ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 24-25 ก.พ.2566

พรรครวมไทยสร้างชาติ มีกำหนดการปราศรัยใหญ่ ในวันที่ 25 ก.พ. 2566 ณ สนามหน้าศาลากลาง จังหวัดนครราชสีมา

เรื่องที่ 1,838 กำหนดการเริ่มตั้งแต่เวลา 16.30 น. เปิดเวทีปราศรัยโดยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ตามด้วยสมาชิกพรรคอย่างนายสุชาติ ชมกลิ่น นายธนกร วังบุญคงชนะ นายอนุชา นาคาศัย นายประนอม โพธิ์คำ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายเสกสกล อัตถาวงศ์ (แรมโบ้) และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค
ช่วงไฮไลท์อยู่ที่เวลา 18.05 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ปรากฎตัวเดินทักทายประชาชน ก่อนขึ้นเวทีปราศรัย โดยมีกิจกรรมทำพิธี “ปักธงชัย ประกาศชัยชนะ” และกล่าวปราศรัย “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ” ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกอบพิธีบวงสรวงท่านท้าวสุรนารี (ย่าโม)
โดยครั้งนี้ จะเป็นการขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 3 สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเลือกตั้ง ปี 2566 หลังการผุดสโลแกนใหม่ “ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ”
และโคราชก็เป็นจังหวัดแรกในภาคอีสานที่พรรครวมไทยสร้างชาติ เลือกจัดเวทีปราศรัยใหญ่ คาดว่าจะเอาใจชาวโคราชด้วยการบอกว่าเป็นลูกอีสาน เกิดโคราช แม่เป็นคนชัยภูมิ จึงเข้าใจหัวอกคนอีสานได้เป็นอย่างดี

เรื่องที่ 1,839 ผมล่ะชอบจริงๆช่วงก่อนการเลือกตั้งแบบนี้ เพราะเราจะได้เห็น ได้ยินไอเดียบรรเจิดจากแต่ละท่าน เพื่อขายฝันให้ประชาชนเคลิ้ม ล่าสุดเหลือบไปเห็นมุมมองในการแก้ไขราคาพลังงานที่น่าสนใจจาก “ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ซึ่งโพสเฟสบุ๊กแสดงความเห็นไว้ว่า น้ำมัน ก๊าช ไฟฟ้า ต่างส่งผลต่อค่าครองชีพของพี่น้องประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม การคิดหาแนวทางลดราคาพลังงานจึงเป็นเข็มมุ่งหมายที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันทำ แต่ต้องอยู่ในกรอบของ 1.ความเป็นไปได้ ,2.ไม่สร้างผลกระทบระยะยาว ,3.ยั่งยืน
สำหรับเรื่องที่ต้องปรับตามกรอบแนวคิดนี้ของ “ศ.ดร.นฤมล” ประกอบด้วย 1.โครงสร้างราคาขายปลีกน้ำมันที่ดูซับซ้อนนั้น ควรได้รับการปรับเปลี่ยน เช่น เปลี่ยนการคิดต้นทุนด้วยราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นอ้างอิงตามราคาตลาดสิงคโปร์ ให้เป็นราคาที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงและเป็นธรรม ,2.เปลี่ยนการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของกองทุน คือรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมันในประเทศ ยกเลิกการนำเงินกองทุนนี้ไปแทรกแซงและอุดหนุนราคา จนทำให้ราคาพลังงานบางชนิดถูกบิดเบือนให้ถูกกว่าราคาตลาด แต่กลับไปสร้างภาระให้คนใช้พลังงานอีกชนิดหนึ่ง การบิดเบือนราคานี้นำไปสู่การบิดเบือนพฤติกรรมผู้ใช้พลังงานด้วย
3.การอุดหนุนราคาพลังงานบางชนิดที่ยังจำเป็นต้องมี ก็ควรดูแลเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ไม่ใช่อุดหนุนเป็นการทั่วไป และควรไปตั้งงบประมาณสำหรับการอุดหนุนต่างหาก แยกออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อที่พลังงานที่ถูกนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์จะได้ใช้ราคาตลาดตามกลไกตลาดที่มีการแข่งขันเสรี ,4.การช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงชีวภาพก็ควรแยกตั้งงบประมาณเพื่อการดูแลเกษตรกรต่างหากออกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะได้ได้ไม่ทำให้ราคาตลาดบิดเบือน
และ5.จริงจังกับแผนสนับสนุนพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกเพื่อความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนของชาติไทย “ศ.ดร.นฤมล” ยืนยันว่า แค่ข้อ 1 ถึง 4 ก็สามารถลดราคาพลังงานแต่ละชนิดไปได้หลายบาท ตอนยังไม่มีตำแหน่งร้อยทั้งร้อยก็เก่งนำเสนอกันแบบนี้ล่ะครับท่านผู้โชมมมมมมมมมมมมมมมมม
โดยนพวัชร์