ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 11-12 พ.ค 2566
12 พ.ค.66 ทุกพรรคจัดเวทีปราศรัยใหญ่ ทิ้งทวน เริ่มจากพรรคเพื่อไทย มาในหัวข้อ “คิดใหญ่ ปราศรัยใหญ่กว่า”
เรื่องที่ 2,081 คิดใหญ่ ปราศรัยใหญ่กว่า” จัดใหญ่จัดเต็มที่อาคาร อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี โดยเป็นสถานที่เดียวกับที่ “พรรคเพื่อไทย” เคยจัดปราศรัยใหญ่ เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 3 หลังจากส่งรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระบบต่อ กกต.
พรรคพลังประชารัฐ จัดการปราศรัยใหญ่ ที่สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง อาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นอาคารติดแอร์ รองรับผู้คนได้จำนวนมาก นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ใกล้ๆกันคือ พรรคก้าวไกล จัดที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยพรรคก้าวไกล จะใช้อีกอาคารหนึ่งในสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดงเพื่อปราศรัย ครั้งสุดท้าย
พรรคประยุทธ์ รวมไทยสร้างชาติ ใช้พื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ วงเวียนใหญ่ เพื่อปราศรัยในช่วงโค้งสุดท้าย
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย จัดพื้นที่อินดอร์ สเตเดียม หัวหมาก สามารถรองรับแฟนคลับได้มากกว่า 5,000 คน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จะใช้เวทีลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. โดยเป็นพื้นที่สัญลักษณ์ทางการเมืองที่พรรคประชาธิปัตย์
เรื่องที่ 2,082 ต้องถือว่าเป็นข่าวดีล่วงหน้าระยะยาวกันเลยทีเดียวสำหรับข่าวนี้ของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ที่ออกมาระบุว่า แนวโน้มค่าไฟงวดเดือน ก.ย.-ธ.ค.66 น่าจะมีลุ้นปรับลดลงได้ถึง 50 สตางค์ต่อหน่วย หลังจากที่แนวโน้มราคาก๊าซ LNG ลดลง บวกกับ ปตท.สผ. เร่งผลิตก๊าซอ่าวไทยหลุม G1 ซึ่งมีราคาถูกกว่า 2-3 เท่า หากได้ตามเป้าจะลดภาระค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (FT) ให้กับประชาชนได้
แม้ว่าระยะเวลาจะยังอีกยาวไกลกว่าจะถึงรอบประกาศค่าไฟงวด ก.ย.-ธ.ค.66 และก็เป็นแค่คาดการณ์แนวโน้มว่าจะสามารถทำได้ แต่แค่เป็นข่าวออกมาว่าจะปรับลดราคาลงประชาชนก็คงชื่นใจได้แหละ แต่ติดอยู่นิดหนึ่งที่เวลานั้นอากาศมันไม่ได้ร้อนเหมือนเตาเผาเหมือนช่วงที่ค่าไฟน่ะสิขอรับเจ้านาย
ความขยันไม่เป็นสองรองใครก็คงต้องยกให้กับ “พี่ปืน” นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ที่ล่าสุดเตรียมควงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือกนอ. และบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยที่มีความร่วมมือทางธุรกิจกับเกาหลีใต้ อาทิ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ลุยจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้)
หวังจจะนำเสนอยุทธศาสตร์และมาตรการส่งเสริมการลงทุนใหม่ของบีโอไอ มาตรการสนับสนุนอื่นของภาครัฐ และความพร้อมของนิคมอุตสาหกรรมในการรองรับการลงทุนจากเกาหลี ให้กับบริษัทชั้นนำของเกาหลีใต้มากกว่า 40 บริษัท เผื่อว่าจะมีทุนจากเกาหลีขนทัพลงทุนเข้ามาที่ประเทศไทย ยังไงก้ขอเอาไงช่วยท่านเลขาปืน และคณะให้ประสบความสำเร็จนะครับผม
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 2,083 กระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ทางการเกาหลีใต้ได้สั่งให้ทำการฆ่าวัวหลายร้อยตัวและวางมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพ หลังพบสัตว์ป่วยเป็นโรคปากและเท้าเปื่อย (FMD) ที่ฟาร์มต่าง ๆ ในจังหวัดทางภาคกลาง กรณีดังกล่าวนับเป็นการระบาดที่ได้รับการยืนยันครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค.2562 โดยการติดเชื้อในปัจจุบันเกิดขึ้นในฟาร์ม 3 แห่งในเมืองชองจู จังหวัดชุงชองเหนือซึ่งอยู่ทางใต้ของกรุงโซลนายคิม อิน-จุง รมช.เกษตรระบุในแถลงการณ์ในวานนี้ (11 พ.ค.) ว่า “หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลท้องถิ่นได้รับคำขอให้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในมาตรการป้องกัน เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อย”สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่วางแผนที่จะฆ่าวัวประมาณ 360 ตัวนอกจากนี้ จะมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อย และการตรวจเชื้อในฟาร์มปศุสัตว์ภายในและใกล้กับเมืองชองจูด้วย
เรื่องที่ 2,084 เกาหลีใต้ได้ลดระดับวิกฤตของโรคโควิด-19 ลงในวานนี้ (11 พ.ค.) และตั้งแต่เดือนมิ.ย. ผู้ติดเชื้อจะไม่จำเป็นต้องกักตัวเป็นระยะเวลา 7 วันอีกต่อไป ซึ่งเป็นการยกเลิกหนึ่งในมาตรการโควิดของประเทศที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่มาตรการ ขณะที่หน่วยงานด้านสาธารณสุขยังคงแนะนำให้ประชาชนผู้ติดเชื้อกักตัวเป็นเวลา 5 วัน แต่ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด
“ผมยินดีที่ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 3 ปี 4 เดือน” ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวในการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เพื่อประกาศการลดระดับวิกฤตลงจากระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ลงสู่ระดับ 3สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของเกาหลีใต้ได้รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 ประมาณ 31.3 ล้านคน และมียอดผู้เสียชีวิต 34,600 ราย ขณะที่เกาหลีใต้มีประชากรทั้งสิ้นราว 52 ล้านคน
เรื่องที่ 2,085 รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางของกลุ่มประเทศ G7 พบปะกันในวันนี้ (11 พ.ค.) ที่จังหวัดนีงาตะ ทางตอนกลางของญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นในภาคการธนาคาร รวมทั้งประสานงานกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นในการหาทางยุติการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครน และจัดการกับความเสี่ยงของห่วงโซ่อุปทานโลกสำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า การพบปะดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่สุ่มเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก โดยการล่มสลายของธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐ ได้เพิ่มความตื่นตระหนกในตลาด และการคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางหลายแห่ง ได้สร้างความวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย ญี่ปุ่นซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกลุ่ม G7 ในปีนี้มีความหวังว่า กลุ่ม G7 จะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในเรื่องการเผชิญกับความท้าทายจากรัสเซียและจีน
ทั้งนี้ ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิก G7 อย่าง บราซิล อินเดีย อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และคอโมโรส ซึ่งเป็นประธานสหภาพแอฟริกา ต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการประชุม G7 ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก โดยมีจุดประสงค์เพื่อหารือเกี่ยวกับความท้าทายระดับโลก รวมถึงปัญหาหนี้ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศที่มีรายได้ต่ำ-ปานกลาง
อนึ่ง กลุ่ม G7 ประกอบด้วย อังกฤษ แคนาดา เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐ
เรื่องที่ 2,086 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวในวันนี้ (11 พ.ค.) ว่า จีนใช้เงินหยวนเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซียในช่วงปีที่ผ่านมา โดยการซื้อน้ำมัน ถ่านหิน และโลหะจากรัสเซียเกือบทั้งหมดในปัจจุบันชำระด้วยเงินหยวนแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ
การเปลี่ยนไปใช้เงินหยวนในการชำระค่าสินค้าโภคภัณฑ์ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 88,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสงครามยูเครนเป็นตัวช่วยเร่งความมุ่งมั่นของจีนในการทำให้สกุลเงินของตนกลายเป็นสกุลเงินสากล ด้วยการลดการใช้สกุลเงินดอลลาร์ แต่อย่างไรก็ตาม การควบคุมการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่เข้มงวดมีแนวโน้มว่าจะจำกัดการแพร่สะพัดของเงินหยวนทั่วโลกในระยะเวลาอันใกล้นี้ข้อมูลจากสมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก (SWIFT) เผยว่า ในเดือนมี.ค. เงินหยวน หรือที่เรียกกันว่า เหรินหมินปี้ (RMB) กลายเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในจีนอย่างแพร่หลาย แซงหน้าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก แม้ว่าสัดส่วนในฐานะสกุลเงินที่ใช้ในการชำระเงินทั่วโลกจะอยู่แค่ระดับ 2.5% ซึ่งน้อยกว่าสกุลดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 39.4% และสกุลเงินยูโรที่ระดับ 35.8% ก็ตาม
โดยนพวัชร์