ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 14-15 มิ.ย.2565
กรณีความคดีบุกรุกที่ป่าอุทยานแห่งชาติของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี หมดอายุ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา สร้างความสงสัยในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยต่อประชาชนเป็นอย่างมาก
เรื่องที่ 1,175 สืบเนื่องจากกรณีนี้มีการยื่นร้องกล่าวหาให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ตรวจสอบตั้งแต่ก่อนปี 2551 แต่เรื่องกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด ว่ากันว่า ตำรวจนิ่งเฉย ป่าไม้ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และผู้ที่เกี่ยวข้องทำเป็นไม่สนใจใยดี
ในยุคสมัยที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามาครองอำนาจได้มีนโยบายทวงคืนพื้นที่ป่า ก็ได้หยิบยกกรณีนี้ขึ้นมาดำเนินการต่อ ในช่วงประมาณปี 2558 แต่แล้วทุกอย่างกลับเงียบหายไปอีกครั้ง เมื่อจะมีการเลือกตั้งช่วงปี 2562
กระทั่งล่าสุด ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายสุนทร วิลาวัลย์ , นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ บุตรสาวของสุนทร และพวก ฐานความผิดบุกรุกพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่จังหวัดปราจีนบุรี
แต่ที่น่าสังเกตคือเป็นการชี้มูลความผิดเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะหมดอายุความ
เรื่องที่ 1,176 ช่วงนี้คงต้องวนเวียนอยู่แถวกระทรวงย่านถนนวิภาวดีมากหน่อย เพราะมีประเด็นร้อนแรงที่ประชาชนต้องการคำตอบ และเฝ้าติดตาม กับเรื่องค่าการกลั่นน้ำมันที่สูงเกินจริง แม้ทางกระทรวงพลังงานจะออกมายอมรับว่าแพงเกิน แต่ไม่ถึงขนาดกับที่พรรคกล้านำเสนอข้อมูล แต่ประเด็นสำคัญคือไม่ใช่เรื่องของการออกมายอมรับ แต่คือการปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไรในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าขนาดนี้ ทั้งที่ข้อมูลจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงานก็มีเผยแพร่อยู่ตลอด
นอกจากนี้ตัวท่าน รมว. พลังงานอย่าง “พี่พงษ์ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” เองก็เป็นลูกหม้อของ บมจ. ปตท. จำกัด อย่างที่ “กรณ์ จาติกวณิช” หัวหน้าพรรคกล้าบอกจริง แล้วตัวท่านจะไม่รู้ข้อมูลตรงนี้เลยเชียวหรือ ยิ่งท่านมาบอกว่ารู้อยู่แล้วก่อนที่พรรคกล้าจะออกมาแฉ และกำลังศึกษา หาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าวอยู่ ยิ่งทำให้แปลกใจว่าถ้าเห็นปัญหาอยู่แล้วทำไมไม่เร่งแก้ไข จะมาใส่เกียร์ห้าทำไมในตอนนี้ หรือหากจะบอกว่าเป็นคนที่ทำมากกว่าพูด ก็ดูจะช้าเกินไปแล้วล่ะขอรับ สงสัยฉายาของท่านปีนี้ก็คงจะใกล้เคียงปีที่ท่านได้รับมาแต่ตัดเหลือแค่เพียง “มหาเฉื่อย” ซะละมั๊งเจ้านาย
ที่สุดของที่สุดต้องประเด็นนี้ เรื่องที่ 1,177 เมื่อ “นายรักษ์ วรกิจโภคาทร” เอ็มดี เอ็กซิมแบงก์ ก่อนมานั่งในตำแหน่งนี้ เคยนั่งเอ็มดี บสย.มาก่อน พร้อมระบุว่า ในยุคข้าวของแพง อัตราดอกเบี้ยแพง หากใครทำธุรกิจแล้ว เจ๊ง!! ต้องฝืนทน ฟันฝ่าต่อไป หากขึ้นเป็นปีที่ 2 ก็ยังขาดทุนอีก “นายรักษ์” กล่าวว่า ผู้ประกอบการต้องรู้จักตัวเอง หากทำธุรกิจ 3 ปี แล้วยังเจ๊งขาดทุนต่อเนื่อง ขอให้เลิกทำกิจการดีที่สุด แล้วหันไปทำธุรกิจใหม่ที่เหมาะสมและดีที่สุดกับตนเองต่อไป เพราะตอนออกแบบเงินค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีให้แก่ บสย.นั้น พิเศษสุดๆ ตรงไม่คิดอัตราดอกเบี้ย 1.75% ในช่วง 3 ปีแรกนี้แหละ
ดังนั้น ลูกหนี้ที่กู้เงินกับธนาคารพาณิชย์แล้วให้ บสย.ค้ำประกัน ต้องทำธุรกิจให้รอดภายในระยะเวลา 3 ปี หากขยับขึ้นสู่ปีที่ 4 อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคาร 6-7% ต่อปี เมื่อบวกกับ บสย.อีก 1.75% อัตราดอกเบี้ยรวมกันเกือบ 10% แล้ว หากไม่รอดช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำอย่างหวังเลยจะรอดช่วงอัตราดอกเบี้ยแพง… จบกัน!!
เรื่องที่ 1,178 “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง ช่วงนี้ ฟิตสุดๆ นอกจากนั่งตำแหน่ง รมว.คลัง แล้ว ยันขอนั่งทำงานตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 2566 อีกด้วย จากเดิมตำแหน่งนี้ รมว.คลัง มักจะมอบหมายให้ฝ่ายการเมือง รมช.คลัง เป็นประธานฯ แทบทุกครั้งไป ล่าสุดยืนยันเหมือนเดิม ถ้าหากว่าง ผมเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง แต่ถ้าไม่ว่าง งานนี้ถึงมือ รมช.คลัง “สันติ พร้อมพัฒน์” อย่างแน่นอน
โดยนพวัชร์