ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 23-24 ส.ค. 2566

ข่าวว่า บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ งอน

เรื่องที่ 2,733 ข่าวว่า บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ งอน ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะไม่มีชื่อติดโผ ครม. ชุดใหม่ แม้จะเป็นถึงหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็จะไม่ได้ร่วม ครม. ครั้งหน้า
นั่นเป็นเหตุผลที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องโดดประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (23 สิงหาคม) หลังการเลือกนายกรัฐมนตรี เพียงหนึ่งวัน
ย้อนไปในการโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคม ก็ไม่พบ พลเอกประวิตร อยู่ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ในการโหวตนายกรัฐมนตรี เพื่อดันนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกคนที่ 30
ในทางการเมืองแล้ว พลเอกประวิตร มีโอกาสที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หากวุฒิสภา ไม่โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน พลเอกประวิตรก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับส้มหล่น
แต่เมื่อนายเศรษฐา ได้รับการโหวต โอกาสของ พลเอกประวิตร ก็แทบจะหมดไปทันใด
จึงต้องจับตาบทบาทของพลเอกประวิตร นับจากนี้ว่าจะอยู่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ต่อไปหรือจะวางตัวทางการเมือง ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

เรื่องที่ 2,734 ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยกันเสียที หลังจากนี้ในสเตปต่อไปก็ต้องมาดูกันต่อว่าโฉมหน้ารัฐมนตรีของแต่ละกระทรวงจะเป็นใคร โดยเฉพาะกระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลต่อค่าครองชีพของประชาชนทุกคน
วันนี้ บก.ชวนคุยจะพาไปดูนโยบายทางด้านพลังงานกันว่าทางเพื่อไทยเคยลั่นวาจาเอาไว้เยี่ยงไรบ้างเมื่อตอนหาเสียง โดยตอนนั้น “พิชัย นริพทะพันธุ์” รองประธานยุทธศาสตร์และการเมืองของพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ประกาศนโยบายพลังงานในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะผลักดันนโยบายพลังงาน 2 เรื่องหลัก ได้แก่
1.จะลดราคาพลังงาน ทั้งค่าไฟฟ้า ราคาแก๊สหุงต้ม และราคาน้ำมัน และ2.จะมีการเจรจาเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะนำก๊าซธรรมชาติที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ประโยชน์ โดยมีการจัดสรรผลประโยชน์ระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างเป็นธรรม
คราวนี้เรามาราคาพลังงานที่พี่น้องชาวไทยต้องจ่ายกันในปัจจุบันกันหน่อย ซึ่งจะพบว่า สำหรับราคาค่าไฟในปัจจุบันที่ประชาชนต้องจ่ายอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย ส่วนรอบบิล ก.ย.-ธ.ค. 66 สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงานกกพ.) ระบุว่า จะต้องจ่ายที่ 4.45 บาทต่อหน่วย

ขณะที่น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 47.34 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 48.54 บาท (บางจาก) ,แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 39.55 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 39.28 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 37.24 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 37.69 บาท ,ซุปเปอร์พาวเวอร์ดีเซล B7 ลิตรละ 39.94 บาท (โออาร์) ,ไฮพรีเมี่ยมดีเซลS B7 ลิตรละ 43.14 บาท (บางจาก) ,ดีเซล B7 ลิตรละ 31.94 บาท ,ดีเซล B10 ลิตรละ 31.94 บาท และดีเซล B20 ลิตรละ 31.94 บาท
ส่วนราคาแก๊สหุงต้ม (LPG) นั้น ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติให้ตรึงราคาที่ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2566
จากนี้เราก็มาช่วยกันติดตามไปพร้อมๆกันะขอรับว่าพวกเจ้านายเค้าจะทำอย่างไรให้ราคาลดลงมาได้เหมือนกับลมปากที่พ่นออกมาแล้วครับผม

เรื่องที่ 2,735 ครม. รับทราบรายงานการประเมินผลการดำเนินงาน และความคุ้มค่าในการจัดประชารัฐสวัสดิการ ประจำปี 2565 จากผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สรุปผลดำเนินงานได้ ดังนี้
ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค
วงเงิน 200 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.21% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.92%
วงเงิน 300 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 98.68% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.91%
ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม
วงเงิน 45 บาท/คน/3 เดือน อัตราใช้สิทธิ 24.48% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 99.75%
ค่ารถโดยสารสาธารณะ
รถไฟ วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 0.37% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 52.26%
บขส. วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 0.10% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 85.83%
ขนส่งในเขต กทม. และปริมณฑล วงเงิน 500 บาท/คน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 10.05% และอัตรามูลค่าการใช้สิทธิ 33.02%
ค่าสาธารณูปโภค
ค่าไฟฟ้า วงเงิน 315บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 7.98%
ค่าน้ำประปาวงเงิน 100 บาท/ครัวเรือน/เดือน อัตราใช้สิทธิ 2.24%
สรุปข่าวต่างประเทศ

เรื่องที่ 2,736 สำนักงานศุลกากรทั่วไปของจีนรายงานว่า การค้าระหว่างจีนกับแอฟริกาเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค. – ก.ค.) ของปีนี้
รายงานระบุว่าการค้าระหว่างจีนและแอฟริกาเพิ่มขึ้น 7.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีอยู่ที่ 1.14 ล้านล้านหยวน (ราว 5.54 ล้านล้านบาท) ในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของแอฟริกาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าการค้าทวิภาคีในปี 2565 รวมอยู่ที่ 1.87 ล้านล้านหยวน (ราว 9.09 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี
เรื่องที่ 2,737 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า หลังจากที่นางจอร์เจีย เมโลนี นักการเมืองสายขวาจัด ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอิตาลี และสามารถสร้างกระแสนิยมได้มากกว่าบรรดาผู้นำสายกลางของประเทศอื่น ๆ ในสหภาพยุโรป (EU) ได้แล้วนั้น นางเมโลนีก็กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอิตาลี
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารหลักของยุโรปร่วงลง 2.7% ในวันที่ 8 ส.ค. หลังอิตาลีประกาศว่าจะเก็บภาษีลาภลอย 40% กับธนาคารต่าง ๆ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดานักลงทุนอย่างคาดไม่ถึง
นอกจากนี้ สายการบินต่างๆ ได้ปฏิเสธมาตรการอื่นๆ หลังรัฐบาลใหม่มีแผนควบคุมราคาค่าโดยสารเที่ยวบินไปยังจุดหมายปลายทางบางแห่ง โดยรัฐบาลอิตาลีมีกำหนดจะประชุมกับบรรดาผู้บริหารสายการบินในเดือนหน้า ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กำลังประเมินว่า มาตรการดังกล่าวจะสอดคล้องกับกฎหมายของ EU หรือไม่
นายเฟเดริโก ซานติ นักวิเคราะห์อาวุโสของบริษัทที่ปรึกษายูเรเชีย กรุ๊ป กล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า การเก็บภาษีลาภลอยของนางเมโลนี “เป็นก้าวที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ ทั้งในด้านมุมมองและในด้านความเข้าใจ” ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า อัตราส่วนหนี้สาธารณะต่อผลผลิตมวลรวม

เรื่องที่ 2,738 บริษัทการรถไฟแห่งประเทศจีน จำกัด รายงานปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟในจีนวันที่ 1 ก.ค. – 21 ส.ค. อยู่ที่ 701 ล้านครั้ง
รายงานระบุว่า ปริมาณการเดินทางรายวันของผู้โดยสารรถไฟในจีนเมื่อวันที่ 19 ส.ค. อยู่ที่ 15.69 ล้านครั้ง ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับมหกรรมการเดินทางช่วงฤดูร้อน ขณะปริมาณการเดินรถไฟในช่วงดังกล่าวอยู่ที่ 10,444 ขบวนต่อวัน เพิ่มขึ้น 15.8% จากช่วงเดียวกันของปี 2562
บริษัทฯจะอำนวยความสะดวกด้านบริการข้อมูลผู้โดยสารเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาบริการสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งจะปรับเปลี่ยนข้อมูลการซื้อบัตรโดยสาร ข้อมูลการเปลี่ยนบัตรโดยสาร การแจ้งเลื่อนตารางเดินรถไฟ และอื่น ๆ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มหกรรมการเดินทางช่วงฤดูร้อนถือเป็นช่วงเวลาที่ระบบรถไฟจีนมีผู้โดยสารหนาแน่น เนื่องจากนักศึกษาแห่เดินทางกลับภูมิลำเนา ประกอบกับความต้องการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวและท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. รวม 62 วัน
เรื่องที่ 2,739 ผลสำรวจ ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าดึงดูดใจ และคาดว่าจะยังคงระดับการลงทุนหรือเพิ่มการลงทุนทองคำต่อไปในอีก 12 เดือนข้างหน้านี้
ราคาทองคำร่วงลงอย่างหนักในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากหลากหลายปัจจัยลบรุมเร้า ตั้งแต่การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ไปจนถึงการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐ และแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น แต่ผลสำรวจนักลงทุนซึ่งรวมถึงบรรดาผู้จัดการกองทุนความมั่งคั่งและเฮดจ์ฟันด์พบว่า นักลงทุนยังคงมีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มราคาทองคำในปี 2567ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ไม่พบว่ามีนักลงทุนกลุ่มใดที่วางแผนจะปรับลดการลงทุนในทองคำในช่วงเวลา 12 เดือนข้างหน้า และในจำนวนนี้ มีผู้เข้าร่วมการสำรวจ 5 รายที่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในทองคำ
ขณะเดียวกันมีผู้เข้าร่วมการสำรวจมากกว่า 2 ใน 3 ที่คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้น และมี 5 รายที่เชื่อมั่นว่าราคาจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 10-22 ส.ค.ที่ผ่านมา

เรื่องที่ 2,740 สหรัฐยกเลิกข้อจำกัดที่บังคับใช้กับบริษัทและองค์กรของจีน 27 แห่ง ซึ่งนับเป็นสัญญาณว่าสหรัฐกำลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรกับจีน ก่อนหน้าการเดินทางเยือนจีนของนางจีนา เรมอนโด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐในเดือนนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ถอดบริษัทต่าง ๆ ของจีนออกจากบัญชีรายชื่อธุรกิจที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ (unverified list) รวมถึง กวางตุ้ง กวางหัว ไซเทค โค (Guangdong Guanghua Sci-Tech Co) บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียม และ หนานจิง โกวา เทคโนโลยี โค (NanJing GOVA Technology Co) บริษัทผู้ผลิตเซนเซอร์ โดยบัญชีรายชื่อดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อกีดกันไม่ให้บริษัทต่าง ๆ ซื้อเทคโนโลยีของสหรัฐ
แถลงการณ์ของรัฐบาลระบุว่า บริษัทต่าง ๆ ได้รับการถอดออกจากบัญชีรายชื่อธุรกิจที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ หลังจากผ่านการตรวจสอบของสำนักงานอุตสาหกรรมและความปลอดภัยของกระทรวงพาณิชย์แล้วว่าเชื่อถือได้และถูกต้องตามกฎหมาย โดยบริษัทที่อยู่ในบัญชีรายชื่อจะต้องได้รับใบอนุญาตเพิ่มเติมสำหรับการซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทของสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์รายงานว่า นอกเหนือจากบริษัทจีน 27 แห่ง ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัย 2 แห่งและบริษัทเทคโนโลยีบางแห่งแล้ว สหรัฐยังได้ถอนบริษัทต่าง ๆ จากประเทศอื่น ๆ ออกจากบัญชีรายชื่อด้วย ซึ่งรวมถึงบริษัทจากอินโดนีเซีย ปากีสถาน สิงคโปร์ ตุรกี และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ด้านจีนมีความยินดีกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยนายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) ว่า การดำเนินการนี้แสดงให้เห็นว่า “ทั้งสองฝ่ายสามารถจัดการกับข้อกังวลต่าง ๆ ในประเด็นนี้ได้ ผ่านการสื่อสาร โดยอาศัยความเคารพซึ่งกันและกัน”
โดยนพวัชร์