงข่าวภายหลังเสร็จสิ้น การประชุมนโยบายการเงินในวันพุธ (1 พ.ย.) โดยส่งสัญญาณว่า เฟดอาจใกล้ยุติวงจรการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดที่สุดในรอบ 40 ปี หลังจากที่คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกัน
“สำหรับคำถามที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่? ผมมองว่าการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็นแนวทางที่ดีกว่า หากเฟดจำเป็นจะต้องดำเนินการในวันข้างหน้า”
นายพาวเวลยังกล่าวด้วยว่า การฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงนั้น จำเป็นต้องทำให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่การดำเนินการดังกล่าวก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
เรื่องที่ 3,181 กระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐได้ทำการคว่ำบาตรบริษัทเมียนมา ออยล์ แอนด์ แก๊ส เอนเตอร์ไพรส์ (MOGE) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของรัฐบาลเมียนมาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา แต่กระทรวงการคลังสหรัฐ ไม่ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเต็มรูปแบบในการตัดท่อน้ำเลี้ยงรายได้จากต่างประเทศของรัฐบาลทหารเมียนมา
แถลงการณ์ของกระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า การคว่ำบาตรดังกล่าวจะทำให้บริษัทของสหรัฐไม่สามารถให้บริการด้านการเงินแก่ MOGE ได้ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้ การประกัน การลงทุน และการบริการด้านอื่น ๆ โดยนับเป็นครั้งแรกที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรโดยตรงต่อบริษัทของรัฐบาลเมียนมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐพุ่งเป้าไปที่ผู้นำของรัฐบาลเท่านั้น
เรื่องที่ 3,182 หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานในวันพุธ (1 พ.ย.) ว่า จีนเห็นพ้องที่จะจัดการเจรจาเรื่องการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา
รายงานระบุว่า การหารือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านอาวุธของ 3 ฝ่ายได้แก่สหรัฐ จีน และรัสเซีย แต่ไม่ได้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจำกัดอาวุธนิวเคลียร์
ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ระดับสูงฝ่ายบริหารของ ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันอังคารที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐและของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้เห็นพ้องกันในหลักการให้ผู้นำทั้งสองพบปะกัน ณ เมืองซานฟรานซิสโกในเดือนนี้ แม้ว่ายังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดที่สำคัญออกมาก็ตาม
เรื่องที่ 3,183 ธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 3% ในการประชุมวันนี้ 2 พ.ย.2566 แม้ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อต่อเศรษฐกิจของมาเลเซีย
“อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับปัจจุบันนั้น ยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจมาเลเซีย รวมถึงสอดคล้องกับการประมาณการเงินเฟ้อในปัจจุบันและแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจมาเลเซีย” BNM ระบุในแถลงการณ์
ค่าเงินริงกิตปรับตัวลงทะลุ 4.7 ริงกิตต่อดอลลาร์สหรัฐในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี และลดลงมากที่สุดในกลุ่มสกุลเงินสำคัญในเอเชียในปีนี้
ธนาคารกลางหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัดสินใจกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อแก้ปัญหาสกุลเงินท้องถิ่นอ่อนค่าและเงินเฟ้อสูง ส่งผลให้หลายฝ่ายจับตาการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินในครั้งนี้ของ BNM
ด้านธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.ในวันที่ 19 ต.ค. จาก 5.75% สู่ระดับ 6.0% ขณะที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 6.5% ในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องที่ 3,184 นายมาซาโตะ คันดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ส่งสัญญาณว่า รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อสกัดการอ่อนค่าของเยน หลังจากดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปีเมื่อเทียบดอลลาร์
“เรากำลังจับตาเพื่อเตรียมรับมือกับการดิ่งลงของเยน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเพียงด้านเดียว โดยการซื้อขายแบบเก็งกำไรเป็นปัจจัยใหญ่ที่สุดที่ทำให้เยนร่วงลงในช่วงที่ผ่านมา” นายคันดะกล่าว
ถ้อยแถลงของนายคันดะมีขึ้น หลังจากที่เยนทรุดตัวลง 1.7% แตะระดับ 151.74 เยน/ดอลลาร์วานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี หลังการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
โดยนพวัชร์