ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 19-20 พ.ค.2565
“ได้รับคำชื่นชมอย่างมาก หลัง “วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา” พิธีกรชื่อดัง ปล่อยคลิป “กินไปแชร์ไป #โต๊ะแชร์ผู้ว่า คุยตั้งแต่พริกน้ำปลา ฟุตบอล ยันมูเตลู”
เรื่องที่ 1,113 โดยเป็นการเชิญผู้สมัครผู้ว่าฯ 5 คน มาร่วมโต๊ะอาหารย่านประชาชื่น ประกอบด้วย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ , วิโรจน์ ลักขณาอดิศร , อัศวิน ขวัญเมือง , ศิธา ทิวารี และสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์
บรรยากาศเป็นไปแบบสบายๆ เน้นการพูดคุยถึงไลฟ์สไตล์ของผู้สมัครแต่ละคน เนื้อหาสร้างสรรค์ ไม่มีขยี้ดราม่า ไม่มีเรื่องหนักๆ
การร่วมรายการของผู้สมัครครั้งนี้ ทำให้รู้ว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หลายคน เครียดกับเวทีดีเบต เพราะส่วนใหญ่เจอแต่คำถามหนักๆ และเวลาที่บีบ ทำให้ต้องตอบคำถามข้อจำกัด แม้แต่ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่มีผีปากกล้าคนหนึ่ง ก็ยังยอมรับว่า การร่วมเวทีดีเบตนั้น ก่อให้เกิดความเครียดและกดดันมาก
แต่สำหรับการออกรายการของ “วู้ดดี้” ทำให้เราเป็นบรรยากาศที่แตกต่างออกไป โดยผู้สมัครมีการไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ ถามเรื่องครอบครัว ถามเรื่องลูกๆ ของกันและกัน ทำให้รู้สึกได้ถึงความเป็นคนธรรมดามากขึ้น ไม่ได้มุ่งแค่จะเอาชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เพียงอย่างเดียว
จบรายการผู้สมัครจากออกปากชม “วู้ดดี้” ที่ดำเนินรายการได้อย่างน่าประทับใจ เพราะนับตั้งแต่ลงผู้ว่าฯ กทม.มา พวกเขาไม่เคยเจอรูปแบบรายการเช่นนี้มาก่อน
เรื่องที่ 1,114 วันนี้ (19 พ.ค.) มีงานใหญ่ที่รวบรวมขุนพลทางด้านเศรษฐกิจยุคนี้ไว้ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับงาน “ถามมา…ตอบไป เพื่อประเทศที่ดีกว่า” (Better Thailand open Dialogue) ซึ่งแน่นอนว่างานนี้ “พี่พงษ์-สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังาน ต้องได้รับเทียบเชิญแน่นอน โดยถูกจัดให้อยู่ในเซกชั่นเสวนาภายใต้หัวข้อ “มองเศรษฐกิจโลก สะท้อนเศรษฐกิจไทย” ซึ่ง “พี่พงษ์” ลั่นกลางเวทีอย่างเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ ยังสามารถเติบโตได้ แม้จะมีปัญหาเรื่องของเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่รัฐบาลก็จะพยายามแก้ปัญหา และด้วยความร่วมมือของคนไทยเชื่อว่าจะสามารถผ่านพ้นวิกฤติดังกล่าวนี้ไปได้ ก็ขอให้เป็นดังคำของท่านรองละกันนะขอรับ เพราะเวลานี้ประชาชนเดือดร้อนกันถ้วนหน้าจากราคาพลังงานที่ส่งต่อไปยังต้นทุนสินค้าอื่นๆ จนแทบจะควักเงินในกระเป๋าซื้อของกันไม่ไหว
แต่ไฮไลท์หนึ่งที่ต้องบอกว่า น่าจะไม่เคยได้ยินพูดถึงที่ไหนนั่นก็คือ ที่มาของฉายา “มหาเฉื่อย4D” ที่ท่านรองได้รับจากสื่อมวลชนเมื่อตอนต้นปี โดยงานนี้ท่านรองหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดพร้อมกับความคืบหน้าผลงานของรัฐบาล ซึ่งระบุชัดเลยว่า D ที่เคยพูดไว้เมื่อ 6 เดือนที่แล้วมีการดำเนินการไปแล้วนั่นก็คือ D Carbon neutrality ที่ต้องทำให้ได้ 2050 ซึ่งเป็นนโยบาย และกลยุทธ์หนึ่งที่จะเกิดกับประเทศไทย สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเป็นการลดภาวะเรือนกระจก ซึ่งจะก่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า แบตเตอร์รี่ เรื่องดิจิทัลกับเทคโนโลยีต่างๆจะตามคู่กันมา เพราะยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ สัดส่วนการเป็นดิจิทัลจะสูงกว่า ปีนี้ฉายานี้น่าจะถูกลบไปด้วยผลงานของท่านนี่แหละครับผมถ้าเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่ขายฝัน
เรื่องที่ 1,115 มาถึงประเด็นนายกรัฐมนตรีกันบ้าง ตอนเช้ากล่าวเปิดงาน “Better Thailand” ชู 4 ประเด็นฝ่าวิกฤติ – ฟื้นเศรษฐกิจหลังโควิด ประกอบด้วยการดึงการค้าการลงทุน ธุรกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมชีวภาพ ดึงต่างชาติศักยภาพสูงลงทุน เพื่อเร่งฟื้นประเทศหลังโควิด-19 พูดยาวเหยียด 90% นักข่าวฟังแล้วมีอะไรใหม่ ตรงที่ “ฟื้นฟูหลังโควิด” สงสัยขึ้นเวทีครั้งนี้ “บิ๊กตู่” เตรียมความพร้อมรับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบหน้ามากกว่า โดยเฉพาะทีมขุนพลทางด้านเศรษฐกิจนั้น ต้องรับมือกันเยอะหน่อย เพราะลีลาแต่ละคนเน้นไปทางด้านวิชาการมากกว่าตอบโต้นักการเมือง ยกเว้นคนเดียวที่พอรับมือไหว “คุณพี่สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง คุมกรมธนารักษ์ ต้องรับเรื่องร้อนกรณีท่อส่งน้ำภาคตะวันออกไปนอนกอดรอวันรับศึกใหญ่ นอกนั้น ไม่เกี่ยวอยู่นิ่งๆ นั่งฟังดีกว่า
โดยนพวัชร์