ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 21-22 มิ.ย 2566
สายขับรถขึ้นทางเท้าระวัง ล่าสุด กทม.เปิดตัว มาตรการยกระดับคุณภาพกล้องวงจรปิดป้องปรามขับขี่บนทางเท้า
เรื่องที่ 2,283 สายขับรถขึ้นทางเท้าระวัง ล่าสุด กทม.เปิดตัว มาตรการยกระดับคุณภาพกล้องวงจรปิดป้องปรามขับขี่บนทางเท้า เชื่อมโยงสัญญาณภาพจากศูนย์ระบบเทคโนโลยีจราจรกรุงเทพมหานคร (ห้อง CCTV) เข้ากับระบบ AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวและแจ้งเตือนแบบอัตโนมัติของผู้กระทำผิดจากการฝ่าฝืนขับขี่บนทางเท้า
โดยมีการทดสอบไปแล้ว 5 จุด จากข้อมูลเมื่อวันที่ 12-20 มิถุนายน 2566 ได้แก่ 1.ปากซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) มีรถจักรยานยนต์ขึ้นบนทางเท้า 2,921 ราย 2.ปากซอยเพชรเกษม 28 มี 1,338 ราย 3.หน้าโรงเรียนนิเวศน์วารินทร์ มี 619 ราย 4.ปากซอยเพชรบุรี 9 มี 49 ราย 5.ปั้มปตท.เทพารักษ์ มี 19 ราย
สามารถตรวจสอบได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ไปยืนเฝ้า โปร่งใสมีหลักฐาน ข้อมูลแม่นยำ สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นใคร เป็นบุคคลธรรมดา หรือเป็นวินมอเตอร์ไซค์ หรือว่าเป็นไรเดอร์ ซึ่ง กทม.มีนโยบายในการเพิ่มกล้องให้ครบ 100 จุด
กล้อง CCTV พร้อมระบบ AI จะตรวจจับผู้ขับขี่บนทางเท้า โดยระบบ AI จะประมวลผลภาพ ข้อมูลเจ้าของทะเบียนรถ ตามข้อมูลของกรมการขนส่ง โดยส่งข้อมูลเข้าส่วนกลางแสดงผล สำนักเทศกิจจะรวบรวมข้อมูล ทำหนังสือส่งไปยังเจ้าของรถตามทะเบียนบ้าน ที่มีช่องในการเชื่อมต่อกับกรมขนส่งทางบก โดยจะจัดส่ง 2 ครั้ง เมื่อครบ 15 วันแล้ว ยังไม่มีการชำระค่าปรับ จะจัดส่งเป็นครั้งที่ 2 รวมแล้วประมาณ 30 วัน เพื่อให้ผู้ทำผิดจ่ายค่าปรับที่สำนักงานเขต
เรื่องที่ 2,284 ต้องขอแสดงความยินดีกับพี่โด่ง “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ปีนี้ผงาดได้รับรางวัลอีกแล้ว โดยเป็นรางวัลเกียรติยศ “THAILAND TOP CEO OF THE YEAR 2023 ประเภทอุตสาหกรรมพลังงาน” ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรที่มีความโดดเด่นในแต่ละอุตสาหกรรม ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นสุดยอดผู้นำองค์กรแห่งปี
สำหรับรางวัลดังกล่าวนี้จัดโดยนิตยสาร BUSINESS+ โดย บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน)ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทุกรางวัลผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้าน อาทิ ความสามารถในการบริหารองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ความเป็นผู้นำและสร้างความผูกพันในองค์กร การตอบแทนสังคม ชุมชน และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศไทย
ปีที่แล้วพี่โด่งก้ได้รางวับ CEO แห่งปีจากองค์หนึ่ง ปีนี้ก็ยังได้ CEO แห่งปีอีก เรียกว่าแรงไม่แผ่วกันเลยทีเดียวนะขอรับเจ้านาย
ส่วนคนนี้มาเงียบๆแต่ผลงานไม่เบาสำหรับพี่ใบน้อย แห่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) หรือที่ปัจจุบันต้องการให้เรียกว่าดีพร้อม ล่าสุดท่านอธิบดีใบน้อย สุวรรณชาตรี เดินหน้ายกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่การเป็น Soft Power เร่งดึงสาขาภาพยนตร์ บันเทิง และละคร สร้างความแตกต่างผลิตเนื้อหา หวังดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เกิดกระแสความนิยม และเกิดโมเดลธุรกิจที่สะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของประเทศ ที่จะนำไปสู่การเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เรียกว่าเป็นการเดินกลยุทธ์ได้อย่างเฉียคม เพราะกระแส Soft Power ของไทยกำลังมาแบบไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยล่ะครับ
เรื่องที่ 2,285 การประชุมเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum : WEF เปิดเผยรายงานดัชนีความเสมอภาคทางเพศทั่วโลก (Global Gender Gap Index) ประจำปี 2566 ว่า ไทยมีความเสมอภาคทางเพศเป็นอันดับที่ 74 ในปีนี้ จากทั้งหมด 146 อันดับ ขยับขึ้น 5 อันดับจากอันดับที่ 79 ในปี 2565 ด้วยคะแนน 0.711 คะแนน เพิ่มขึ้น 0.002 คะแนน
ขณะที่ อันดับ 1 ได้แก่ไอซ์แลนด์ ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปีที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 0.912 คะแนน ส่วนอันดับ 2 คือนอร์เวย์ อันดับ 3 คือฟินแลนด์ อันดับ 4 คือนิวซีแลนด์ และอันดับ 5 คือสวีเดน ฟิลิปปินส์เป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่ติด 1 ใน 20 อันดับแรก โดยอยู่ที่อันดับ 16 ในปีนี้ ขยับขึ้น 3 อันดับจากปีที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 0.791 คะแนน
เมื่อพิจารณาเป็นรายปัจจัยพบว่า ไทยอยู่อันดับที่ 24 ในหัวข้อความเสมอภาคด้านการมีส่วนร่วมและโอกาสทางเศรษฐกิจ ส่วนในด้านความสำเร็จทางการศึกษาอยู่ที่อันดับ 61 ขณะที่ด้านสุขภาพและการอยู่รอดอยู่ที่อันดับ 42 และการส่งเสริมศักยภาพทางการเมืองอยู่ที่อันดับ 120
อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับนี้ระบุว่า ผู้หญิงในภูมิภาคเอเชียตะวันออก-แปซิฟิกนั้นต้องใช้เวลาอีก 189 ปี หรือมากกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 131 ปีจึงจะสามารถอุดช่องโหว่ความไม่เสมอภาคทางเพศได้เป็นผลสำเร็จ
เรื่องที่ 2,286 “รัก-รักษ์ วรกิจโภคาทร” กรรมการผู้จัดการ เอ็กซิมแบงก์ ล่าสุดรับรางวัลสุดยอดผู้บริหารองค์กร “Thailand Top CEO of the Year 2023” ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยปีนี้ได้รับรางวัลประเภทรัฐวิสาหกิจ จากนายนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี ประธานในพิธีมอบรางวัลดังกล่าว เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติผู้บริหารสูงสุดขององค์กรชั้นนำที่มีผลงานในการขับเคลื่อนความสำเร็จขององค์กรเป็นที่ประจักษ์และโดดเด่น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก
โดยมีเกณฑ์การพิจารณารางวัลจากกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ทักษะการบริหารที่เป็นเลิศ ผลการดำเนินงานขององค์กร นวัตกรรมที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม และสร้างคุณค่าให้แก่ลูกค้าและ Stakeholders ในงาน “Thailand Top CEO of the Year 2023” จัดโดยนิตยสาร Business+ ร่วมกับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ณ โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,287 สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของอังกฤษพุ่งทะลุ 100% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เนื่องจากมีการกู้ยืมเงินสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
หนี้สาธารณะของอังกฤษ ซึ่งไม่นับรวมธนาคารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล อยู่ที่ระดับ 2.567 ล้านล้านปอนด์ (3.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยคิดเป็นสัดส่วน 100.1% ของ GDP
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กรณีนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2504 ที่จำนวนหนี้สาธารณะของอังกฤษอยู่เหนือระดับ 100% ของ GDP แม้ว่าจะเคยทะลุระดับ 100% ชั่วคราวในช่วงที่โรคโควิด-19 ระบาด แต่ก็ถูกปรับแก้ให้ต่ำลงในภายหลัง
ONS กล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษกู้เงินจำนวน 20,045 ล้านปอนด์ในเดือนพ.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ชี้ว่า หนี้สาธารณะของอังกฤษ ซึ่งไม่นับรวมธนาคารของรัฐบาล อยู่ที่ระดับ 19,500 ล้านปอนด์
เรื่องที่ 2,288 สำนักข่าวซินหัวรายงานข้อมูลของธนาคารกลางจีน (PBOC) ซึ่งระบุว่า ปริมาณการชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านธนาคารต่าง ๆ ของจีนขยายตัวอย่างมั่นคงช่วงไตรมาสแรกของปี 2023
ปริมาณการชำระเงินแบบไร้เงินสดผ่านบัตรธนาคาร ช่องทางออนไลน์ เอกสารเชิงพาณิชย์ การโอนเงินเข้าบัญชี และการชำระหนี้อื่น ๆ แตะ 1,277.53 ล้านล้านหยวน (ราว 6.18 พันล้านล้านบาท) ในช่วงเวลาดังกล่าว เพิ่มขึ้น 11.1% เมื่อเทียบปีต่อปี
การชำระเงินทางออนไลน์ครองส่วนแบ่งการชำระเงินแบบไร้เงินสดมากสุด ด้วยมูลค่าธุรกรรมรวม 831.82 ล้านล้านหยวน (ราว 4.02 พันล้านล้านบาท) โดยการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 9.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 144.6 ล้านล้านหยวน (ราว 700 ล้านล้านบาท)
ทั้งนี้ การชำระเงินผ่านบัตรธนาคารมีมูลค่ารวม 292.9 ล้านล้านหยวน (ราว 1.41 พันล้านล้านบาท) ช่วงไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้น 10.57% เมื่อเทียบปีต่อปี
เรื่องที่ 2,289 นักท่องเที่ยว 5 ชีวิตก้าวขึ้นเรือดำน้ำ “ไททัน” (Titan) เพื่อเที่ยวชมซากเรือไททานิก (Titanic) ใต้มหาสมุทรแอตแลนติกตามโปรแกรมท่องเที่ยวที่ซื้อมาในราคาแสนแพงนั้น ล่าสุดไม่รู้ชะตากรรมทั้งนี้ ตามกำหนดการแล้วเรือดำน้ำไททันนั้นจะต้องกลับขึ้นฝั่งตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ในทริปวันเดียวจบ ทว่ากลับสูญเสียการติดต่อกับเรือแม่หลังออกเดินทาง เพื่อมุ่งสู่ซากเรือไททานิกที่ความลึก 3,800 เมตร (12,500 ฟุต) ได้เพียง 1 ชั่วโมง 45 นาทีการสูญหายไปของเรือดำน้ำไททันส่งผลให้เจ้าหน้าที่เร่งออกปฏิบัติการค้นหาแบบเป็นวงกว้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบเป้าหมาย ในขณะที่เวลาของผู้ประสบภัยลดน้อยลงทุกที เพราะเหลืออากาศสำหรับหายใจเพียง 30 ชั่วโมง
นายอีริก ฟูซิล (Eric Fusil) ผู้เชี่ยวชาญด้านเรือดำน้ำและรองศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแอดิเลดระบุว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญประการหนึ่งคือไฟฟ้าดับ ซึ่งสามารถตัดการติดต่อสื่อสารกับโลกภายนอก โดยปกติแล้วเรือดำน้ำชนิดเดียวกับไททันจะมีพลังงานสำรอง เผื่อกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าไททันมีพลังงานสำรองหรือไม่ปัจจัยที่ 2 คือไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายระบบของเรือดำน้ำเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดควันพิษในพื้นที่ปิดขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นอันตรายใหญ่หลวงต่อผู้โดยสารปัจจัยที่ 3 ตั้งข้อสันนิษฐานคือน้ำซึมเข้าสู่พื้นที่ภายในเรือดำน้ำไททัน โดยที่ความลึกของเรือไททานิกนั้นจะก่อให้เกิดแรงดันมหาศาลที่ทำให้ยานพาหนะส่วนใหญ่ระเบิดได้ แต่โอเชียนเกตระบุว่า ไททันมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งสามารถจับตาแรงกดดันบนเรือได้และส่งเสียงเตือนกัปตันเรือหากตรวจพบข้อบกพร่องขึ้นและ4.ข้อสันนิษฐานสุดท้าย เรือดำน้ำไททันอาจติดอยู่ในเศษซากชิ้นส่วนของอะไรบางอย่างหรือถูกปิดกั้นเส้นทาง เนื่องจากใต้มหาสมุทรนั้นกระแสน้ำเชี่ยวกรากและยังมีเศษชิ้นส่วนจากซากเรือไททานิกบริเวณท้องมหาสมุทรอีกด้วย
นับเวลาถอยหลัง 30 ชั่วโมง
สำหรับผู้โดยสารทั้ง 5 รายที่สูญหายไปพร้อมกับเรือดำน้ำไททัน ได้แก่นายฮามิช ฮาร์ดิง (Hamish Harding) นักผจญภัยชาวอังกฤษวัย 58 ปีที่เคยมีประสบการณ์เดินทางไปอวกาศและขั้วโลกใต้หลายครั้งนายชาซาดา ดาวู้ด (Shahzada Dawood) นักธุรกิจชาวอังกฤษวัย 48 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกของหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของปากีสถานและเป็นผู้สนับสนุนมูลนิธิ 2 แห่งที่ก่อตั้งโดยสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งราชวงศ์อังกฤษนายซูเลมาน ดาวู้ด (Suleman Dawood) บุตรชายวัย 19 ปีของนายชาซาดา ดาวู้ดนายปอล อองรี นาร์โฌเลต์ (Paul-Henry Nargeolet) อดีตนักดำน้ำกองทัพเรือฝรั่งเศสวัย 77 ปี ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สำรวจซากเรือไททานิกมากกว่านักสำรวจคนอื่น ๆ และเป็นหนึ่งในคณะสำรวจซากเรือไททานิกกลุ่มแรกในปี 2530นายสต็อกตัน รัช (Stockton Rush) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารโอเชียนเกตวัย 61 ปี โดยโอเชียนเกตเป็นผู้ทำทริปเที่ยวชมซากเรือไททานิก
โดยนพวัชร์