ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 22-23 ก.พ.2566
ไฟระอุขึ้นที่พรรคก้าวไกล ภายหลัง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ฟาด ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในวาระ ครบรอบ 3 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า ขอให้ เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ กลับมาช่วยพรรค
เรื่องที่ 1,831 ก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่า 2 เดือนมานี้ อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่อย่างปิยบุตร ได้วิจารณ์การทำงานของหัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมองกันว่า เป็นเพราะแนวทางของทั้งสองคนนี้ ไม่เหมือนกัน เลยก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นภายใน
ไม่ทันไร ภายหลัง พิธา ออกมาโพสต์ดังกล่าว ปิยบุตร ฟาดกลับอย่างแรงไม่แพ้กันว่า พิธาเอารัดเอาเปรียบ พวกผม ทีมงาน พนักงาน ทีมจังหวัดทั่วประเทศ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส.เพียงใด ใครกันแน่ “มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ” “ใครกันแน่ “จับเสือมือเปล่า”
การออกมาฟาดกันครั้งนี้ในสื่อสาธารณะ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้หรือฝ่ายชนะ แต่ที่แน่ๆพรรคก้าวไกลเสียหายอย่างแน่นอน
เรื่องที่ 1,832 เห็นข่าวนี้จากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ สกนช. แล้วให้ความรู้สึกที่ประหลาดอย่างบอกไม่ถูกเลยขอรับ เพราะไม่รู้ว่าควรจะยินดี หรือยินร้าย เมื่อท่าน ผอ.สกนช. “วิศักดิ์ วัฒนศัพท์” ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน.มีมติให้คงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 34 บาทต่อลิตร ต่อไปอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่ดีนั่นแหละสำหรับผู้ที่ต้องเติมน้ำมันดีเซล และกับภาคโลจิสติกส์
แต่เมื่ออ่านไปอีกกลับรู้สึกฉงนกับสิ่งที่เพิ่งยินดีไปเมื่อสักครู่ เพราะกบน. ยังมีมติเพิ่มค่าการตลาดสำหรับกลุ่มน้ำมันดีเซลขึ้นอีก 0.40 บาทต่อลิตร จากเดิมได้ขอความร่วมมือเรื่องค่าการตลาดน้ำมันดีเซลไว้อยู่ที่ 1.40 บาทต่อลิตร โดยปรับเป็น 1.80 บาทต่อลิตร เพื่อให้ค่าการตลาดทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันอยู่ในกรอบ 2 บาทต่อลิตร และให้สอดคล้องกับมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ในเรื่องมาตรการบริหารจัดการด้านน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าแทนที่ราคาน้ำมันดีเซลจะลดลงไปได้มากกว่านี้ ก็ต้องมาถูกค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นสกัดไว้
แต่จากการสอบถามแหล่งข่าวคนสนิท ท่านก็ได้แต่หัวเราะแล้วตอบเพียงว่า เหมือนเป็นการแลกกันให้ผู้ค้าน้ำมันสามารถอยู่ได้ด้วย ได้ยินแบบนี้ก็ไม่รู้เลยว่าจะเรียกว่า วิน-วิน ได้หรือไม่เลยขอรับเจ้านาย เพราะที่วิน-วินน่ะคือ รัฐกับเอกชน แต่ไม่ใช่ประชาชนครับพี่น้อง
เรื่องที่ 1,833 ไปร่วมงานแถลงข่าว “หอการค้าไทย-จีน” เปิดตัวจัดงานใหญ่ในรอบ 28 ปี เชิญนักธุรกิจจีนทั่วโลก ประมาณ 3,000 คน ร่วมประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก หรือ WCEC ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย.นี้ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดว่า งานนี้ จะมีเงินสะพัดไม่น้อยกว่า 400-500 ล้านบาท โดยเฉพาะนักลงทุนจีนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาร่วมงานนี้ มากกว่า 1,000 คน โดยมีสาเหตุจากการสั่งปิดประเทศยาวนานกว่า 3 ปี ทำให้นักลงทุนขนาดใหญ่อึดอัดอยากออกมาท่องเที่ยวโดยเฉพาะประเทศไทย
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ช่วงนี้ หอมสดชื่นแม้จะมีเรื่องทุนจีนสีเทาก็ตาม
ท่านประธาน “ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล” ประธานหอการค้าไทย-จีน ระบุว่า ราคาทุเรียนปีนี้ ไม่ต้องห่วงเรื่องตกต่ำ ล่าสุด ปตท.จัดทำโบกี้รถไฟ 300-400 ตู้ ขนทุเรียนได้หลายพันตัน พร้อมเคลื่อนย้ายไปติดลาว ก่อนส่งต่อไปจีนรถไฟความเร็วสูง “สุดยอดครับท่าน!!”
นอกจาก อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนที่นักลงทุนจีนสนใจแล้ว ยังมีสินค้าอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมจะย้ายมาผลิตในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเอสเอ็มอี งานนี้ ประเทศไทยได้รับประโยชน์เต็มๆ
เรื่องที่ 1,834 ตัวเลขที่หายไป คือ 8 ล้านคน “ไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ธนาคารกรุงไทยต้องรับผิดชอบ” ไม่ใช่เสียง “ขุนคลัง-อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง แต่เป็นเสียงของ รมช.คลัง ที่ชื่อ “สันติ พร้อมพัฒน์” เนื่องจากยอดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรจน ล่าสุดทะลุทะลวงไปถึง 22 ล้านคน แต่ตัดไปตัดมา หดสั้นเหลือเพียง 14 ล้านคน หายไปถึง 8 ล้านคน โดยไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ จากธนาคารกรุงไทย ในฐานะเจ้าของงานตรวจสอบที่ตัดไปถึง 8 ล้านคนนั้น ไม่ตรงจุดตรงไหน
“ท่านสันติ” บอกว่า ถ้าตัดไปถึง 8 ล้านคน โดยที่คนเหล่านี้ยื่นอุทรณ์ทั้งหมดคงตรวจสอบไม่ทันอย่างแน่นอน!!
คนคลังบอกว่าไม่น่าห่วงครับ แต่สิ่งที่ห่วงและน่าสงสัยมากที่สุดคือ 8 ล้านคนที่ถูกตัดออกไปนั้น ฐานเสียงของนักการเมืองที่แจกเงินสดๆ ผ่านบัตรทุกเดือนใช่หรือไม่ ถึงมีคนเดือดร้อนหนักมาก ณ เวลานี้!!
โดยนพวัชร์