ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 6-7 ก.ย. 2566
สมศักดิ์ เทพสุทิน หวนกลับสู่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง
เรื่องที่ 2,792 สมศักดิ์ เทพสุทิน หวนกลับสู่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน หลังจากเมื่อหลาย 10 ปี ก่อน เขาเคยนั่งในตำแหน่งเดียวกันนี้แล้วในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร
วันที่ 6 ก.ย.66 สมศักดิ์ เข้าห้องทำงานวันแรก ได้มีรัฐมนตรี และ สส.จากพรรคเพื่อไทย กว่า 30 คน เข้าร่วมแสดงความยินดีที่ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ดร.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ สส.สุโขทัย นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สส.สุโขทัย นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล สส.สุโขทัย น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย นายนพพล เหลืองทองนารา สส.พิษณุโลก นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ นายนิพนธ์ คนขยัน สส.บึงกาฬ บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
โดยยอมรับว่า เป็นตำแหน่งที่ถูกใจ เพราะจะได้นำประสบการณ์เป็นรัฐมนตรีหลายสมัย มาบูรณาการงานเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งหลังตนได้รับการแต่งตั้งเป็นรองนายกฯ ก็มีหลายคนห่วงใยว่า จะทำอะไรได้บ้าง แต่ตนอยากจะบอกว่า ไม่ต้องห่วง เพราะเชื่อมั่นว่า ที่ตนเป็นรัฐมนตรีมา 14 สมัย จะสามารถนำประสบการณ์มาช่วยประเทศชาติได้ ดังนั้น มั่นใจว่า จะเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน
เดิมที สมศักดิ์ คาดหวังจะได้นั่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อผลักดันโครงการโคล้านตัว แต่เมื่อนั่งรองนายกฯ คิดว่าเข้าไปดูกองทุนหมู่บ้าน ก็คงไม่เลว
เรื่องที่ 2,793 แค่เริ่มต้นข่าวแรกจากรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “ท่านพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” แล้วหัวจะปวดเสียจริงเชียว เพราะประเด็นที่สำคัญที่ประชาชน และสื่อมวลชนสนใจและใคร่ติดตามก็คือการลดราคาน้ำมัน และค่าไฟตามที่ประกาศไว้
แต่เห็นเพรสข่าวที่ท่าน รมว.พลังงานส่งมาแล้วก็แอบงงอยู่เล็กน้อย เพราะประเด็นที่ต้องการก็ไม่ได้เนื้อหนังมังสาอะไรเท่าไหร่ แต่ที่แถมมาก็คือพวกเราได้รู้จักกับคุณพ่อของท่าน รมว.พลังงานเสียอย่างนั้น
เพราะในเพรสข่าวของท่าน รมว.พลังงาน บอกไว้ด้วยว่า นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ได้รับรู้เรื่องราวของพลังงานมาจากบิดาคือ พลโท ณรงค์ สาลีรัฐวิภาค อดีตปลัดกระทรวงเศรษฐการ (ปัจจุบันคือกระทรวงพาณิชย์) และเจ้ากรมการพลังงานทหาร ที่ได้รับมอบหมายจาก จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม และจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัตชต์ ให้ไปสำรวจและขุดเจาะน้ำมันในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย และนำมาสู่การก่อตั้งปั๊มน้ำมันสามทหารในที่สุด เรียกว่า งงกันไปหมดว่ามาได้ยังไง
ส่วนอีกหนึ่งกระทรวงพี่น้องอย่างกระทรวงอุตสาหกรรมที่มี รมว.มาจากพรรคเดียวกันนั้นก็ได้ข่าวว่ากำลังเล่นใหญ่ แว่วๆมาว่ามีการสั่งปรับปรุงแก้ไขอะไรหลายอย่าง ที่ต้องบอกว่าเป็นการยกเครื่องกระทรวงเลยก็ว่าได้ ไว้เสร็จหมดแล้วจะมาเหลาให้ฟังว่าท่านสั่งให้ทำอะไรบ้างขอรับ
เรื่องที่ 2,794 หลังจากที่ นายกฯ นิด “เศรษฐา ทวีสิน” รับตำแหน่งนายกฯ อย่างเป็นทางการ แถมควบ รมว.คลัง อีกด้วยนั้น ล่าสุด รมว.คลัง ก็ยังไม่มีกำหนดการเข้ามานั่งทำงานที่คลัง ทำให้บรรดา 2 รมช.คลัง ร้อนใจ ยิ่งเมื่อนายกฯ นั่งควบคลังแบบนี้ ก็ไม่กล้าเข้ามาทำงาน ถือฤกษ์ไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สักที
ล่าสุด ได้ยินเสียงแว่วจาก “อดีตปลัดคลัง” หรือ “บิ๊กตู่ “ รมช.คลัง แอบย่องมาทำงานที่เดิม และห้องเดิมคือ ห้องปลัดกระทรวงการคลังทุกวัน แบบตีเนียน แม้จะลาออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลังแล้วก็ตาม
ดังที่หลายคนคาดคิด รมช.คลัง “บิ๊กตู่” นั้น ไม่ธรรมดาจริงๆ พี่น้องที่รักทุกท่าน เพราะเป็นได้ทั้งมือขาว นายกฯ นิด และมือซ้ายของพรรครวมไทยสร้างชาติ สุดยอดจริงๆ ครับพี่น้องชาววายุภักษ์!!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,795 หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป (C3S) ระบุว่า ปี 2566 มีแนวโน้มจะเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และอุณหภูมิโลกในช่วงฤดูร้อนของทางซีกโลกเหนือก็ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์
คลื่นความร้อน, ภัยแล้ง และไฟป่า ได้สร้างความเสียหายต่อเอเชีย, แอฟริกา, ยุโรป และอเมริกาเหนือในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา โดยส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจ, ระบบนิเวศ และสุขภาพของมนุษย์
C3S ระบุในรายงานว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกในเดือนมิ.ย., ก.ค. และส.ค. อยู่ที่ 16.77 องศาเซลเซียส (62.19 องศาฟาเรนไฮต์) ทุบสถิติสูงสุดของปี 2562 ที่ 16.48 องศาเซลเซียส
นางซาแมนธา เบอร์เจส รองผู้อำนวยการ C3S เปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “สามเดือนล่าสุดที่เพิ่งผ่านมานี้คือช่วงที่ร้อนที่สุดในรอบประมาณ 120,000 ปี หรือก็คือร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์”
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติกล่าวว่า “หายนะด้านสภาพภูมิอากาศได้เริ่มขึ้นแล้ว”
เรื่องที่ 2,796 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนเตรียมเดินทางสำรวจโครงการรถไฟความเร็วสูงในอินโดนีเซียที่ได้รับเงินสนุนจากจีน ขณะที่ทางญี่ปุ่นเน้นย้ำความตั้งใจที่จะช่วยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รายงานระบุว่า นายหลี่ และนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ต่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ซึ่งจัดขึ้นในสัปดาห์นี้ ณ กรุงจาการ์ตา ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศยังคงแน่นิ่ง จากกรณีญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีลงสู่มหาสมุทร
ทั้งนี้ 2 ประเทศมหาอำนาจของเอเชียได้แข่งขันกันเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานแก่ประเทศต่างๆ ในภูมิภาค โดยชาวญี่ปุ่นต่างผิดหวังเมื่อต้องพ่ายแพ้ให้กับจีนสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงจาการ์ตา-บันดุง
แม้ว่าการก่อสร้างทางรถไฟดังกล่าวจะเผชิญปัญหาและความล่าช้ามากมาย แต่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 ต.ค. หลังจากทดลองเปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง (Soft opening) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1 ก.ย.)
การเดินทางสำรวจโครงการรถไฟของนายหลี่ พร้อมกับนายลูฮัต บินซาร์ ปันด์ไจตัน รัฐมนตรีประสานงานกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากที่นายคิชิดะประกาศในการประชุมว่า ญี่ปุ่นจะพยายามสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมในอาเซียน โดยเน้นย้ำถึงเป้าหมายความร่วมมือ 6 ด้าน เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างญี่ปุ่นและอาเซียน
เรื่องที่ 2,797 นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลจะตั้งกองทุนฉุกเฉินวงเงิน 20,700 ล้านเยน (141 ล้านดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนประกาศระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น โดยอ้างเหตุผลจากการที่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีจากโรงไฟฟ้านิว เคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเล
ทั้งนี้ จีนนับเป็นตลาดส่งออกอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยคิดเป็นสัดส่วน 22.5% ของทั้งหมด
การที่จีนประกาศระงับการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น นอกจากจะกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงจากฟุกุชิมะแล้ว ยังกระทบภูมิภาคที่ไกลออกไปถึงเกาะฮอกไกโด
รัฐบาลจะใช้เงินจากกองทุนดังกล่าวในการแสวงหาตลาดใหม่ทดแทนจีน รวมทั้งเป็นเงินทุนสำหรับรัฐบาลในการซื้ออาหารทะเลสำหรับการกักเก็บและแช่แข็งชั่วคราว
โดยนพวัชร์