ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 30-31 มี.ค.2566

การเมืองกำลังจะเข้าสู่โมทบีบให้เลือกว่า หลังการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงนี้ พรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ๆจะจับมือใคร จัดตั้งรัฐบาล

เรื่องที่ 1,927 เวทีดีเบตที่ได้รับความสนใจ ก็จะมีรูปแบบประมาณนี้ กล่าวคือ เน้นมุมการเมือง มากว่าแนวนโยบาย เพราะการเมืองเกี่ยวเนื่องกับความรู้สึกและอารมณ์ของผู้คน ย่อมจะได้รับความสนใจจากผู้ชมมากกว่าอยู่แล้ว
พรรคเพื่อไทย เหมือนจะถูกกดดันอย่างหนักให้ตอบคำถามที่ว่า จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา มีกระแสการดีลมาโดยตลอดว่าไม่แน่หลังการเลือกตั้ง อาจมีการจับมือข้ามขั้ว เพื่อไทยกับพลังประชารัฐ
แม้กระนั้นพรรคเพื่อไทย ก็ไม่เคยตอบให้ชัด ว่าจะไม่จับมือกับพลังประชารัฐ บอกแต่เพียงว่าพรรคเพื่อไทย พุ่งเป้าไปที่การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์
ล่าสุด “ภูมิธรรม เวชยชัย” แกนนำพรรคเพื่อไทยออกบอกว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มีมติใดๆเกี่ยวกับการจับมือตั้งรัฐบาล แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าในอนาคต จะไม่มีสิ่งที่เหนือความคาดหมายเกิดขึ้น
เรื่องที่ 1,928 ถือโอกาสแจ้งข่าวดีให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบกันเลยดีกว่า สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์ เพราะทั้งบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) โดย บมจ. ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ (OR) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)ต่างก็ออกมาประกาศว่าจะตรึงราคาน้ำมันไว้โดยไม่มีการปรับขึ้น
แถมใจสปอตลดราคาให้ด้วยหากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง โดยทางด้านของบางจากลั่นออกมาแล้วว่าจะตรึงราคาตั้งแต่วันที่ 12-18 เม.ย. 2566 ส่วน ปตท. ยังไม่ระบุวันที่ชัดเจนว่าจะเป็นเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ เพราะต้องรอมติจากคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ซึ่งก็มีประเด็นให้ได้ลุ้นกันสนุกๆนิดหน่อยด้วย เพราะหากจำกันได้ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา
บางจากก็ชิงประกาศก่อนแบบนี้ แต่ก็นะมาที่หลังย่อมดังกว่า เพราะพี่ยักษ์ ปตท. เกทับ หรือภาษาวัยรุ่นยุคนี้เรียกว่าขิงใส่ด้วยการประกาศตรึงราคามากกว่าไปอีก 1 วัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นกำไรของประชาชนอย่างเราๆไป ครั้งนี้ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีการให้มากกว่าอีกหรือไม่ขอรับ

เรื่องนี้ 1,929 ตั้งแต่ ธ.ก.ส.ได้คนหนุ่มไฟแรงชื่อ “ฉัตรชัย ศิริไล” เป็นเอ็มดีไม่ทันข้ามสัปดาห์ดี มองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายอย่าง ประการแรกพนักงานในองค์กร คึกคัดพร้อมต้อนรับเอ็มดีคนใหม่อย่างมั่นใจว่า จะสามารถนำพาองค์ให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ตามที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อหน้าคณะกรรมการสรรพาและพนักงานกว่า 20,000 คน

ประการ 2 ต่อมาคือ กล้าตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันที หลังจากที่ กนง.ประกาศภายใน 24 ชม.โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป ถือเป็นธนาคารแห่งแรกของทั้งระบบที่ขึ้นทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวดเร็วทันใจแบบนี้ สะท้อนให้เห็นภาระต้นทุนของธนาคารอย่างชัดเจน โดยอัตราดอกเงินฝาก แทบจะต่ำติดดิน ไม่ถึง 1% แต่ดอกเงินกู้นั้น พุ่งสวนขึ้นไปแตะ 6% กว่าๆ
ประการที่ 3 เริ่มมีข่าวแจก ข่าวประชาสัมพันธ์ หรือ press release เวลาที่เกือบหลับสนิทตอน 2-3 ทุ่ม เพื่อที่จะได้เห็นข่าวของ ธ.ก.ส.ตอนเช้าทางเว็บต่างๆ ก่อนธนาคารเฉพาะกิจเจ้าอื่น
จากนี้ไป หน่วยงานต่างๆ ภายในของ ธ.ก.ส.ที่ช้าอืดเป็นเรือเกลือ หรือทำอะไรแบบหมดเม็ด รวมถึง “ขอไปที” จะต้องระมัดระวังตัวให้ดี เพราะงานนี้ “เอ็มดีฉัตร” เขา เอาจริง!!

เรื่องที่ 1,930 ถึงคราวที่ไอเอ็มเอฟต้องสะกิดเตือนโลก ล่าสุด “คริสตาลินา กอร์เกียวา” กรรมการจัดการไอเอ็มเอฟ กล่าวในที่ประชุมโป๋อ่าว ฟอรัม ฟอร์ เอเชีย (Boao Forum for Asia) ว่า เศรษฐกิจโลกเผชิญปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยคาดการณ์ว่าปี 2566 จะเป็นปีที่ยากลำบากอีกปีหนึ่ง โดยเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวไม่ถึง 3% จากผลพวงของสงครามในยูเครนและการคุมเข้มนโยบายการเงินแบบต่อเนื่อง
ขณะที่ การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลานาน ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับภาคธนาคารในประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้วบางแห่ง และทำให้การดำเนินการด้านนโยบายยากลำบากยิ่งขึ้น
“การร่วมมือและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” โดยการร่วมมือกันนั้นได้เคยพลิกโฉมเศรษฐกิจโลกมาแล้ว ผ่านการยกระดับการรวมกลุ่มการค้า (Trade Integration) ซึ่งช่วยส่งเสริมรายได้และมาตรฐานชีวิตทั่วโลก สำหรับประเทศต่างๆ ทั่วทวีปเอเชีย การรวมกลุ่มการค้าถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้จีดีพีเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาตลอดหลายทศวรรษ ซึ่งรวมถึงการค้าภายในทวีปเอเชียที่บัดนี้ คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 50% ของการค้าทั้งหมดทั่วโลกและจีนถือเป็นศูนย์กลางสำคัญ…จบข่าว
โดยนพวัชร์