ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 13-14 ก.พ.2566
ไฮไลท์การเมืองสัปดาห์นี้ จับตาการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป แบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยการอภิปรายมีขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.
เรื่องที่ 1,803 พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมหัวข้ออภิปรายครอบคลุมทุกมิติ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมข้อกล่าวหารัฐบาลไม่ปฏิบัติตามคำแถลงรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา
พรรคเพื่อไทย เตรียมผู้อภิปรายรวม 35 คน เน้นด้านเศรษฐกิจ ความเดือดร้อนของประชาชน ด้านสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ด้านสถานการณ์การเมืองที่มีกลไกบิดเบี้ยว และการทุจริตในด้านต่างๆ
ส่วนพรรคก้าวไกล เตรียมผู้อภิปราย 10 คน ถล่ม 2 วันเต็ม ในธีม ‘เช็กบิลปรสิต ปิดสวิตช์ 3ป.” เนื้อหาการอภิปรายจะเปิดแผลความล้มเหลวและเปิดโปงการทุจริตภายใต้การบริหารราชการของรัฐบาล โดยเฉพาะในวงการตำรวจ ทหาร พลังงาน คมนาคม โดยเชื่อว่าทุกข้อมูลมีประโยชน์ต่อประชาชนในการเลือกตั้ง
สำหรับประเด็นที่น่าจับตามองคือ เรื่องของทุนจีนสีเทา เพราะก่อนหน้านี้ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เจ้าพ่อนักแฉ ได้มอบข้อมูลเด็ดให้กับ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องที่ 1,804 ได้ฟังท่านปลัดกระทรวงพลังงาน พี่กบ “กุลิศ สมบัติศิริ” พูดภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) แล้วค่อยใจชื้นไปอีกเปราะ เพราะดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าเจ้าของฉายา “พาวเวอร์ แบงค์” ที่ได้เคยลั่นวาจาออกมา ว่าค่าไฟงวด พ.ค.-ส.ค.66 มีแนวโน้มที่จะลดลง โดยพี่กบยกเหตุผลประกอบอย่างเป็นรูปธรรม แต่แอบแฝงไว้ด้วยความไม่แน่นอนเล็กน้อยว่า ถ้าราคาก๊าซนำเข้าอยู่ในระดับนี้ต่อไป มองว่าทิศทางราคาค่าไฟฟ้างวดใหม่ก็จะถูกลง
อีกทั้งในช่วงของการใช้ไฟฟ้าสูง หรือช่วง Peak จะอยู่ในช่วงเดือน ม.ค.เม.ย. 2566 ทำให้สถานการณ์แผนรับมือพลังงานฉุกเฉินผ่อนคลายขึ้น แต่มีแอบเปิดประเด็นไว้ด้วยว่า ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยหากราคานำเข้าก๊าซลดลงก็อาจจะปรับลดการใช้น้ำมันดีเซลในการผลิตไฟฟ้าลง ซึ่งกระทรวงได้พยายามบริหารจัดการเพื่อบริหารต้นทุนอย่างคุ้มค่าและถูกที่สุด
นอกจากนี้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ แนวโน้มการคำนวนค่าไฟฟ้างวด พ.ค-ส.ค.66 ต่อไปจะเป็นอัตราเดียวทั้งภาคครัวเรือนและเอกชน จากเดิมที่งวดปัจจุบันค่าไฟฟ้ามี 2 อัตรา คือ ภาคครัวเรือนคิดค่าไฟฟ้าที่หน่วยละ 4.72 บาท และผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น เช่น กลุ่มธุรกิจ คิดอัตราหน่วยละ 5.33 บาท เอาเป็นว่าเราไม่ต้องไปสนใจประเด็นอื่นให้รกสมอง แค่รู้ว่าค่าไฟงวดต่อไปมีแนวโน้มสูงที่จะลดลงก็น่าจะเพียงพอแล้วนะขอรับทุกท่าน
เรื่องที่ 1,805 ขุนคลัง “ เรียกร้องให้หน่วยงานในสังกัดของกระทรวงการคลังทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เร่งทำความเข้าใจและประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับกลลวงของแก๊งมิจฉาชีพ ทั้งโทร ทั้งไลน์ และLink จนมั่วไปหมด ทำให้เกิดความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายให้แก่ประชาชนเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ขุนคลังยังแนะนำสิ่งเดียวที่ประชาชนต้องระมัดระวังคือ อย่างหลงเชื่อเป็นอันขาด!!
เรื่องที่ 1,806 ดูดีนะ เริ่มต้นปี2566 ยังไม่ทันข้ามเดือนที่ 2 เอสเอ็มอีแบงก์ กลายเป็นแบงก์รัฐแห่งแรกของกระทรวงการคลังได้รับไฟเขียวระดมทุนออกขายพันธบัตร วงเงิน 3 พันล้านบาท อายุ 3 ปี โดยมีกระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ผ่านวิธีประมูลแก่ผู้ลงทุน เพื่อระดมทุนนำไปปล่อยสินเชื่อแก่เอสเอ็มอีไทย กำหนดประมูล 20 ก.พ. นี้ มั่นใจได้รับความสนใจอย่างสูง จากความแข็งแกร่งขององค์กรระดับ AAA
สำหรับการจำหน่ายพันธบัตรครั้งนี้ ทำให้ธนาคารมีเงินทุนนำไปสนับสนุนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย สามารถเดินหน้าธุรกิจได้เต็มศักยภาพ เป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนไทยฟื้นตัวโดยเร็ว ขณะเดียวกัน ช่วยให้ธนาคารมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมในระยะยาว เชื่อว่า พันธบัตรดังกล่าวจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน เนื่องจากธนาคารมีสถานะความแข็งแกร่ง เพราะมีกระทรวงการคลังถือหุ้นกว่า 99% และได้การจัดอันดับเครดิตองค์กร โดยบริษัท ฟิทช์ เรทติ้ง จำกัด ให้อยู่ในระดับ AAA ถือเป็นระดับสูงสุดสำหรับเครดิตภายในประเทศ
โดยนพวัชร์