ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 10-11 ก.ย. 2566
11-12 กันยายน นี้ จับตาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา
เรื่องที่ 2,815 11-12 กันยายน นี้ จับตาการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งนำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะนำคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ก่อนที่จะเริ่มเดินเครื่องทำงานอย่างเต็มตัว
ทุกสายตาต่างโฟกัสไปที่ นโยบายของรัฐบาลเศรษฐา ว่าจะมีอะไรบ้าง นโยบายเด่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการหาเสียง จะมาครบถ้วนสมบูรณ์หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการแจกเงินดิจิตอล 10,000 บาท , การยกเลิกการเกณฑ์ทหาร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูจากเอกสารที่หลุดมา การแถลงนโยบายของรัฐบาลครั้งนี้ จะไม่ลงลึกในรายละเอียด โดยจะไม่มีการกล่าวถึงบางนโยบายที่หาเสียง เช่น ค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท , เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท , รวมไปถึงรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย , การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ฯลฯ
เบื้องต้นนายกฯเศรษฐา ให้เหตุผลว่า เหล่านั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ในนโยบายหลัก จึงไม่จำเป็นต้องลงในรายละเอียด แต่กระนั้น สังคมก็มองว่า ถ้าหากไม่มีในคำแถลงนโยบาย ก็หมายความว่ารัฐบาลจะไม่ทำก็ได้ เพราะไม่ถือว่าได้สัญญาไว้กับที่ประชุมรัฐสภา
แต่เพื่อความเป็นธรรมกับรัฐบาล ขอให้รอดูคำชี้แจงของรัฐบาล ว่านโยบายต่างๆที่ใช้หาเสียง จะมีวิธีการดำเนินการอย่างไร
เรื่องที่ 2,816 ว่ากันด้วยเรื่องของท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ท่านตุ๋ย”พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค”กันต่อ หลังจากที่ตอนที่แล้ว บก.ชวนคุยเหลาให้อ่านไปแล้วว่าท่านเลือกที่จะไปนั่งทำงานที่”บ้านพิบูลธรรม” หรือกระทรวงพลังงานเดิม
แทนที่จะนั่งกระทรวงพลังงานใหม่ ชั้น 25 อาคารเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งก็เรียกเสียงฮือฮาระคนสงสัยไปแล้ว 1 รอบ คราวนี้มาถึงเรื่องของนโยบายที่ประกาศออกมาแล้วสร้างดราม่าได้อีก
เมื่อนโยบายที่ท่านตุ๋ยจะทำคือ”เปิดเสรีนำเข้าน้ำมัน” ซึ่ง ณ เวลานี้ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่แตกต่างไปจากเดิมซักกะนิดเลย นั่นก็เพราะจตามกฎหมายปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 และมาตรการ 10 ต่างก็สามารถนำเข้าน้ำมันได้อย่างเสรีอยู่แล้ว
ที่นี้ก็ว้าวุ่นเลยไม่รู้ว่าท่านไปเอาแนวคิดนี้มาจากไหน ท่านไม่รู้จริงๆ หรือว่าท่านมีกลยุทธ์เด็ดที่ยังไม่ได้ปล่อยออกมาในการทำนโนบายดังกล่าวก็ไม่ทราบได้ ยังไงพวกเราก็จะติดตามชมตอนต่อไปละกันนะขอรับว่าจะลดราคาน้ำมันได้อย่างไร เอาแบบให้เท่ห์ไปเลยนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 2,817 กระทรวงคลัง ยังคงตื่นเต้น ข่าวโยกย้ายประจำปี2567 เพื่อแต่งตั้งแทนข้าราชการเกษียณ ล่าสุด ตำ แหน่งปลัดกระทรวงการคลัง คนที่มาแทน “ปลัดพี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” 100% คือ “อธิบดีบัด-ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรสรรพากร มานั่งเป็นปลัดกระทรวงการคลัง ถ้าเป็นเช่นนั้น จริง “ปลัดบัด” เกิดปี2510 เกษียณก็อีก 4 ปีข้างหน้า อายุครบ 60 พ.ศ.2570 ถือว่า อยู่ยาวไปหน่อย
แต่อีกมุม!! ก็กำลังดี เพราะกระทรวงการคลังจะได้มีเวลาสร้างคนให้มีความแข็งแกร่งทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ
ส่วนที่ถามกันมาก อธิบดีบัดเป็นปลัด แล้ว…ใครเป็นอธิบดีกรมสรรพากร
งานนี้ ต้องยกนิ้วให้อันดับหนึ่งคือ “ดร.อุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิท” สาวสวยอายุน้อย ที่แท้จริง ดร.อุ๋ย เกิดปี 2515 ปลายปี หลังเดือนก.ย. เท่ากับเกิดปี2516 เกษียณปี2576 เรียนเก่ง สอบเทียบม.4 ขึ้นม.6 สาธิตปทุมวัน เรียกว่า ไม่ต้องแข่งกับใคร น่าจะได้เป็นปลัดหญิงคนแรกของคลัง “ถ้าปลาวาฬไม่ตายน้ำตื่น” เสียก่อน
อีกคนที่ต้องจับตามอง เพราะเป็นคนละพวกกับกลุ่มข้างบนคือ “อธิบดีหม่อง-พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมศุลกากร มีข่าวว่า โดน!! แน่นอน แต่ล่าสุด โผก็คือ โผ อาจมีการเปลี่ยนแปลง บางกระแส บอกว่า “ยอมถอย” อีกนัยหนึ่ง มีเสียงกระซิบ “สู้โวย” เพราะ “อธิบดีหม่อง” ไม่ใช่ชื่อ “หมู” ก็บอกไปตั้งนานแล้วไง!!
ส่วนตำแหน่งอื่น ขอทำนายล่วงหน้า รองปลัดคลัง รอบนี้ มีลุ้นขึ้นหลายคน แต่ที่น่าจับตามองคือ “ปิ่น” ไม่ใช่ดารานักร้องที่ไหน “ปิ่นสาย สุรัสวดี” ที่ปรึกษา10 กรมสรรพากร อ่านนามสกุลแล้ว สายเลือดพรรคเพื่อไทยล้าน% ส่วนผู้ตรวจฯ ที่ไม่เกษียณ ลุ้นเป็นรองปลัด เชียร์ 2 หนุ่มจากสรรพสามิต “ต้อง-ปิยกร อภิบาลศรี” และ“หน่อง-ธิบดี วัฒนกุล” เก่งทั้งคู่ครับ!!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,818 กระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโก เปิดเผยเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในโมร็อกโกในคืนวันศุกร์ (8 ก.ย.) ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,012 รายแล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทางกระทรวงฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า ผู้บาดเจ็บจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวอยู่ที่ 2,059 ราย ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 1,404 ราย ขณะเดียวกัน ทางการโมร็อกโกได้ประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศเป็นเวลา 3 วัน โดยจะลดธงครึ่งเสาในสถานที่สาธารณะทั้งหมดระหว่างการไว้ทุกข์ทั่วประเทศ
ทั้งนี้
เรื่องที่ 2,819 สำนักข่าวซินหัวเปิดเผยรายงานจากกันตาร์ (Kantar) บริษัทวิจัยตลาดระหว่างประเทศ ระบุว่า มูลค่ารวมของแบรนด์จีนชั้นนำ 100 อันดับแรก สูงเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แล้ว โดยมูลค่ารวมของปี 2566 อยู่ที่ 1.01 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
แบรนด์จีนชั้นนำ 10 อันดับแรกของปีนี้เริ่มต้นด้วยเทนเซ็นต์ (Tencent) มูลค่า 144,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยอาลีบาบา (Alibaba) บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ มูลค่า 90,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกุ้ยโจว เหมาไถ (Kweichow Moutai) ผู้ผลิตสุราชั้นนำ มูลค่า 88,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องนุ่งห่ม และรถยนต์ มูลค่ารวม 175,000 ล้านดอลลาร์ ครองสัดส่วนมากที่สุดในมูลค่ารวมของแบรนด์จีน 100 แบรนด์ โดยภาคเครื่องนุ่งห่มมีอัตราการเติบโตรวดเร็วด้านมูลค่าของแบรนด์ถึง 327% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปีผ่านมา
เรื่องที่ 2,820 ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นในฟิลิปปินส์อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อื่น ๆ เนื่องจากผลกระทบจากการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียยังคงส่งผลกระทบไปทั่วเอเชียและแอฟริกาตะวันตก
เงินเฟ้อจากราคาข้าวในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งย้ำเตือนถึงภาวะวิกฤตข้าวในปี 2561 ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าที่ดำเนินมานานถึง 20 ปี ขณะที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เตือนในสัปดาห์นี้ว่า ธนาคารพร้อมที่จะกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินอีกครั้ง หากจำเป็น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่อินเดียห้ามการส่งออกข้าวนั้นได้ส่งผลกระทบต่อตลาดโลก และกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ เร่งนำเข้าข้าวเพื่อพยายามควบคุมราคาข้าวที่เพิ่มขึ้นในประเทศ โดยข้าวถือเป็นอาหารหลักของประชากรหลายพันล้านคนในเอเชียและแอฟริกา
เรื่องที่ 2,821 แบงก์ ออฟ อเมริกา โกลบอล รีเสิร์ช ออกรายงานคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 14 ก.ย. ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า หลังการประชุมดังกล่าว ECB จะส่งสัญญาณคงอัตราดอกเบี้ย ก่อนที่จะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย.2567 และ ECB จะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้งในทุกๆ ไตรมาส จนถึงปี 2568
โดยนพวัชร์