ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 5-6 ก.ย. 2566
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่
เรื่องที่ 2,784 5 ก.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการเริ่มต้นนับ 1 การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่
สำหรับหมายกำหนดการ หลังจากนี้ วันที่ 6 ก.ย. ช่วงเช้า นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (นัดพิเศษ) ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 11.45 น. นายเศรษฐา จะกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “วันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566” ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีกลางบางซื่อ)
ส่วนการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จะเกิดขึ้นในวันที่ 11 ก.ย. 2566 และจะมีการประชุม ครม.นัดแรกอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 12 ก.ย. 2566
จากนั้นจะมีงานใหญ่รออยู่ โดยในวันที่ 19 ก.ย. 2566 นายเศรษฐา ต้องเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-23 ก.ย.นี้ โดยจะเปิดให้ผู้นำประเทศต่าง ๆ อภิปรายทั่วไป และถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันเต็มรูปแบบ หลังประชุมแบบออนไลน์มา 3 ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ถือเป็นการเปิดตัวนายกฯเศรษฐา ต่อนานาชาติอย่างเป็นทางการ
สิ่งที่ต้องรอดูหลังจากนี้คือ การแถลงนโยบายของรัฐบาล จับตาดูว่ารัฐบาล 11 พรรคที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จะนำนโนบายหาเสียงเรื่องใด มาบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาลบ้าง เพราะเรื่องนี้มีผลอย่างยิ่งต่อการเลือกตั้ง ครั้งหน้า
เรื่องที่ 2,785 เวลานี้หน่วยงานที่เกี่ยวกับของแต่ละกระทรวงคงต้องตื่นตัว กันอย่างเต็มที่ เพราะรัฐมนตรีคนใหม่กำลังจะเข้ามากุมบังเหียนอย่างเป็นทางการ โดยที่แต่ละคนก็มีนโยบายที่จะทำเป็นธงมาก่อนแล้ว ซึ่งที่กระทรวงพลังงานท่าน รมว.พลังงาน ประกาศชัดว่าจะเดินหน้าลดราคาน้ำมัน ค่าไฟอย่างแน่นอน
ล่าสุดสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สนพ.) ก็กระเด้งรับนโยบายทันที โดยระบุว่า เตรียมเสนอแนวทางการลดราคาน้ำมันให้กับรัฐบาลใหม่ ประกอบด้วย 2 แนวทาง ได้แก่
การลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันลง ,การใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ยังมีวงเงินกู้เหลืออีกกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ที่สามารถเข้ามาอุดหนุนราคาได้
แต่ก็มีโยนหิาถามทางแบบกดดันเล็กๆไว้ด้วยว่า หากกรมสรรพสามิตสามารถลดภาษีน้ำมันดีเซลลงได้ ก็จะลดภาระกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลง เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลค่อนข้างผันผวนและสูงขึ้นอยู่ที่ 115 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล
ส่วนการลดค่าการตลาดเห็นว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ทำได้ยาก จากที่ค่าการตลาดปัจจุบันค่อนข้างต่ำ และอยู่ในกรอบที่กองทุนน้ำมันฯกำหนดไว้ ไม่เกิน 2 บาทต่อลิตร ซึ่งบวกลบได้ประมาณ 40 สตางค์ต่อลิตร
พร้อมททิ้งท้ายตามมารยาทว่า คงต้องรับฟังจากแนวทางของรัฐบาลใหม่ก่อนว่าจะลดราคาน้ำมันแค่ดีเซล หรือเบนซิน แต่หากจะให้ลดราคาน้ำมันทั้ง 2 ชนิด ก็จำเป็นต้องใช้ 2 แนวทางเข้ามาอุดหนุนราคา ฝ่ายปฏิบัติงานก็บอกแนวทางมาแล้ว ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของ รมว. แล้วนะขอรับว่าจะจัดการอย่างไรเจ้านาย
เรื่องที่ 2,786 ยังไม่ถึงเวลา แต่สถานการณ์ ณ ขณะนี้ ยอมรับว่า สิ้นเดือนมิ.ย.ปีหน้าจะครบวาระ 4 ปี ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ยังหาคนมาเทียบหวังลงชิงตำแหน่ง “อธส.เต๋-วิทัย รัตนากร” คงยาก ประการที่ 1 ปีนี้ “อธส.เต๋” อายุ 53 เกิดปี2513 ปีหน้า ก็เพิ่ง 54 อยู่อีก 4 ปี สบายๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง อายุก็เพิ่ง 58 เอง งานนี้ เรียกว่าแจ้งเกิดอีกรอบ
ประการที่ 2 ผลงาน ธนาคารดีเด่น นำรายได้ส่งคลังอันดับที่ 4 ของรัฐวิสาหกิจ กำไรพุ่งเกือบ 30,000 ล้านบาท ประการสุดท้าย นายกฯ นิด “เศรษฐา ทวีสิน” สัปดาห์ที่แล้ว เรียกไปพบ หารือแนวทางในการทำงานของแบงก์ในช่วงที่ผ่านมา พร้อมบวกอนาคต จะได้นำมาผนวกกับนโยบายรัฐบาลที่ได้หาเสียงไว้
ส่วนผลการหารือระหว่าง นายกฯ นิด กับ อธส. เป็นอย่าไรไม่ทราบ รู้ว่า ผ่านฉลุย!!! และในเร็วๆ นี้ จะมาพร้อมกับมาตรการชุดใหญ่ และตรงเป้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน
เรื่องที่ 2,787 ช่วงนี้ เดินไปไหน มีแต่คนถาม เรื่อง “อธิบดีหม่อง-พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมศุลกากร จะย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงการคลัง หากหนักหน่อย ก็ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง ตอบตรง!! นั่นคือข่าวลือ ความจริงที่ออกมาจะตรงกับเรื่องที่ลือ หรือไม่ ไม่ทราบครับ
แต่ที่แน่นอน และยืนยันได้ “อธิบดีพชร” ชื่อเล่น ไม่ได้ชื่อ “หมู” ใครจะย้าย หรือปลด ไม่ได้ทำกันง่ายๆ ต้องให้เกียรติกันหน่อย รมช.คลัง ป้ายแดง “พี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” นั่งอธิบดีกรมศุลฯ 2 ปี อดีตปลัดคลัง อย่าง “พี่สง-ประสงค์ พูนธเนศ” ก็นั่ง 2 ปี คนเด่น คนดังของคลัง ก็ไม่เคยมีใครนั่ง อธิบดีกรมศุลฯ เกิน 3 ปีติดต่อกัน ในรอบ 10 หรือ 20 ปี แต่รอบนี้ อาจจะได้เห็นคนชื่อ “หม่อง” นั่งครบ 4 ปี ก็ได้นะ!! จ๊ะ
เพราะ เขา ไม่ได้ชื่อ “หมู” !!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,788 ศาลสูงสุดของฮ่องกงมีคำตัดสินในวันนี้ (5 ก.ย.) ว่า รัฐบาลต้องมีกฎหมายรองรับการสมรสของคนเพศเดียวกัน และการไม่มีกฎหมายดังกล่าวถือเป็นการละเมิดบทบัญญัติว่าด้วยสิทธิพื้นฐานของพลเมือง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คำตัดสินดังกล่าวถือเป็นชัยชนะเล็กๆ สำหรับสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ อย่างไรก็ตาม ศาลฯ ปฏิเสธความพยายามที่จะให้มีการรับรองการแต่งงานของเพศเดียวกันที่จดทะเบียนสมรสในต่างประเทศแก่พลเมืองชาวฮ่องกงทุกคน
เรื่องที่ 2,789 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า อังกอร์ เอนเทอร์ไพรซ์ (Angkor Enterprise) เผยว่า อุทยานโบราณคดีอังกอร์อันโด่งดังของกัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบครึ่งล้าน หรือ 498,513 คนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 350.8% จาก 110,570 คนในช่วงเดียวกันของปีก่อน
อุทยานฯ สร้างรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 23.09 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 8 เดือนแรก เพิ่มขึ้น 420% จาก 4.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยในเดือนส.ค. อุทยานฯ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 59,148 คน สร้างรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม 2.77 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทบ โสเพียก รัฐมนตรีและโฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชามองว่า การเติบโตอย่างรวดเร็วนี้เกิดจากการไม่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางในยุคหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยบอกกับสำนักข่าวซินหัวว่าพวกเขาหวังให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมากัมพูชามากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยเฉพาะนครวัด เนื่องจากหลายสายการบินจะกลับมาให้บริการเที่ยวบินมายังกัมพูชา
เรื่องที่ 2,790 กระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่น เผยว่า ญี่ปุ่นแจ้งต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ว่า การที่จีนสั่งแบนอาหารทะเลของญี่ปุ่นหลังการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเลนั้นเป็นเรื่องที่ “ไม่สามารถยอมรับได้”
ในการโต้แย้งต่อเอกสารของจีนที่ยื่นต่อ WTO เมื่อวันที่ 31 ส.ค.เกี่ยวกับมาตรการระงับการนำเข้าสัตว์น้ำจากญี่ปุ่นซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วนั้น ญี่ปุ่นระบุว่า ทางการจะอธิบายจุดยืนต่อคณะกรรมการ WTO ที่เกี่ยวข้อง และเรียกร้องให้จีนยุติการกระทำดังกล่าวในทันที
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นบางรายได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อการที่จีนแบนการนำเข้าอาหารทะเลของญี่ปุ่น ซึ่งเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศญี่ปุ่นระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุน
กระทรวงการต่างประเทศระบุว่า “ญี่ปุ่นหวังว่าจีนจะจัดการหารือกับญี่ปุ่นโดยเร็วที่สุด และทบทวนมาตรการของตนตามพันธกรณีในความตกลง RCEP”
เรื่องที่ 2,791 นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชาได้แสดงวิสัยทัศน์ในที่ประชุมธุรกิจของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ในกรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียเมื่อวันจันทร์ (4 ก.ย.) โดยกล่าวว่า เขาจะทำให้กัมพูชากลายเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2593 โดยการแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีต่างประเทศครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง
นายมาเนตกล่าวว่า กัมพูชาได้เปิดตัววิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจแบบครอบคลุมเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อปกป้องระบบเศรษฐกิจและเร่งการพัฒนาประเทศเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2593 โดยวิสัยทัศน์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital), เศรษฐกิจดิจิทัล ตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจแบบครอบคลุมและมีความยั่งยืน โดยเรียกวิสัยทัศน์ดังกล่าวว่า “กลยุทธ์ห้าเหลี่ยม (Pentagon Strategy)”
นอกจากนี้ นายมาเนตยังกล่าวว่า กัมพูชาเคยเผชิญสงครามมานานหลายสิบปี แต่ปัจจุบันกัมพูชาได้พัฒนากลายเป็นประเทศที่มีรายได้ต่ำค่อนไปทางปานกลาง ด้วยอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ระดับ 7% รัฐสภาของกัมพูชามีมติอนุมัติให้นายฮุน มาเนต วัย 45 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของกัมพูชาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังจากนายฮุน เซน ผู้เป็นบิดา ปกครองประเทศมานาน 38 ปี โดยการส่งมอบอำนาจให้กับบุตรชายคนโตของนายฮุน เซนนับเป็นพัฒนาการครั้งสำคัญสำหรับกัมพูชาซึ่งมีประชากร 16.5 ล้านคน
โดยนพวัชร์