ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 8-9 ส.ค. 2566

ถ้อยแถลงร่วมของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 7

เรื่องที่ 2,655 ถ้อยแถลงร่วมของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ในการร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นเหมือนการประนีประนอมของพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ได้มาซึ่งการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี
กระนั้น 5 ข้อที่พรรคเพื่อไทยแถลงออกมานั้น ก็ดูเหมือนว่ายังมีความเกรงอกเกรงใจเพื่อนเก่าอย่างพรรคก้าวไกลอยู่

ดั่งเช่นข้อที่ 2 ที่บอกว่า จะเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการประชุมคณะรัฐมนตรีในวาระแรก จะมีมติให้ทำประชามติขอจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยกระบวนการจัดตั้ง สสร.
และข้อที่ 3. ระบุว่า ดำเนินงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ สิ่งใดที่เป็นประโยชน์จะร่วมกันผลักดันให้สำเร็จ สิ่งใดที่เป็นปัญหาจะต้องถูกตรวจสอบและเร่งแก้ไขให้ถูกต้อง
แน่นอนการตัดสินใจครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทยจะเสียมวลชนไปเป็นจำนวนมาก
การพยายามรักษาน้ำใจของมิตรเก่า ก็คงเป็นอีกทางหนึ่ง ที่พรรคเพื่อไทยเลือก ในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลกับขั้วตรงข้าม

เรื่องที่ 2,656 ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมชัดเจนมากยิ่งขึ้น เมื่อล่าสุดวันนี้ (8 ส.ค.66) พี่เต้ยคนดีคนเดิม “คมกฤช ตันตระวาณิชย์” เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงานกกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. นัดผู้สื่อข่าวเพื่อบอกให้ชัดไปเลยแบบสุดๆ ไม่ต้องถามกันอีกว่า ค่าไฟงวดสุดท้ายของปีนี้ (ก.ย.-ธ.ค.66) ประชาชนตาดำๆอย่างพวกเราจะต้องจ่ายกันที่ 4.45 บาทต่อหน่วย คงลดไปมากกว่านี้ไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระดับ 4.25 บาทต่อหน่วยแบบที่ภาคเอกชนต้องการยิ่งเป็นไปไม่ได้ในเวลานี้
พี่เต้ยย้ำชัดว่า การจะลดค่าไฟฟ้าในช่วงงวดสุดท้ายของปีนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก หรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากต้องมีกระบวนการคำนวณสูตรค่าไฟฟ้าใหม่ ต้องมีการเปิดรับฟังความคิดเห็น รวมถึงการพิจารณาต้นทุนที่เกี่ยวข้องทั้งของทางบมจ.ปตท.และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

โดยก่อหนน้าถ้าคุณผู้อ่านจำได้ บก.ชวนคุยเคยบอกไปแล้วว่า กกพ.เค้ามีการพิจารณาหลังการเปิดรับฟังความเห็นไปแล้วใน 3 แนวทางและสุดท้ายเลือกแนวทางค่า Ft เรียกเก็บที่ 66.89 สตางค์ต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยปรับลดลงจากงวดปัจจุบัน (พ.ค.- ส.ค.2566) จาก 4.70 บาทต่อหน่วย เหลืออยู่ที่ 4.45 บาทต่อหน่วย
แต่แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์ก็ยังพอมี เพราะพี่เต้ยบอกว่า หากจะให้ลดราคาได้ รัฐบาลชุดใหม่ก็ต้องนำเงินมาช่วยอุดหนุน ซึ่งไม่มากไม่มายหากจะลดให้ได้ทุก 1 สตางค์จะต้องใช้เงินราว 500- 600 ล้านบาท หรือถ้าจะให้เหลือ 4.25 บาทต่อหน่วยจะต้องใช้เงินงบประมาณราว 1-1.2 หมื่นล้านบาท อย่าว่าแต่หาเงินเลยขอรับเวลานี้ รัฐบาลใหม่ตั้งให้ได้ก่อนดีกว่าไหมครับเจ้านาย

เรื่องที่ 2,657 วันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.2555) เวลา 13.30 น. สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง จะจัดการแถลงข่าว กรณีของตกค้างประเภทสุกรแช่แข็งที่ตกเป็นของแผ่นดิน ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจของประชาชน ณ ห้องประชุมอเนกประสงค์ ชั้น 3 อาคารพิพัฒน์อากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง
ข่าวหมู ที่ไม่หมู!! หลังจากผู้เลี้ยงหมู (ตัวจริงหรือตัวปลอม) ประท้วง กล่าวหาว่า ท่าเรือแหลมฉบัง ของกรมศุลกากรปล่อยให้มีหมูเถื่อนอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์กว่า 1,000 ตู้ พร้อมทะลักเข้าไทย ทำให้ผู้เลี้ยงเดือดร้อน ราคาหมูตกต่ำสุดขีด ปัจจุบันราคาขายหน้าฟาร์มอยู่ที่ 46 บาทต่อกิโลกรัมนั้น จริงเท็จ จะได้ทราบกันต่อไปแต่ที่แน่นอน งานนี้!! คนกรมศุลฯ เอาจริง เพราะตอนหมูแพงกิโลกรัมละ 140-160 บาท สกัด และผลักดันไม่ให้หมูเถื่อนทะลักไทยได้หลายร้อยตู้ ที่ตกค้างรอเคลียร์อยู่ที่ 116 ตู้นั้น สะกดไม่ให้ไปไหน!! รอเจ้าของมาแสดงตัวจะดันออกหรือทำลาย ต้องไปถามกระทรวงเกษตรไม่ใช่กรมศุลกากร
ดังนั้น ปล่อยข่าวและให้ข่าว โปรดระวังตัว เพราะกรมศุลฯ ไม่หมูเหมือนสรรสามิตเป่าคดีน้ำมันเถื่อนพัวพัน รองอธิบดี เที่ยวเดียวจบเห่!! ไป 5 ล้านบาท
สรุปข่าวต่างประเทศ

เรื่องที่ 2,658 หน่วยงานติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศโคเปอร์นิคัสของสหภาพยุโรป (C3S) เปิดเผยในวันนี้ (8 ส.ค.) ว่า อุณหภูมิอากาศและอุณหภูมิผิวน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ค. ตอกย้ำความกังวลของบรรดานักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศในปัจจุบันที่ระบุว่า อุณหภูมิของโลกได้พุ่งสูงขึ้นในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
C3S ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเดือนก.ค. แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอุณหภูมิค่าเฉลี่ยของเดือนก.ค. อุ่นกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2393-2443 ที่ 1.5 องศาเซลเซียส และอุ่นขึ้น 0.33 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิสูงสุดเมื่อเดือนก.ค. 2562
ทั้งนี้ หลายพื้นที่ในยุโรป แอฟริกาเหนือ ตะวันออกกลาง และเอเชียได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในอเมริกาใต้ได้รับผลกระทบจากอุณหภูมิที่สูงทำลายสถิติในช่วงกลางฤดูหนาว
เรื่องที่ 2,659 ผลสำรวจของยูกอฟ (YouGov) ระบุว่า ชาวอังกฤษไม่ถึง 10% เชื่อว่า “ริชี ซูนัค” นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะสามารถทำตามสัญญาของเขาในสกัดกั้นไม่ให้ผู้ขอลี้ภัยเดินทางเข้าสู่อังกฤษโดยเรือเล็กได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการตอกย้ำความล้มเหลวของ “ซูนัค” จนถึงขณะนี้ว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามที่สัญญาไว้เกี่ยวกับประเด็นผู้อพยพ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อช่วงต้นปี นายซูนัคได้ให้คำมั่นสำคัญ 5 ประการเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การอพยพเข้าเมือง และการดูแลสุขภาพ ซึ่งเขาขอให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินเขา รวมถึงคำมั่นสัญญาที่จะ “หยุดเรือ” ของผู้อพยพ แต่จนถึงปีนี้ มีผู้ขอลี้ภัยแล้วกว่า 15,000 คนเดินทางถึงชายฝั่งของอังกฤษ แม้ว่าอัตรานี้จะต่ำกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ยังคงสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา
เรื่องที่ 2,660 องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกประกาศเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับยาแก้หวัดที่ผลิตในอินเดียและจำหน่ายในอิรักว่า มีการปนเปื้อนของสารเคมีเป็นพิษ
WHO ระบุเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า โคลด์ เอาต์ (Cold Out) ซึ่งเป็นยาแก้หวัดชนิดน้ำที่มักใช้กับเด็กชุดหนึ่งที่ผลิตขึ้นเมื่อปีที่แล้วนั้น มีความไม่ปลอดภัยและการใช้ยานั้นอาจส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้
ยาแก้หวัดดังกล่าวมีสารไดเอทิลีนไกลคอล (DEG) 0.25% และเอทิลีนไกลคอล (EG) 2.1% ในขณะที่ปริมาณการใช้งานที่ปลอดภัยของสารทั้ง 2 ชนิดนี้ต้องไม่เกิน 0.10%
การประกาศดังกล่าวเป็นการเตือนครั้งที่ 6 โดย WHO ในปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับยาน้ำที่ปนเปื้อนตัวทำละลายที่เป็นพิษของอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ทางการอิรักไม่ได้รายงานอาการป่วยใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาโคลด์ เอาต์ แต่กระทรวงสาธารณสุขอิรักระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ยาดังกล่าวไม่ผ่านการทดสอบของทางการ และผลิตภัณฑ์ที่หมุนเวียนอยู่ในตลาดกำลังถูกสั่งยึด
โรคระบาดที่เกี่ยวข้องกับยาน้ำที่เจือปนสารพิษในอินโดนีเซีย แกมเบีย อุซเบกิสถาน และแคเมอรูนนั้น ได้คร่าชีวิตเด็กไปแล้วราว 300 คนเมื่อปีที่ผ่านมา
เรื่องที่ 2,661 สำนักข่าวเอพีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย เที่ยวบินของสหรัฐหลายพันเที่ยวถูกยกเลิกหรือล่าช้า บ้านเรือนและธุรกิจมากกว่า 1.1 ล้านแห่งเผชิญปัญหาไฟฟ้าดับเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากพายุรุนแรงหลายลูกเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ทางภาคตะวันออกของสหรัฐ จนเกิดลูกเห็บตกและฟ้าฝ่า
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติของสหรัฐ (NWS) ประกาศเฝ้าระวังพายุทอร์นาโดในพื้นที่กรุงวอชิงตันดีซีจนถึงเวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ทั้งนี้ แถลงการณ์พิเศษฉบับหนึ่งของ NWS เตือนว่า “มีความเสี่ยงขั้นรุนแรงจากเฮอร์ริเคน รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะมีลูกเห็บและพายุทอร์นาโดอีกหลายลูก ซึ่งบางลูกอาจเป็นพายุทอร์นาโดที่รุนแรง”
ทั้งนี้ การกระจายตัวของพายุหมุนครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง โดยมีการประกาศเฝ้าจับตาและแจ้งเตือนพายุทอร์นาโดใน 10 รัฐทั่วประเทศ ตั้งแต่เทนเนสซีจนถึงนิวยอร์ก โดย NWS ระบุว่า มีประชาชนมากกว่า 29.5 ล้านคนอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังพายุทอร์นาโด
สำนักงานชันสูตรเมืองแอนเดอร์สัน รัฐเซาท์แคโรไลนาระบุว่า เด็กชายวัย 15 ปีรายหนึ่งเดินทางมาถึงบ้านปู่ย่าตายายในระหว่างที่พายุเข้า ก่อนถูกต้นไม้หักโค่นล้มทับเสียชีวิตในขณะที่เปิดประตูลงจากรถขณะที่สถานีโทรทัศน์เวย์ ทีวี (WAAY-TV) รายงานว่า ที่เมืองฟลอเรนซ์ รัฐอลาบามา ตำรวจระบุว่า ชายวัย 28 ปีรายหนึ่งถูกฟ้าฝ่าเสียชีวิต

เรื่องที่ 2,662 สกายแทร็กซ์ (Skytrax) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับสายการบินและสนามบินทั่วโลกระบุในเว็บไซต์ว่า สายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ติดอันดับ 1 ในฐานะสายการบินที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2566 ส่วนการบินไทยติดอันดับที่ 40 ซึ่งไต่ขึ้นจากอันดับที่ 46 ในปี 2565 ขณะที่บางกอก แอร์เวย์ส ติดอันดับที่ 29 หล่นลงจากอันดับ 23 ในปี 2565
นอกจากนี้ การบินไทยยังติดอันดับ 8 ในฐานะสายการบินที่ลูกเรือห้องโดยสารดีที่สุดในโลก และติดอันดับ 13 ในฐานะสายการบินที่สะอาดที่สุดในโลก ขณะที่สายการบินบางกอก แอร์เวย์ส ติดอันดับ 17 ในฐานะสายการบินที่สะอาดที่สุดในโลกด้วย
เอ็ดเวิร์ด เพลสเตด ซีอีโอของ Skytrax กล่าวว่า “สิงคโปร์ แอร์ไลน์ส ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติหลายรางวัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นที่จดจำในฐานะสายการบินที่ดีที่สุดของโลก”

โกห์ ชุน ฟง ซีอีโอของสิงคโปร์ แอร์ไลน์สกล่าวว่า รางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ เขาขอมอบให้กับการทุ่มเททำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยของทีมงานของเขา ซึ่งได้อุทิศตนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า สิงคโปร์ แอร์ไลน์พร้อมแล้วสำหรับอุตสาหกรรมการบินที่เริ่มฟื้นตัวขึ้นในขณะนี้
โดยนพวัชร์