ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 ส.ค.2565
ล้ำไปอีก ไทย สมายล์ บัส รีแบรนด์รถเมล์สาย 8 จากรถซึ่งใช้พลังงานที่ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาเป็นรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า หรือ พลังงานสะอาด (EV) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาฝุ่น pm 2.5 ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
เรื่องที่ 1,334 รถเมล์ EV นี้ จะเริ่มให้บริการ จำนวน 40 คัน ในวันที่ 20 ส.ค. นี้ ในเส้นทางสาย 2-38
อัตราค่าบริการเริ่มจากระยะทาง 0-4 กม. ราคา 15 บาท
ระยะทาง 4-16 กม. ราคา 20 บาท
ระยะทาง 16 กม.ขึ้นไป ราคา 25 บาท
หมดกังวลกับการนั่งรถเมล์แล้วโทรศัพท์แบตหมด เพราะรถเมล์สุดล้ำนี้ อำนวยความสะดวกสบาย ให้กับผู้โดยสาร ด้วยช่องเสียบ USB Charger ให้ผู้โดยสารสามารถชาร์จแบตได้ระหว่างการเดินทาง โดยไม่ต้องกังวลว่าแบตโทรศัพท์จะหมด เพียงแค่มีสายชาร์จ
เรียกว่า เป็นการรีแบรนด์ครั้งใหญ่กันเลยทีเดียว
เรื่องที่ 1,335 เข้ามาทุกทีสำหรับค่าไฟรอบบิลใหม่ ก.ย.-ธ.ค. ที่สรุปแล้วว่าพี่น้องชาวไทยจะต้องจ่ายเพิ่มเป็น 4.72 บาทต่อหน่วยตามการขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที (FT) ของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่ไม่สนใจคำทักท้วงของรัฐบาลประกาศออกมาชัดเจนเรียบร้อย บก.ชวนคุยลองไปควานหาความช่วยเหลือจากรัฐบาล ก็ได้ความว่า “ท่านรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” ก็บอกได้แค่เพียงว่า ขณะนี้ได้สั่งสำนักงาน กกพ. เร่งออกมาตรการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้ารอบใหม่ โดยเฉพาะการดูแลกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง ที่รัฐบาลเคยได้ดูแลอยู่แล้วก่อนหน้านี้ คือการช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะสิ้นสุดมาตรการในเดือนส.ค. 2565
โดยมาตรการเบื้องต้นที่จะออกมานั้น รัฐบาลเตรียมพิจารณาต่ออายุการช่วยเหลือให้คนกลุ่มนี้ แต่ตอนนี้ขอพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือก่อน ทั้งกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน และกลุ่มใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วยต่อเดือน แต่ไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะมีแนวทางในการช่วยเหลือออกมาเฉพาะกลุ่ม โดยต้องการให้มีผลบังคับใช้ให้ทันในช่วงการปรับขึ้นค่าไฟรอบเดือนก.ย. – ธ.ค. 2565 ส่วนงบประมาณที่ใช้ จะเสนอของบกลางมาดำเนินการ
ส่วนระยะเวลาการดำเนินมาตรการช่วยเหลือครั้งนี้นั้น “รองพงษ์” ยอมรับว่า อาจช่วยเหลือยาวไปถึงสิ้นปี 2565 ให้สอดคล้องกับรอบการปรับขึ้นค่าไฟรอบเดือนก.ย. – ธ.ค. 2565 นี้ เพื่อเป็นการประคับประคองให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ แถมยังทิ้งท้ายด้วยว่า ทุกรัฐบาลในโลกนี้ก็หนักใจในเรื่องของการบริหารนโยบายด้านพลังงานกันหมด และต้องดูแลคนที่เดือดร้อนในช่วงนี้ ซึ่งรัฐบาลจะดูแลอย่างเต็มที่ ยังไงก็ขออย่าให้เป็นเพียงคำพูดผ่านๆ เหมือนเรื่องค่ากลั่นน้ำมันที่ปัจจุบันยังไม่เห็นวี่แววความคืบหน้าเลยละกันนะครับเจ้านาย เพราะความเดือดร้อนของประชาชนนับวันยิ่งทวีคูณ
เรื่องที่ 1,336 เช้าวันนี้ ท้องฟ้ายังไม่ทันสว่างเต็มที่ ทั้งเสียงโทรศัพท์ และไลน์ ก็ส่งกระหน่ำกันทั้งประเทศไทย หลังจากแอปฯ เป๋าตังของธนาคารกรุงไทย ธนาคารในสังกัดของกระทรวงการคลังเปิดรับลงทะเบียนโครงการคนละเฟส5 ตั้งแต่เช้า 06.00 น.ล่มไม่เป็นท่า ทำเอาหัวใจคนที่อยากลงทะเบียนรับสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ 2 เดือน (ก.ย.-ต.ค.) รับเงิน 800 บาทจำนวนกว่าล้านคนหัวเสียไปตามๆ กัน แถมยังลามไปถึงคนคอหวยจะซื้อสลากดิจิทัลของสำนักงานสลากฯ ก็ไม่ได้ และจะจ่ายเงินเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันรวมถึงค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนทุกอย่างจะปิดเงียบ ไม่มีเสียงตอบใดๆ ทั้งจากธนาคารกรุงไทย เจ้าของแอปฯ ผูกขาดกิจการและงานของรัฐทั้งหมด ขณะที่ กระทรวงการคลังปล่อยเวลาล่วงเลยเกือบ 17.00 น.เพิ่งจะได้ยินเสียงตอบรับจาก “โป๊ะ-พรชัย ฐีระเวช” ผู้อำนวย สศค.ออกข่าวชี้แจงระบุว่า เป๋าตังล่มแค่ถึงเวลา 11.00 น.เพียงครึ่งวัน จากนั้นทุกอย่างก็เป็นปกติ ส่วนจะเป็นจริงตามที่กล่าวหรือไม่ ต้องถามสำนักงานสลากฯ ของ “อธิบดีบัด-ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกองสลากฯ ยังจะเก็บอาการดีอยู่หรือไม่ เพราะข่าวแอปฯ เป๋าตังล่ม สลากดิจิทัลก็ล่มไปด้วย ช่วงเช้าขายได้เพียง 9,000 กว่าฉบับเท่านั้นเอง ลดลงจากยอดขายวันแรก 5-6 ล้านฉบับ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์น่าจะตกไปหลายล้าน…%
คิดอย่างนี้แล้ว พวกเราคนไทย 26 ล้านคนจะเชื่อใจใช้แอปฯ เป๋าตัง และจะมั่นใจกับธนาคารกรุงไทยได้อย่างไร จะไม่ล่มเหมือนกับวันนี้อีก และจะมั่นใจกับเอ็มดีชื่อ “ผยง ศรีวณิช” ได้หรือไม่ ทุกคนในแอปฯ ยังคงรอคำตอบ!!
โดยนพวัชร์