ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 29-30 ส.ค.2565
สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ส.ค.65 ลุ้น นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เสนอมาตรการลดค่าครองชีพประชาชนด้านพลังงาน ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบแล้วตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา
เรื่องที่ 1,360 โดยมาตรการที่จะเสนอ ครม.ประกอบด้วย
ขยายระยะเวลาโครงการยกระดับความช่วยเหลือส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อีกประมาณ 3 เดือน โดยจะเริ่มประมาณกลางเดือน ต.ค. ถึง ธ.ค. 2565
มาตรการดังกล่าวเป็นการช่วยเหลือ ลดค่าซื้อก๊าซหุงต้มแก่ผู้มีรายได้น้อย ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จาก 45 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นอีก 55 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน เป็น 100 บาทต่อคน โดยมาตรการเดิมจะมีกำหนดสิ้นสุดลงวันที่ 30 ก.ย.65
ช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชน ดังนี้
1.บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้าจำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย เป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ย. – ธ.ค. 2565
2.กลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 301-500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐานเช่นกัน ให้ส่วนลดจากการเพิ่มขึ้นของค่า Ft เดือน ก.ย. 2565 – ธ.ค. 2565 แบบขั้นบันได ในอัตราร้อยละ 15 -75
เรื่องที่ 1,361 ได้มีโอกาสเหินฟ้าข้ามประเทศไปดูงานกับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 22-28 ส.ค. 65 ที่ผ่านมา ทำให้ได้รับรู้เรื่องราวของแผนธุรกิจใหม่ที่น่าสนใจของ ปตท. ที่จะฉีกแนวออกไปจากธุรกิจพลังงานเพิ่มมากขึ้น ภายใต้วิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond “ขับเคลื่อนทุกชีวิต ด้วยพลังอนาคต” ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนทุกชีวิต ผู้คน ชุมชน สังคม ส่งเสริมเศรษฐกิจไทยให้มั่นคงมากยิ่งขึ้นด้วยพลังงานอนาคต และธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรม
เนื่องจาก ปตท. โดย “พี่โด่ง อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ มองว่า เชื้อเพลิงในรูปแบบเดิมกำลังจะเปลี่ยนแปลง โดยประเมินว่า ถ่านหิน หมดยุคไปตั้งแต่ปี 2558 แล้ว แต่การนำกลับมาใช้ในยุโรปขณะนี้เป็นกรณีชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่น้ำมันจะสูงสุดในปี 2575 หรือประมาณ 10 ปีข้างหน้า และจะทยอยลดการใช้ลง ส่วนก๊าซธรรมชาติจะเป็นเชื้อเพลิงในยุคเปลี่ยนผ่าน เพราะเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดที่สุด และคาดว่าจะยังมีการใช้ต่อเนื่องไปจนถึง 2583 แต่ในที่สุด โลกจะเปลี่ยนไปสู่พลังงานทดแทน พลังงานสะอาด ภายใต้หลัก Go Green และ Go electric
สำหรับ Future Energy and Beyond ของปตท.จะประกอบด้วย 6 ด้าน ได้แก่ การไปสู่พลังงานอนาคต พลังงานสะอาด เห็นได้จากการเดินหน้าไปสู่รถยนต์ไฟฟฟ้า รวมทั้งการใช้พลังงานทดแทนในภาคอุตสาหกรรมและครัวเรือน ส่วนอีก 5 ด้านจะเป็นธุรกิจใหม่ที่ใช้นวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล และการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของคนไทย และคนทั่วโลก รวมทั้งการสนับสนุนการเกิดของ S-curve 12 อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศไทย
ส่วนการตั้งเป้าเพิ่มการลงทุนธุรกิจใหม่ในส่วนวัตกรรม เทคโนโลยีดิจิทัล ในส่วนนี้ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าลงทุนประมาณ 30% ของเงินลงทุนที่ได้ตั้งไว้ ในแผน 5 ปี (ปี 65-69) ของ ปตท. 146,000 ล้านบาท หรือเบื้องต้นประมาณ 50,000 ล้านบาท และตั้งเป้าในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือปี 75 จะมีรายได้จากส่วนของธุรกิจใหม่นี้ 30% ของผลประกอบการทั้งหมด เรียกว่าเป้าหมายใหญ่อลังการไม่เบาเลยครับผม
โดยนพวัชร์