ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 23-24 เม.ย.2566
เช็คเรตติ้งออนไลน์ 3 แคนดิเดตนายกฯ จากวันที่ 22 เมษายน
เรื่องที่ 2,011 เช็คเรตติ้งออนไลน์ 3 แคนดิเดตนายกฯ จากวันที่ 22 เมษายน มีเวทีปราศรัยใหญ่ พร้อมกัน 3 พรรคการเมือง 3 จังหวัด ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล ที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย ที่จังหวัดสุโขทัย และพรรคพลังประชารัฐ ที่จังหวัดนครราชสีมา
ทั้ง 3 พรรคเฟซบุ๊กไลฟ์ปราศรัยวันเดียวกัน ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ปรากฎว่า
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล กระแสดีสุดในโลกออนไลน์ คนดูไลฟ์ช่วงพีดเกือบหมื่นคนเลยทีเดียว
ส่วนเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคเพื่อไทย คนดูเฟซบุ๊กไลฟ์ช่วงพีคอยู่ที่ประมาณ 1.6 พันคน ยังไม่ถือว่าเป็นตัวเลขที่มากนัก
ขณะที่ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไลฟ์ในเพจทางการของพรรคพลังประชารัฐ ช่วงพีคมีคนดูเพียง 198 คน
อย่างไรก็ตาม นี่แค่ช่วงหนึ่งของการเก็บตัวอย่างเบื้องต้น จากการจับตาดูความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองในโซเชียลมีเดียเท่านั้น
เรื่องที่ 2,012 ฮอตไม่แพ้ความร้อนช่วงนี้ก็คงต้องยกให้เรื่องของค่าไฟ ที่ดีเบตกันได้ทุกเวทีตั้งแต่แค่ระดับชาวบ้านธรรมดาไปจนถึงระดับประเทศ ระดับเวทีการเมืองที่ใส่กันยับเปิดหน้าแลก ล่าสุด “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ออกมาโพสต์เฟซบุ๊คแฟนเพจ ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีมติเห็นชอบตามที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เสนอขอรับภาระยืดหนี้ออกไป
ส่งผลให้ค่าไฟที่ประกาศตอนแรกว่าจะเก็บที่ 4.77 บาทต่อหน่วยในงวด พ.ค.-ส.ค.66 จะลดลงมาเหลือ 4.70 บาทต่อหน่วย โดย “กรณ์” ฉะแรงใช้ำคำว่าเลิกหลอกประชาชนว่าลดค่าไฟให้ 7 สตางค์ ทั้งที่จริงแล้วลดให้แค่ 2 สตางค์ เพราะงวดปัจจุบันจ่ายอยู่แล้วที่ 4.72 บาทต่อหน่วย
บก.ชวนคุยขอตอบแบบกลางๆในประเด็นดังกล่าว เพราะถ้ามองแบบ “กรณ์” ก็ถือว่าไม่ผิดนักหากจะคิดแบบนั้น แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่งการที่ กกพ. บอกว่าจะลดค่าไฟได้ 7 สตางค์ก็ไม่ได้ผิดประเด็นแต่อย่างใด เพราะในเมื่องวดหน้าได้มีการประกาศโต้งๆไปแล้วว่าจะเก็บที่ 4.77 บาทต่อหน่วย แล้วคุณผู้อ่านละครับมองกันมุมไหน
อย่างไรก็ดี บก.ชวนคุยได้ข่าวแว่วๆมาว่า กกพ. จะเร่งออกมาชี้แจงประเด็นค่าไฟในเร็ววันนี้ บทสรุปจะออกมาเป็นอย่างไร แล้วจะมาเล่าให้ฟังกันต่อไปนะขอรับ
เรื่องที่ 2,013 เกือบลืมไปแล้ว “โควิด-19” ยังอยู่ใกล้ตัวเรา ล่าสุด Worldometer เว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 686,264,684 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 6,858,497 ราย สหรัฐฯ มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลก 106,524,168 รองลงมาคือ อินเดีย 44,869,684 ส่วนประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อจากมากไปหาน้อย ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี บราซิล ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิตาลี สหราชอาณาจักร รัสเซียตุรกี และสเปน โดยสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก 1,158,842 ราย ตามมาด้วย บราซิล 701,215 ราย และอินเดีย 531,258 ราย
เรื่องที่ 2,014 ไชน่า ซีเคียวริตีส์ เจอนัล วารสารหลักทรัพย์จีนรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยหูรุ่น องค์กรและนิตยสารด้านธุรกิจของจีนได้รายงานดัชนียูนิคอร์นโลก (Global Unicorn Index) ประจำปี 2566 พร้อมเปิดเผยว่า มีบริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีนมากกว่า 30 แห่งติดอยู่ในรายชื่อบริษัทยูนิคอร์นโลก ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่ก่อตั้งหลังปี 2543 และมีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบันทั่วโลกมีบริษัทยูนิคอร์น 1,361 แห่งจาก 48 ประเทศและ 271 เมือง โดยมีมูลค่ารวมกัน 4.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 316 รายในจำนวนนี้อยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีจำนวนยูนิคอร์นมากเป็นอันดับที่ 2 ของโลกสำนักข่าวซินหัว ยังระบุอีกว่า การจัดอันดับข้างต้นชี้ให้เห็นว่าภาคส่วนปัญญาประดิษฐ์ที่มี บริษัทยูนิคอร์น 105 แห่งได้ กลายมาเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุด
เรื่องที่ 2,015 รถไฟชนกับเรือ จะเหลืออะไร!!! เรื่องเล่าสมัยเด็ก แต่อาจจะเป็นความจริง สำหรับเรื่องนี้ โฆษกรัฐบาลไทย ระบุว่า ขณะนี้ ตลาดเกาหลีใต้นิยมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไทยอย่างมาก ล่าสุดมีมูลค่าการส่งออก 1.92 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 57.1% และมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มมากขึ้นกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ รายงานโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล เกาหลีใต้ สินค้าไทยประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเกาหลีใต้เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากมีความหลากหลายของรูปแบบผลิตภัณฑ์ มีรสชาติของอาหารไทยที่หลากหลาย เช่น รสต้มยำกุ้ง รสผัดไทย รสปูผัดผงกะหรี่ และ รสชาติเผ็ด ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของไทยมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เรื่องที่ 2,016 ธอส.แม้ยังไม่มี “เอ็มดี” แต่วันนี้ (22 เม.ย.) ผลการจัดงานประมูลขายบ้านมือสอง ธอส. ประจำปี ครั้งที่ 1/2566 ปรากฏว่า สามารถจำหน่ายทรัพย์ได้ถึง 625 รายการ คิดเป็นมูลค่า 730 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น ทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 200 รายการ คิดเป็นมูลค่า 249 ล้านบาท และทรัพย์ในเขตภูมิภาค 425 รายการ คิดเป็นมูลค่า 481 ล้านบาทโดยทรัพย์ที่มีราคาประมูลต่ำสุด ที่มีผู้ประมูลซื้อได้ในครั้งนี้ ได้แก่ ทรัพย์ประเภทห้องชุด ขนาดเนื้อที่ 25.67 ตารางเมตร เขตบางเขน กรุงเทพฯ ปิดประมูลได้ในราคาเพียง 80,000 บาท ขณะที่ทรัพย์ที่มีราคาประมูลสูงสุด ได้แก่ ทรัพย์ประเภทอาคารพาณิชย์ ขนาดเนื้อที่ 72 ตารางวา อ.เมือง จ.เพชรบุรี ปิดประมูลด้วยราคา 7,290,000 บาท เนื่องจากเป็นทรัพย์ที่อยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยว เส้นทางคมนาคมสะดวก เหมาะแก่การทำการค้า ครับท่าน!!
โดยนพวัชร์