ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 18-19 พ.ย.2565
จับตาการเมืองไทยหลังการประชุมเอเปค ข่าวว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่นำโดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค จะเทียบเชิญ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้มาร่วมงานกับพรรค เตรียมความพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
เรื่องที่ 1,574 หากมีการเทียบเชิญจริง เข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะยังไม่ตอบรับทันที แต่จะยื้อเวลาไว้จนกว่าจะใกล้วันเลือกตั้ง จึงจะตอบรับเข้าร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นระหว่างรอ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับนั่นก็คือขุนพลของพรรคพลังประชารัฐ จะไหลเข้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ จะกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีพลังน้อยลงทันที
นั่นหมายความว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคพลังประชารัฐ ต้องเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แข่งกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ
เรื่องที่ 1,575 ไม่รู้ว่าเป็นนโยบายอีกหรือไม่สำหรับการนำเสนอข่าวของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะเพรสข่าวที่ส่งมายังสื่อมวลชนในระยะหลังนั้น การพาดหัวมักจะเอาชื่อของแหล่งข่าวที่ละที่มาขึ้นนำในการพาดหัว ไม่ได้ใช้ชื่อองค์กรมาเป็นพาดหัวนำ ตอนแรกก็เห็นแค่บางหน่วยงานในสังกัดที่ทำ แต่ระยะหลังลุกลามไปยังต้นสังกัดอย่างกระทรวงอุตฯด้วย อย่างกรณีเพรสข่าวล่าสุดที่พาดหัวนำมาเลยว่า “ปลัดอุตฯ ณัฐพล ลงดาบบริษัท แวกซ์ กาเบ็จ เซ็นเตอร์ จำกัด”
และความจริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ เพราะเพื่อนสื่อมวลชนด้วยกันยืนยันเลยว่าเป็นแบบนี้มาแล้วสักพักหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าต้องการแสดงผลงานอวดกันเองในกระทรวงฯ หรือต้องการผลักดันชื่อตัวเองให้ได้รู้ว่าทำงานอยู่ ทั้งที่ก็รู้ว่าสุดท้ายแล้วสื่อมวลชนส่วนใหญ่เวลานำเสนอก็จะไม่พาดหัวด้วยชื่อของท่านแน่นอน ยกเว้นว่าสวมหมวก รมว. อุตสาหกรรมอยู่ ก็ยังมีน้ำหนักพอให้ใช้พาดหัวได้ ที่บอกก็ไม่ได้ตำหนิติเตียนอะไรมากนัก เพียงแค่อยากจะบอกเอาไว้ว่าการพยายามมีชื่อบนพาดหัวข่าว ไม่ได้แปลว่าเป็นคนขยันทำงานนะขอรับเจ้านาย
อ่อ แต่นี่ก็ยังดีนะที่ยังไม่ลืมนโยบายประจำกระทรวงฯ ที่ต้องมีชื่อท่าน รมว. ติดอยู่ในข่าวด้วยทุกครั้ง เรื่องแบบนี้นี่ขยันขันแข็งกันสุดๆ
โดยนพวัชร์