ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 30-31 ต.ค.2565
ขอแสดความเสียใจอย่างที่สุด กรณีประชาชนและนักท่องเสียชีวิตจากงานวัน Halloween อิแทวอน ล่าสุดมีเสียชีวิตแล้ว มากกว่า 150 คน และยังการดูแลของแพทย์อีกจำนวนหนึ่ง
เรื่องที่ 1,518 กำหนดกลุ่มคนต่างด้าวที่มีศักยภาพสูง 4 ประเภท ที่สามารถได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ได้แก่
1. กลุ่มประชากรโลกผู้มีความมั่งคั่งสูง
2. กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
3. กลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
4. กลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ
4 กลุ่มดังกล่าว สามารถถือครองที่ดินได้ ไม่เกิน 1 ไร่ เมื่อมาลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท โดยต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 3 ปี
นั่นทำให้รัฐบาลต้องเจอกับข้อหา “ขายชาติ” ในทันที และต้องยอมรับว่าเรื่องดังกล่าวนี้มีความอ่อนไหวต่อคนไทยอย่างมาก เพราะต้องอย่าลืมว่า คนไทยรายได้น้อย ที่ดินไทยราคาถูกเมื่อเทียบกับหลายประเทศ ด้วยเหตุนี้ จึงเท่ากับการเปิดช่องให้ต่างชาติ สามารถถือครองที่ดินได้โดยง่าย
และเรื่องนี้ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้ง มติ ครม.ดังกล่าว ยิ่งบั่นทอนความนิยมในตัว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาล เพราะข้อกล่าวหา “ขายชาติ” นั้น ถือว่ารุนแรงกว่าข้อกล่าวหาไหนๆเสียอีก
เรื่องที่ 1,519 ไม่รู้ว่าจะต้องเอ่ยคำใดให้กับ “พี่กบ กุลิศ สมบัติศิริ” ปลัดกระทรวงพลังงานดี ในเมื่อท่านปลัดไปพูดบนเวทีเสวนาฝ่าวิกฤตพลังงานโลกทางรอดพลังงานไทย ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ เกี่ยวกับการพยายามจะตรึงราคาค่าไฟให้อยู่ที่ 4.72 บาทต่อหน่วยไปจนถึงไตรมาส 2 ของปี 66 หรือสิ้นเดือน เม.ย. แล้วผู้สื่อข่าวหลายสำนักก็นำไปลงข่าวให้สาธารณะชนได้รับรู้ โดยที่การพาดหัวข่าวก็เป็นไปตามสไตล์ของการพาดหัวของสื่อมวลชนแต่ละสำนักอยู่แล้ว
แน่นอนว่าพาดหัวข่าวที่ปรากฎก็คือ “พลังงานจ่อตรึงค่าไฟ 4.72 บาทต่อหน่วยถึงสิ่้นไตรมาส 2/66” ซึ่งเมื่อไปเจอ “ปลัดพี่กบ” ที่งานของ ปตท.สผ. ท่านถึงกับบ่นว่าตนเองไม่ได้พูดไปแบบนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่อยากบอกกับท่านปลัดก็คือ สิ่งที่ท่านพูดกับสิ่งที่ผู้สื่อข่าวนำไปพาดหัวนั้น ไม่ได้ผิดความหมายแต่อย่างใด เพราะในเนื้อข่าวทุกสำนักก็บอกอย่างชัดเจนนตามที่ท่านปลัดสื่อสารออกมาบนเวทีนั่นแหละ เพียงแค่พาดหัวก็ต้องเป็นไปในทิศทางแบบนั้น
ที่สำคัญท่านปลัดเองก็อยู่ในแวดวงที่ต้องเจอะเจอกับผู้สื่อข่าวมานมนาน ท่านเองก็น่าจะเข้าใจได้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ปรากฎออกมานั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ ท่านไม่น่าบ่นออกมาเลยนะครับผม
เรื่องที่ 1,520 วันนี้ (30 ต.ค.) วันสุดท้ายของการสอบสัมภาษณ์ข้าราชการกุศลกากรจำนวนมากกว่า 2 พันคน ล่าสุดเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว ส่วนคนที่ได้ยังไม่รู้ว่า “เป็นใคร” และ “ใครเป็นใคร” แต่ที่แน่ๆ คนที่มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ ต้องสอบภาคก. ของกพ.ผ่านเสียก่อน
และอีกประเด็นคือ ต้องสอบข้อเขียนของศุลกากรให้ผ่านอีกครับ
ยากไม่ยาก งานนี้ คนนับหมื่น หรือหลายหมื่นคน สอบผ่านข้อเขียนกรมศุลฯ เพียง 2 พันคน วงเวียนทั้งภายในและภายนอก วิ่งวุ่นหาเส้นสายยกใหญ่
ล่าสุด ในจำนวนนี้ มีลูกหลานคนกรมศุลฯ และลูกผู้ใหญ่มาก ถึงใหญ่น้อย ตรวจนามสกุลแล้ว รู้จักนามกว่า 150 คน ยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว น้องๆ 150 คน จะได้เป็นข้าราชการกรมศุลกากรหรือไม่ ลุ้นกันต่อไป
โดยนพวัชร์