ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 28-29 พ.ค 2566
รัฐบาล 8 พรรคร่วมยังไม่ทันตั้งไข่
เรื่องที่ 2,179 รัฐบาล 8 พรรคร่วมยังไม่ทันตั้งไข่ อยู่ๆ เฮียชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ก็ออกมาปูดข่าวดีลลับรัฐบาลใหม่ “ไม่มีก้าวไกล” บอกว่า มีการเจรจาลับผลัก “ก้าวไกล” ไปเป็นฝ่ายค้าน รวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งได้ เพื่อไทย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ส.ว. ผ่านฉลุย 376 ได้จัดตั้งรัฐบาลแน่
นักแฉอย่างชูวิทย์ ระบุ สูตรลับเจรจาตกลงไฟเขียวผ่านตลอด แถมดีลพิเศษแพ็คเกจ “กลับบ้าน” รายงานถึง “ทักษิณ“ ที่รออยู่สิงคโปร์ เขาบอกให้ติดตามกันต่อไป รายงานนี้ยืนยันถึงตัวตนคนเจรจา แต่ขอปิดแหล่งข่าว เมื่อใช้วิชา “โจรการเมือง” จรรยาโจรต้องมี ไม่ขอเอ่ยชื่อผู้ร่วมวงเจรจา”
ชูวิทย์ ยังอ้างรายงานเพิ่มแจ้งว่า “ก้าวไกล” เสี่ยงเกินไป พิธาไปไม่ถึงฝัน ประชาชนมีสิทธิ์รู้เบื้องหลัง ว่านักการเมืองทำอะไรกันอยู่ ตอนหาเสียง ทำให้มีข่าวกันทุกวี่ทุกวัน กรอกใส่หูให้คนจำได้ แต่พอเลือกตั้งเสร็จ ดันไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ ไม่ให้คนเห็น เจรจาดีลลับตลบหลังประชาชน ลืมที่หาเสียงไว้กันได้ไง (วะ)?กลิ่นเหม็นเน่า “ประชาธิปไตยจอมปลอม” เริ่มโชยมาแต่ไกล
ข่าวนี้จริงแท้แค่ไหนไม่รู้ แต่ดูเหมือนจะสอดรับกับความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ที่วันนี้ มี FC คนเสื้อแดง บุกถึงพรรค เรียกร้องให้ถอนตัวร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล
เรื่องที่ 2,180 มีประเด็นให้พี้น้องชาวไทยได้ลุ้นระทึกกันอีกแล้ว สำหรับภาระค่าครองชีพในยุคปัจจุบัน เมื่อล่าสุดมีแหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ออกมาเปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากกระทรวงการคลังว่ามาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท ที่จะครบกำหนดวันที่ 20 ก.ค.2566 นั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศออกมาแล้วว่าจะไม่ต่อมาตรการดังกล่าว
ส่วนเหตุผลที่กระทรวงการคลังทำแบบนั้นก็เพราะว่าต้องรอรัฐบาลชุดใหม่มาตัดสินใจ เนื่องจากมีผลกระทบในเรื่องของงบประมาณการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตที่ต้องหายไปด้วย ขณะที่ประเด็นจั่วหัวที่ บก.ชวนคุยบอกว่าต้องลุ้นระทึก ก็เพราะว่า คุณผู้อ่านลองนึกภาพตามไปละกันนะครับ ในเมื่อภาษีสรรพสามิตน้ำมันกำลังจะกลับมาเก็บเหมือนเดิมที่ลิตรละ 5 บาท ดังนั้น
เราก็ต้องมาลุ้นกันว่ากระทรวงพลังงานจะทำอย่างไรต่อไป แต่ก็แว่วๆเข้าหูมาเหมือนกันให้ได้สบายใจกันบ้างว่าน้ำมันดีเซลคงจะไม่ได้ขึ้นพรวดพราดขนาดนั้น หรือไม่ได้ปรับขึ้น เพราะในเมื่อมีกลไกลของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ก็ยังสามารถนำไปดุแลได้ และที่บก.ชวนคุยเช็คมาสถานะล่าสุดก็ถือว่าดี โดยติดลบอยู่ที่ 72,731 ล้านบาท จากที่เราเคยเห็นติดลบไปมากกว่า 1 แสนล้านบาทก่อนหน้านี้
ไว้ถึงเวลานั้นเราค่อยมาติดตามกันดูว่า ราคาน้ำในดีเซลจะเป็นอย่างไร หรือไปในทิศทางไหน แล้ว บก.ชวนคุยจะติดตามมารายงานให้ได้รับทราบกันอีกทีนะขอรับ
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,181 สำนักข่าวซินหัวรายงานการเปิดเผยของคานาลิส (Canalys) บริษัทวิจัยตลาดเทคโนโลยีระบุว่า ยอดการจัดส่งแท็บเล็ตของจีนในไตรมาสแรก (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 6.5 ล้านเครื่อง
แอปเปิ้ล อิงค์ (Apple Inc.) ครองตำแหน่งผู้นำตลาดแท็บเล็ต ด้วยยอดการจัดส่งเพิ่มมากกว่าสองเท่า อยู่ที่ 2.5 ล้านเครื่อง ด้านหัวเว่ย (Huawei) บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอยู่ในอันดับที่สอง ด้วยยอดการจัดส่งเพิ่มขึ้น 23% อยู่ที่ 1.1 ล้านเครื่อง
ทั้งนี้ กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นช่วงหลายเดือนมานี้ ทว่าการใช้จ่ายด้านคอมพิวเตอร์ของภาคธุรกิจและผู้บริโภคยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ยอดการจัดส่งคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ในเดือนม.ค.-มี.ค. ลดลง 24% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 8.9 ล้านเครื่อง โดยเลอโนโว (Lenovo) ผู้จัดจำหน่ายพีซีรายใหญ่ มียอดการจัดส่งลดลง 24% เมื่อเทียบปีต่อปี อยู่ที่ 3.3 ล้านเครื่อง
เรื่องที่ 2,182 เวียดนามระบุในเอกสารเกี่ยวกับกลยุทธ์การส่งออกข้าวว่า เวียดนามตั้งเป้าที่จะลดการส่งออกข้าวลงเหลือ 4 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573 ลดลงจาก 7.1 ล้านตันในปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของโลกรองจากอินเดียและไทย เอกสารระบุว่า แผนการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อที่จะเพิ่มการส่งออกข้าวคุณภาพสูง, รับประกันความมั่นคงทางด้านอาหารภายในประเทศ, ปกป้องสิ่งแวดล้อม และปรับตัวตามการเปลี่ยนของสภาพอากาศ
รายได้จากการส่งออกข้าวจะลดลงเหลือ 2.62 พันล้านดอลลาร์ต่อปีภายในปี 2573 โดยลดลงจาก 3.45 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565
เรื่องที่ 2,183 ล่าสุดนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้เพิ่มน้ำหนักมากกว่า 50% ต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนี PCE หรือ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงานซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 57.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนัก 42.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PCE หรือ ปรับตัวขึ้น 4.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 4.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.1% ในเดือนมี.ค.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.6% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
โดยนพวัชร์