ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 13-14 ต.ค.2566
เพิ่งกลับจากการเดินทางเยือน 4 ประเทศ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง บรูไนดารุสซาลาม มาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องที่ 3,053 นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ฟิตจัด มีกำหนดเดินทางไปตรวจราชการ ณ จังหวัดพิษณุโลก ในวันเสาร์ที่ 14 ต.ค.นี้
งานนี้ไปแต่เช้า โดยนายกฯและและคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานทหารกองบิน 46 ตำบลอรัญญิก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ต่อมาเวลา 10.10 น. นายกรัฐมนตรี สักการะพระพุทธชินราช ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ก่อนตรวจเยี่ยมโรงผลิตน้ำประปา เทศบาลนครพิษณุโลก ตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก เพื่อพูดคุยปัญหาน้ำประปา
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ยังมีกำหนดการตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ บึงตะเครง ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ ตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหอกลอง อำเภอพรหมพิราม โดยจะเดินทางกลับในเวลา 16.55 น.
ครบ 1 เดือนนับตั้งแต่แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา จะเห็นว่านายกฯเศรษฐา เดินทางมิได้หยุดหย่อน สงสัยคะแนนนิยมขณะนี้คงพุ่งปรี๊ดแล้วมั้งท่านนายกฯ
เรื่องที่ 3,054 หากถามถึงรัฐมนตรีที่ขยันทำงานช่วงนี้คงต้องยกให้ พี่ปุ้ย “พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล” รัฐมนตรีว่าการแห่งกระทรวงอุตสาหกรรม โดยล่าสุดภายในวันเดียวกันพี่ปุ้ยของเราออกข่าวให้สื่อมวลชนถึง 2 ตัวกันเลยทีเดียว
เริ่มที่ช่วงเช้าจัดให้ก่อนเลยกับนโยบายที่ทันต่อกระแสของอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยท่าน รมว.ปุ้ยได้เร่งสั่งการให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานในปีงบประมาณ 2567 ที่ตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งก็ประกอบด้วย EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมชีวภาพ AI ฮาลาล และ Soft power
ส่วนช่วงเย็นก็ตามอีกหนึ่งกระแสเรื่องของอุทกภัย ท่าน รมว.ปุ้ยก็ได้สั่งการให้เตรียมมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง เช่น พักชำระหนี้ การเฝ้าระวัง การฟื้นฟูโรงงานในพื้นที่เสี่ยง การซ่อมแซมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า
เรียกว่าพี่ปุ้ยสามารถปรับตัวรับกับตำแหน่ง รมว.ได้เป็นอย่างดี เพราะเริ่มเข้าใจงาน และสามารถทำนโยบายออกมาตอบโจทย์ความต้องการของรัฐบาล และประชาชนได้เป็นอย่างดี ผิดกับยุคก่อนหน้าที่ข่าวนิ่งสนิทเลยครับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,055 งานใหญ่ของกระทรวงการคลัง ในช่วงนี้ ต่างโฟกัสไปที่ “หนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เพราะได้รับมอบหมายงานใหญ่ ประเด็นร้อน 2 เรื่องคือ 1.เงินดิจิทัล วอลเล็ต คนละ 10,000 บาทนั้น จะต้องใช้จำนวนมหาศาล 560,000 ล้านบาท จะมีแหล่งเงินจากไหนมารองรับ ณ วันนี้ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน
ส่วนเรื่องที่ 2 โครงการพักหนี้และดอกเบี้ยเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เริ่มไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ณ วันนี้ 13 ต.ค.ปรากฎว่า มีเกษตรกรเพียง 300,000 คน เข้ามาร่วมโครงการจากที่คาดการณ์ทั้งหมด 27 ล้านคน สรุปแล้ว ยังห่างไกลความจริงอีกเยอะ
แต่เมื่อเป็นแบบนี้ อะไร อะไรก็เกิดขึ้นได้ ล่าสุด ธ.ก.ส.พานักข่าวกว่า 50 ชีวิต ขึ้นเหนือ ลุยเปิดงานโครงการพักหนี้และดอกเบี้ย ในถิ่นฐานเสียงของ “รมต.หนิม” แบบเจาะใจ และเจาะจง ในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์นี้ (14-15) เริ่มตั้งแต่ อ.แม่แตง ไปอำเภอสันป่าตอง จบที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ล้วนๆ โดนใจล้าน% !! ในฐานะ รมช.คลัง หรือประธาน ธ.ก.ส. ต้องถามกันเอาเองครับ!!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,056 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทหารกองหนุนของอิสราเอลที่อยู่ในต่างประเทศจะรวมตัวกันที่กรุงเทพฯ และกรุงนิวยอร์กในวันเสาร์นี้ (14 ต.ค.) เพื่อขึ้นเครื่องบินแอล อัล (El Al) ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของอิสราเอลกลับประเทศ ก่อนเข้าร่วมการทำสงครามต่อสู้กับกลุ่มฮามาส
ทั้งนี้ รัฐบาลอิสราเอลประกาศระดมพลจำนวน 360,000 นาย ซึ่งเป็นการเสริมกำลังทหารครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ หลังจากที่กลุ่มฮามาสทำการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก
กองทัพอิสราเอลได้ทำการตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธถล่มเป้าหมายจำนวนมากในฉนวนกาซา และคาดว่าจะมีการเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินในไม่ช้า
แอล อัลเปิดเผยว่า ทางสายการบินจะเปิดเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ และกรุงนิวยอร์กในวันเสาร์นี้ โดยใช้เครื่องบินโบอิ้ง 787 นำทหารกองหนุนที่ได้รับหมายเรียกจากทางกองทัพกลับไปยังอิสราเอลเพื่อทำการสู้รบกับกลุ่มฮามาส แอล อัลระบุว่า ทหารอิสราเอลที่ขึ้นเครื่องบินดังกล่าวไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากทางสายการบิน และสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐ
เรื่องที่ 3,057 นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการประชุมนโยบายการเงินครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.50-5.75% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 26.3% เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) สูงกว่าคาดในเดือนก.ย. และตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนก.ย.2566
ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% จากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไปปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.6% ในเดือนส.ค.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 4.3% ในเดือนส.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนส.ค.
โดยนพวัชร์