ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 ก.ค. 2566
ที่ประชุมรัฐสภา มีมติเสียงข้างมาก 395 ต่อ 312 เห็นด้วยกับการที่ไม่เห็นควรไม่ให้เสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ 2 หลังจากมีการโหวตรอบแรกแล้วเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา
เรื่องที่ 2,446 ถือเป็นการปิดประตูนายกรัฐมนตรี สำหรับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในสมัยการประชุมนี้ จะไม่สามารถนำชื่อขึ้นมาเสนอขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่ได้ ยกเว้นจะมีการเสนอชื่อในสมัยหน้า หรือมีประเด็นใหม่ให้ที่ประชุมได้พิจารณา
วันเดียวกันศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้นายพิธา หยุดปฎิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัติกรณีการถือครองหุ้นสื่อมวลชน
ทั้ง 2 เรื่องเกิดขึ้นพร้อมกัน และเป็นแรงกระตุ้นม็อบได้เป็นอย่างดี
เวลานี้ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลหลายเครือข่าย ประกาศรวมตัวชุมนุมกันหลายแห่ง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ว่าไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
แน่นอนนับจากนี้ อุณหภูมิทางการเมืองไทย จะร้อนแรงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เรื่องที่ 2,447 บอกเลยว่าไม่เคยต้องถอนหายใจบ่อยๆเท่าช่วงนี้มาก่อนเลย และก็เริ่มหมดคำที่จะพูดขึ้นเรื่อยๆ สำหรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไทย วันนี้ (19 ก.ค.66) เพิ่งประกาศปรับลดลง 30 สตางค์ต่อลิตรเมื่อเวลา 05.00 น. เป็นต้นไป พอตกเย็น 17.00 น. เวลาที่ช่วงนี้หลายคนเกลียด บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน แก๊สโซฮอล์ 30 สตางค์ต่อลิตร
ขณะที่น้ำมันดีเซลไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคา โดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค. 66 เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้เปลี่ยนแปลงกลับไปสู่ระดับเดิมโดยไว ที่น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 45.04 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 46.74 บาท (บางจาก) ,แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.25 บาท
,แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.98 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 34.94 บาท และแก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 35.39 บาท ภาษาชาวบ้านก็คงจะบอกว่าตดยังไม่ทันหายเหม็นเลยขอรับเจ้านาย จริงๆน่าจะอั้นการขึ้นไว้บ้างก็ดีนะขอรับ ไม่ใช่ว่าตลาดโลกขึ้นปั๊บเรารีบขึ้นตามเลย เอาให้เหมือนเวลาน้ำมันตลาดโลกลง ประเทศเรายังต้องพิจารณาแล้วพิจาณาอีกว่าจะลงตามหรือไม่ขอรับ
เฮ้อออออออขอถอนหายใจยาวๆอีกสักเฮือกก็แล้วกันนะขอรับ และสุดท้ายอยากจะบอกว่าชาวเบนซิน แกีสโซฮอล์เค้าก็มีหัวใจ มีภาระค่าใช้จ่ายไม่ต่างกันชาวดีเซลนะครับผม อย่าต้องให้คิดว่าขึ้นส่วนหนึ่งเพื่อไปช่วยอีกส่วนหนึ่งเลยครับ เพราะตอนนี้ชาวบ้านเค้าชื่นชมกันสนั่นไปหมดแล้วรู้หรือไม่
เรื่องที่ 2,448 กรณีข่าว EXIM BANK ปล่อยกู้ให้แก่บริษัทลูกของ STARK ที่ออกมายอมรับว่า ได้มีการปล่อยกู้ จริง ล่าสุด “ดร.รัก-รักษ์ วรกิจโภคาทร” เอ็มดี EXIM จัดส่งข่าวแจกให้สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าว เพราะนักข่าวสายคลังและนอกสาย โทรหาไม่เว้นแต่ละวินาที แต่ความจริงก็คือ ความจริง “ดร.รักษ์” ยอมรับปล่อยกู้ แต่ไม่ได้บอกว่า ปล่อยกู้บริษัทลูกของ STARK เป็นเงินเท่าไหร่และเป็นเอ็นพีแอลหรือไม่ ในฐานะลูกค้า
เช่นเดียวกันกับ กรณี บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ หรือ EARTH ก็ไม่ได้บอกว่า วงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไปนั้น เป็นจำนวนเท่าไหร่
แต่ความจริงอีกประการคือ ทั้งบริษัทลูกของ STARK และบริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ ถ้าหากมีความเสียหายเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ!! งานนี้ “ดร.รัก” ไม่ได้หนาว… แต่ผู้บริหารระดับสูงของแบงก์รัฐต่างหากที่นั่งหนาว!! ช่วงหน้าฝน มากกว่าครับพี่น้อง!!
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,449 นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับระบบกฎหมายของไทย หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกร้องเรียนใน 2 ประเด็น ซึ่งได้แก่ความพยายามของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 และกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายมิลเลอร์ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเขากล่าวว่า สหรัฐไม่ได้ตั้งธงเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งของไทยว่าพรรคใดจะได้รับชัยชนะ แต่สหรัฐสนับสนุนกระบวนการที่สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชนชาวไทย
“เรากำลังจับตาสถานการณ์หลังการเลือกตั้งของไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงพัฒนาการล่าสุดในระบบกฎหมายของไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวล” นายมิลเลอร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้นายมิลเลอร์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในไทย นายมิลเลอร์กล่าวว่า เขาจะไม่คาดว่าสหรัฐจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ย้ำว่าสถานการณ์ล่าสุดของไทยเป็นเรื่องที่น่ากังวล
เรื่องที่ 2,450 สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนเปิดเผยในวันนี้ (19 ก.ค.) ว่า การจำกัดการค้าของสหรัฐนั้น จะส่งผลกระทบต่อความร่วมมือทั่วโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ และอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค
สมาคมฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า “ความเสียหายใด ๆ ต่อห่วงโซ่อุปทานโลกในปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาควบคู่ไปกับกระบวนการโลกาภิวัตน์นั้น อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมได้ระบุเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของจีนขานรับความร่วมมืออย่างเปิดกว้าง และจะยังคงสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ สมาคมฯ ออกแถลงการณ์ดังกล่าว หลังจากบรรดาผู้บริหารบริษัทชิปของสหรัฐได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันจันทร์ที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับนโยบายจีน
เรื่องที่ 2,551 การท่าอากาศยานฮ่องกง (AAHK) ของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีนเปิดเผยข้อมูลเมื่อวันอังคาร ที่ 18 ก.ค. ว่า ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง (HKIA) รองรับผู้โดยสารช่วงครึ่งแรกของปี 2023 (ม.ค.-มิ.ย.) 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 18 เท่าจากฐานขั้นต่ำของช่วงเดียวกันในปี 2565
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ช่วงเดือนมิ.ย.ท่าอากาศยานฯ ได้รองรับผู้โดยสาร 3.3 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้น 6.9% เมื่อเทียบกับปริมาณผู้โดยสารในเดือนพ.ค. ส่วนปริมาณการขนส่งสินค้าและการขึ้นบินหรือลงจอดของเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 1.4% และ 0.7% เมื่อเทียบเดือนต่อเดือน อยู่ที่ 355,000 ตัน และ 22,365 ครั้ง ตามลำดับ
ปริมาณผู้โดยสารและการขึ้นบินหรือลงจอดของเครื่องบิน เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าและเพิ่มขึ้น 2 เท่า ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2565
เรื่องที่ 2,552 นายฮันส์ คลูเกอ ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เน้นย้ำเมื่อวันอังคารที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ถึง “ความจำเป็นอย่างยิ่งยวดและเร่งด่วน” เพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพอากาศ หลังจากที่เมื่อปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดถึง 60,000 รายในยุโรป
นายคลูเกอกล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดจะเพิ่มขึ้นทุกปี และบ่งชี้ว่า “โซนอันตราย” ในปัจจุบันนั้นรวมถึงทางตอนใต้และทางตะวันออกของยุโรป พร้อมกระตุ้นให้ภาครัฐตรวจสอบการรายงานสภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตามคำแนะในท้องถิ่น และแจ้งข้อมูลความเสี่ยงต่อสุขภาพจากสภาพอากาศจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
“นอกเหนือจากการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ในฤดูร้อนนี้แล้ว เรายังต้องมองไปข้างหน้าถึงปีต่อ ๆ ไป และทศวรรษต่อ ๆ ไปด้วย” นายคลูเกอ กล่าว “การดำเนินการในระดับภูมิภาคและระดับโลกเพื่อรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างเร่งด่วนและยิ่งยวด”
เรื่องที่ 2,553 การเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในตลาดหลักทรัพย์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแม้การทำ IPO ทั่วโลกลดลงประมาณ 30% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ยอดทำ IPO ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพิ่มขึ้นประมาณ 40%
IPO ที่โดดเด่นมาจากบริษัทที่มุ่งความสนใจไปยังอุปสงค์ภายในประเทศ เช่น อสังหาริมทรัพย์และผลิตภัณฑ์อาหาร รวมถึงบริษัททรัพยากรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยี ซึ่งกำลังเผชิญภาวะตลาดเสื่อมถอยในสหรัฐและยุโรป
ด้วยความช่วยเหลือจากดีลโลจิก (Dealogic) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มตลาดเงิน สำนักข่าวนิกเกอิได้ทำการวิเคราะห์ข้อมูล IPO จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่า การทำ IPO ระดมทุนได้ 4,100 ล้านดอลลาร์ระหว่างเดือนม.ค.- มิ.ย. 2566 ซึ่งเพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาและจำนวนการ IPO เพิ่มขึ้น 14% สู่ระดับ 79 ครั้ง
รายงานระบุว่า ทั้งจำนวนการทำ IPO และปริมาณเงินที่ระดมทุนได้จากการทำ IPO เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 ระบาดจะส่งผลกระทบ แม้จะยังเป็นจำนวนเล็กน้อยหากเทียบกับสหรัฐและยุโรป แต่เพิ่มขึ้นประมาณ 80% เมื่ออิงตามมูลค่า
อัมมาน มินเนรัล อินเตอร์เนชั่นแนล (Amman Mineral International) บริษัทเหมืองทองแดงและทองคำ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียวันที่ 19 มิ.ย. ระดมทุนได้มากที่สุดในช่วงที่ทำ IPO ที่กว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เรื่องที่ 2,554 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวลงสู่ระดับ 7.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 8.2% หลังจากที่พุ่งขึ้น 8.7% ในเดือนพ.ค. อย่างไรก็ดี ตัวเลข CPI เดือนมิ.ย.ยังคงอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางอังกฤษ
เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.4%
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดพลังงาน อาหาร แอลกอฮอล์ และบุหรี่ ซึ่งมีความผันผวนนั้น อยู่ที่ระดับ 6.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าระดับ 7.1% ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 31 ปี
สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI รายปีของอังกฤษชะลอตัวลงนั้น มาจากราคาเชื้อเพลิงรถยนต์ที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาอาหารเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.ปีนี้ แต่ชะลอตัวลงจากเดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว
โดยนพวัชร์