ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 22-23 ธ.ค.2565
สปอร์ตไลท์การเมืองส่องไปที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคภูมิใจไทย ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้า มีโอกาสโกย ส.ส.อย่างเป็นกอบเป็นกำ จากการดูด ส.ส.ต่างพรรค มากหน้าหลายตาเข้าร่วมทีม ชนิดที่ว่า “ไม่เกรงใจใคร”
เรื่องที่ 1,666 มองกันว่า เวลานี้ไม่มีพรรคการเมืองใด พร้อมเลือกตั้งเท่าพรรคภูมิใจไทยอีกแล้ว เพราะภูมิใจไทยนั้น มีความพร้อมทั้งตัวบุคคลและงบประมาณ จะเรียก “พร้อมทั้งทุนและกระสุน” ก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทย จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากขั้วอำนาจไม่เปลี่ยน แม้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ตาม
แต่พรรคภูมิใจไทย จะมีอำนาจต่อรองสูงกว่าพรรคการเมืองอื่นในบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน
และหากพรรคภูมิใจไทย สนับสนุน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต่อหลังการเลือกตั้ง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็มีสิทธิ เป็นนายกฯต่อหลังจากนั้น
เพราะอย่าลืมว่า “บิ๊กตู่” เหลือเวลาอีก 2 ปี และอีก 2 ปีหลัง “บิ๊กตู่” หมดอำนาจ จะเป็นเวลาเดียวกับที่ ส.ว.หมดอำนาจด้วยเช่นกัน
ดังนั้น หากไม่อยากเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ชื่อของ “อนุทิน” จะถูกเสนอขึ้นมาในการโหวตนายกฯต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์
ซึ่งจะมีพลังกว่าที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อ พล.อประวิตร วงษ์สุวรรณ เพราะพรรคภูมิใจไทย จะมี ส.ส.เยอะกว่า
เรื่องที่ 1,667 บางครั้งก็อยากบอกว่าภาคเอกชนเองก็เยอะเกินไปเหมือนกัน เข้าใจว่าพยายามเรียกร้องผลประโยชน์ให้กับตนเอง และก็คงจะส่งผลดีมายังภาคประชาชนด้วย ล่าสุดกับประเด็นเรื่องของค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.66 ซึ่งครั้งแรกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ได้ประกาศออกมาว่าจะภาคธุรกิจจะต้องจ่ายอยู่ที่ประมาณ 5.69 บาทต่อหน่วย โดยที่ภาคเอกชนเองก็เรียกร้องกลับทันที เพื่อขอให้ปรับลงแถมขู่ว่าต้องขึ้นราคาสินค้าประมาณ 5-12% เนื่องจากมีต้นทุนเพิ้่มขึ้น
แต่เมื่อไม่นานมานี้ กกพ. เองก็ประกาศใหม่แล้วว่าพร้อมที่จะพิจารณาปรับลดราคาลง รอเพียงทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิต หรือกฟผ. และทางบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กลับไปเปลี่ยนแปลงตัวเลขการทบทวนแผนบริหารหนี้ กฟผ. และการคำนวณประมาณการราคาก๊าซธรรมชาติของผู้ผลิตไฟจากภาคเอกชนใหม่ ซึ่งก็คือการส่งสัญญาณให้เห็นชัดอยู่แล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกพี่ท่านเอกชนจะยังไม่พอใจ จนถึงขั้นที่ต้องมีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.และต้องการยื่นหนังสือถึง “ลุงตู่” เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ปรับลดค่าไฟ
นอกจากนี้ยังไม่พอ วันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) ภาคเอกชนยังเตรียมจัดแถลงใหญ่อีกเกี่ยวกับผลกระทบจากการขึ้นค่าไฟ และข้อเสนอจากภาคอุตสาหกรรม การค้า และบริการ การเงิน เพื่อตอกย้ำเข้าไปอีก ไม่ได้เข้าข้างหรือเอาใจช่วยรัฐบาลนะ แต่บางทีก็เอาแต่พองาม เพราะเวลานี้ภาครัฐเองก็รับรู้ถึงข้อเรียกร้องของพวกท่านแล้วนะขอรับเจ้านาย รออีกสักระยะถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก็ค่อยเรียกร้องก็ยังได้มั๊งขอรับ
เรื่องที่ 1,668 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว “บริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด” นอนแบงก์ น้องใหม่ภายใต้ความร่วมมือ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วยธนาคารออมสิน บริษัท ทิพย เอกซ์โพเนนเชียล และกลุ่มบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) คนยื่นยิ้มตลอดทั้งงาน หาใช่ใครที่ไหน “พี่ท๊อป-อิสระ วงศ์รุ่ง” ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้การต้อนรับสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ ทีวี และสื่อออน์ไลน์มากกว่า 100 ชีวิต พร้อมชี้แจงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าท้องตลาด
โดยบริษัทมีที่ มีเงิน จะรับจำนองที่ดิน และขายฝาก รีไฟแนนซ์ ให้กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา วงเงินกู้ 300,000 บาท ถึง 10 ล้านบาท และนิติบุคคล วงเงินกู้ตั้งแต่ 300,000 บาท จนถึง 50 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินที่ดินราชการ คิดอัตราดอกเบี้ย ปีแรก 6.99-8.99% ต่อปี ปีที่ 2 เป็นต้นไป MLR+สูงสุดไม่เกิน 2.85% ต่อปี (ปัจจุบัน MLR = 6.150% ต่อปี) ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 5 ปี แบบลดต้นลดดอก พร้อมปลอดชำระเงินต้นนาน 1 ปี ที่สำคัญคือ ไม่เช็คเครดิตบูโร ไม่ตรวจสอบรายได้ และไม่ต้องใช้บุคคลค้ำประกัน โดยในปีหน้า คาดว่าจะมียอดปล่อยสินเชื่อ 10,000 ล้านบาท สามารถช่วยเหลือประชาชนรายย่อยและผู้ประกอบการได้ประมาณ 4,000–5,000 ราย ในระยะเริ่มแรก จะดำเนินการนำร่องใน 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ และให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่ม.ค.2566 พร้อมกับมีแผนขยายบริการไปตามหัวเมืองใหญ่ทุกภูมิภาค ในต้นปี 2566 และทั่วประเทศตั้งแต่กลางปี 2566 เป็นต้นไป โดยมีสาขาของธนาคารออมสินเป็นหลักในการให้บริการ