ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 16-17 ต.ค.2565
พรคคก้าวไกล เปิดนโยบาย “การเมืองไทยก้าวหน้า” ครอบคลุมการพัฒนาประชาธิปไตยในมิติต่างๆ (กองทัพ – ศาล – คนเท่ากัน – รัฐธรรมนูญ) ประกอบด้วย
เรื่องที่ 1,471 “ทหารของประชาชน”
1. นายพลเกษียณไม่เกิน 7 ปี ห้ามเป็นรัฐมนตรี
2. ยุบ กอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึกชายแดนใต้
3. ลดขนาดกองทัพ ลดนายพล ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
4. เพิ่มสวัสดิการทหารชั้นผู้น้อย ตัดสิทธิพิเศษนายพล
5. คืนที่ดินกองทัพให้ประชาชน คืนธุรกิจกองทัพให้รัฐบาล
“คืนศักดิ์ศรีให้กับประชาชน”
6. เห็นต่างไม่ติดคุก แก้กฎหมาย 112 116 พ.ร.บ.คอม
7. ศาลโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นของประชาชน
8. ลงนาม ICC ศาลอาญาระหว่างประเทศ
9. นิรโทษกรรมคดีการเมือง
“คนเท่ากัน”
10. รับรองทุกเพศสภาพ คำนำหน้าตามสมัครใจ
11. ตำรวจหญิงทุกสถานี
12. สิทธิลาคลอด 180 วัน พ่อแม่แบ่งกันได้
13. พระเลือกตั้งได้
14. รัฐต้องจ้างงานคนพิการ 20,000 คน
“รัฐธรรมนูญใหม่ ปลดล็อกประเทศไทย”
15. รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
16. เลือกตั้งได้ตามที่อยู่จริง
เรื่องที่ 1,472 ต้องขอแสดงความยินดีกับ “อ.หน่อง วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย ให้สมกับที่ท่านวิ่งรอกไปทุกนิคมอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงน้ำจะท่วม ล่าสุดเห็นว่า 3 นิคมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า น่าจะรอดพ้นจากสถานการณ์น้ำท่วมไปได้แล้ว หลังจากที่ อ.หน่องได้ไปเข้าร่วมประชุม และได้รับรายงานสถานการณ์ปัจจุบัน
พร้อมทั้งความพร้อมในการรับมือสถานการณ์น้ำของแต่ละนิคมอุตสาหกรรม อาทิ ระบบป้องกันน้ำท่วม เช่น คันป้องกันน้ำท่วม ระบบสูบน้ำ และพื้นที่รองรับน้ำภายในนิคมอุตสาหกรรมที่มั่นคงเพียงพอ ที่สำคัญปัจจุบันระดับน้ำตามจุดเฝ้าระวังต่างๆ เมื่อเทียบกับคันป้องกันน้ำท่วมของแต่ละนิคมอุตสาหกรรมแล้ว ยังอยู่ในระดับที่ห่างพอสมควร ถือว่าปลอดภัย โดยมวลน้ำยังอยู่ภายนอกแนวคันป้องกันชั้นนอก (ถนนทางหลวง) ยังไม่ข้ามเข้ามายังคันป้องกันน้ำท่วมของพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิตติ์ เขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนป่าสัก เองก็เริ่มลดการระบายน้ำลงแบบเป็นขั้นบันได ทำให้ระดับน้ำเริ่มทรงตัวและลดลงตามลำดับด้วย อ.หน่องคงหายเหนื่อยไปได้บ้าง คนทำงานหนักก็มักจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีตามมานะครับผม
เรื่องที่ 1,473 กระทรวงการคลัง ช่วงนี้ หลังจากผ่านพ้นการโยกย้ายและแต่งตั้งผู้บริการระดับสูงไปแล้ว อาจจะดูเงียบไปเล็กน้อย เพราะตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้บริหารหลายท่านติดภารกิจต้องไปประชุมต่างประเทศ เช่น ขุนคลัง “อาคม เติมพิทนาไพสิฐ” ได้เข้าร่วมการประชุมผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (Plenary Session) โดยมีผู้ว่า ธปท.และผอ.สศค.เข้าร่วมเวทีในครั้งนี้ด้วย ส่วนประเด็นข่าวมีมากมายหลายเรื่อง เปิดอ่านที่ www.aec10news.com ก็แล้วกัน มีครบทุกอย่าง
แต่เนื้อหาในบก.ชวนคุยนั้น ขอเพิ่มชายหนุ่ม 3 คน แบบ exclusive แบบหล่อๆ ประกอบด้วย ขุนคลัง “อาคม” “โป๊ะ-พรชัย ฐีระเวช” ผอ.สศค.และ “นายรัก-รักษ์ วรกิจโภคาทร”เอ็มดีเอ็กซิมแบงก์ คนดีนี้ เค้าบอกว่า เก่งและดี กำลังทำคะแนนเพิ่มขึ้นในใจหลายคน ยิ่งในกระทรวงการคลังแล้ว ทุกคนบอกว่า “รักษ์…โอเคครับ”
ส่วนเอ็มดีแบงก์รัฐคนไหน ไม่ดี หรือไม่ถูกใจ ตอนนี้ ยังไม่มีครับ เพราะทุกอย่างยังอยู่ที่เดิมเหมือนกันหมด จึงเหลือวาระที่ต้องนั่งทำงานกันต่อไปอีกปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปี เกือบทุกแบงก์ ไม่เชื่อนับกันเอาเอง หรือถามเอ็มดีเอสเอ็มอีแบงก์ ชื่อไรนะ!! “แป๋ว-นารถนารี รัฐปัตย์” คนนี้น่าสนใจ เกิดปี14 อายุ 51 จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ “เต๋-วิทัย รัตนากร ผอ.ออมสิน ” “นายรักษ์ เอ็มดี เอ็กซิมแบงก์” “ฉัตรชัย ศิริไล เอ็มดี ธอส.” คนรุ่นใหม่ของกระทรวงการคลัง
แต่หากจะไม่ให้พลาดต้องนับรวมคนชื่อ “ออฟ-นิตินัย ศิริสมรรถการ” เอ็มดี ทอท.เข้ามาทำงานพร้อมกับ “อธิบดีเอก-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพสามิต เมื่อ20ปีก่อน ตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิด มีดร.หนุ่มจบจากเมืองนอกเข้ามาทำงานที่คลัง พร้อมกัน 4 คน หนึ่งในนั้น มี “ออฟ” ด้วย ที่น่าสนใจคือ นั่งทำงานที่ ทอท.มา 2 สมัยแล้ว จะไปต่อหรือหยุดแค่นี้ ทั้งๆ ที่อายุน้อย เกิดปี13 ยังเหลือเวลาทำงานให้รัฐอีกนานหลายปี แถมแรงหนุนในกระทรวงการคลังก็ยังมีอีกด้วย เขียนยาวล่วงหน้าเป็นปีแบบนี้ อย่าโกรธเกลียดกัน แต่หากถ้าเป็นเรื่องจริง ศึกในกระทรวงคลังก็ระอุ ศึกนอกกระทรวงเดือดยิ่งกว่าหลาย เท่าตัว
เรื่องที่ 1,474 ตั้งแต่นั่งเป็นประธานกรรมการสำนักงานสลากฯ คนก็รู้จัก “อธิบดีบัด-ลวรณ แสงสนิท” ทั่วประเทศ ดังยิ่งกว่าพระเอกในละครเสียอีก แต่ “อธิบดีบัด” กลับไม่ปลื้มเพราะความดังของอธิบดี มาพร้อมกับการประท้วงของคนพิการที่เดินขายสลาก และคนที่จองซื้อสลากผ่านตู้เอทีเอ็ม ไม่ได้ ขณะที่ทีมพีอาร์ของสำนักงานสลากฯ เดินงง มึน!! ชี้แจงข่าวคนละเรื่องเดียวกัน อธิบดีถึงกับบ่น พีอาร์ไม่เข้าใจ เพราะของจริง คนที่เดือดร้อนจากกรณีจองซื้อผ่านตู้เอทีเอ็มมีน้อยมาก
สลากที่พิมพ์ในปัจจุบัน 100 ล้านฉบับนั้น ขายผ่านแอบฯ เป๋าตัง ถึง 80% ส่วนที่เหลือ 20% แบ่งเป็นขายผ่านอินเตอร์เน็ตแบงก์กิ้งธนาคารกรุงไทย 10% และอีก 10% ขายผ่านตู้เอทีเอ็ม “ดราม่า” คือคนที่ยืนซื้อผ่านตู้เอทีเอ็ม มีเพียงหยิบมือเดียว ที่ออกมาโวยวาย เพราะไม่ได้สลาก แต่ที่ไม่เป็นข่าวและไม่ได้เดือดร้อนเลยมีถึง 90%
ถ้าทำงานกันแบบนี้ เห็นที่ต้องไปพร้อมกันหมดทั้งประธานบอร์ด บอร์ดและเอ็มดี
ส่วนทีมพีอาร์ (ประชาสัมพันธ์) ยังอยู่เหมือนเดิม 555!! (อธิบดีบัด) บ่น
โดยนพวัชน์