ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 16-17 มิ.ย.2565
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดปรากฎการณ์ใหม่อีกครั้ง หลังจากกฎหมายที่เสนอโดยฝ่ายค้าน ได้ผ่านขั้นรับหลักการจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
เรื่องที่ 1,181 โดยกฎหมายดังกล่าว คือ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เสนอโดยพรรคก้าวไกล มีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ การจดทะเบียนคู่รักเพศเดียวกัน เป็นคู่สมรส ไม่ใช่คู่ชีวิตเหมือนอย่างร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี
เดิมทีก่อนลงมติ วิปรัฐบาล ได้แถลงต่อสื่อมวลชน ว่าจะไม่รับหลักการในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่จะสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ในลักษณะเดียวกันที่เสนอโดย ครม.และพรรคร่วมรัฐเท่านั้น
แต่แล้วเมื่อลงมติปรากฎว่า ที่ประชุมโหวตเห็นด้วย 212 เสียง ต่อ 180 เสียง เป็นอันว่าร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล ผ่านความเห็นชอบจากสภาในวาระแรก
ทั้งนี้ เมื่อไปดูการโหวตก็พบว่า ส.ส.ขั้วรัฐบาล ลงคะแนนให้กับร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกล จำนวนมาก อาทิ พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส. 6 คนโหวตให้ เช่น มาดามเดียร์ นางสาวทันยา บุนนาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นางสาวกุลวดี นพอมรบดี ส.ส.ราชบุรี ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี เป็นต้น
พรรคประชาธิปัตย์ โหวตให้ 13 เสียง อาทิ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา เป็นต้น
เช่นเดียวกับพรรคเศรษฐกิจไทย โหวตให้ 13 เสียง อาทิ นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร , นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ส่วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค แจ้งว่า ออกไปข้างนอกก่อน จึงไม่ได้ร่วมโหวต
นอกจากนี้ยังมีพรรคภูมิใจไทย โหวตให้อีก 2 เสียง ได้แก่ นายสุชาติ โชคชัยวัฒนากร ส.ส.มหาสารคาม และ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ
นี่นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ที่กฎหมายของฝ่ายค้าน ผ่านขั้นรับหลักการ หลังจาก พ.ร.บ.สุราก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล ได้ผ่านความเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว
เรื่องที่ 1,182 เวลานี้ต้องบอกว่าพวกเราทุกคนมีค่ากันเพิ่มมากขึ้นในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และล่าสุดกับค่าก๊าซหุงต้มครัวเรือน หรือแอลพีจี (LPG) ที่ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติให้ทยอยปรับราคาก๊าซหุงต้มขึ้นกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท ส่งผลให้ก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กก. ราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 378 บาท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2565 แต่ประเด็นสำคัญที่สะเทือนเงินในกระเป๋าเพิ่มเติมอีกก็คือจะทยอยปรับขึ้นอีก 15 บาทในเดือน ส.ค. ซึ่งจะทำให้ราคาขยับไปอยู่ที่ 393 บาทต่อถัง 15 กก. และขยับขึ้นเป็น 408 บาทต่อถัง 15 กก.ในเดือนก.ย. ก็ไม่รู้ว่าเงินในกระเป๋าของประชาชนจะเฟ้อไปจนถึงขนาดไหน บก.ชวนคุยก็เดาทิศทางไม่ออกแล้วเหมือนกันครับเวลานี้
อย่างไรก็ดี ล่าสุด พล.อ,ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกทะรวงกลาโหม ยังมีมาตรการให้คนไทยได้ดีใจกันบ้าง เมื่อการประชุมเร่งด่วนของทีมเศรษฐกิจเคาะมาตรการใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันคงค่าการตลาดอยู่ที่ 1.4 บาทต่อลิตร รวมทั้งขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมันในการขอให้นำส่งกำไรส่วนต่างที่เกิดจากการกลั่นน้ำมัน เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนก.ค. – ก.ย. 2565 โดยคาดว่าจะเก็บเงินเข้ากองทุนได้ประมาณเดือนละ 6,000 – 7,000 ล้านบาท
โดยแยกเป็นกลุ่มน้ำมันดีเซล จะนำเงินกำไรส่วนต่างที่เก็บได้ ประมาณเดือนละ 5,000 – 6,000 ล้านบาท จะขอความร่วมมือให้ส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับกองทุน ขณะที่กลุ่มน้ำมันเบนซิน จะนำเงินกำไรส่วนต่างที่เก็บได้ ประมาณเดือนละ 1,000 ล้านบาท มาลดราคาให้ผู้ใช้น้ำมันเบนซินในทันที โดยคาดว่าจะสามารถลดราคาน้ำมันดีเซลหน้าปั๊มได้ประมาณลิตรละ 1 บาท เห็นแบบนี้แล้วก็ยังพอมีเรื่องให้ได้ยิ้มกันบ้างสำหรับสถานการณ์ที่ทุกคนหน้าดำคร่ำเครียด ยังไงก็ต้องกล่าวขอบคุณดังๆที่ไม่มองผ่านปัญหาของประชาชนนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 1,183 ควันหลง หรือควันไฟไม่ทราบทันทีที่ประกาศออกรางวัลสลากกินแบ่ง งวดวันที่ 16 มิ.ย.เสร็จสิ้น ผลปรากฏว่า แอปฯ เป๋าตังที่ดีๆ อยู่กลับล่มอยู่นานสองนานต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชั่วโมงทุกอย่างจึงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำเอาคนคอหวยหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะสลากดิจิทัลไม่ใช่สลากใบๆ จะตรวจรางวัลช่วงเวลาไหนก็ได้ แต่เมื่อระบบมันล่มแล้ว จะเปิดแอปฯ ตรวจทานก็ไม่ได้ จึงต้องอดใจรอจนกว่า การเชื่อมต่อของแอปฯ จะกลับมาใหม่ ถือกฤษ์เปิดประเดิมงวดแรก แอปฯ เป๋าตังของธนาคารกรุงไทย ก็ระส่ำเสียแล้ว งวดต่อไป สลากดิจิทัลเปิดจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 17 มิ.ย.ตรวจรางวัล วันที่ 1 ก.ค.นี้ จำนวนเท่าเดิม 5 ล้านฉบับ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จนกว่าจะรายงานผลการออกสลากงวดแรกและงวด2 ให้บอร์ดรับทราบถึงข้อดีและข้อเสียในสิ้นเดือนนี้ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
เรื่อง 1,184 มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องกล่าวถึงคือ “ปลัดพี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ถูกนักข่าวแซวถาม หลังไม่ได้เจอกันนาน 3-4 เดือนก่อนเดือนเม.ย.ช่วงสงกรานต์ เพราะนักข่าวไม่ได้ทำข่าวท่านปลัดคลังนานมากๆ บรรยากาศแถลงข่าวของ กยศ. (เช้าวันที่ฝนตกหนักมาก 16 มิ.ย.) เรื่องการคิดอัตราดอกเบี้ย จึงสนุกเฮฮา!! ทักท้ายแบบหยอกๆ จึงขอให้ท่านปลัดรายงานตัวบอกชื่อและนามสกุลก่อนแถลงข่าว ดอกที่ 1 ยังไม่เลิก มาถึงดอกที่ 2 หลังแถลงข่าวเสร็จ ขอร้อง!! เชิงบังคับให้ท่านปลัดนั่งอยู่ต่อ ซักถามประเด็นเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการ และผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลอย่างไร สัมภาษณ์กันอยู่นานสุดท้ายจบลงด้วยดีแยกย้ายกันไปตามสไตล์ “โรงเรียนตู่”
โดยนพวัชร์