ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 5-6 พ.ค.2565
“พรรคก้าวไกล ปรับทัพทีมประชาสัมพันธ์ใหม่ แต่งตั้ง “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นโฆษกพรรคก้าวไกล แทน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ที่ลาออกไปสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. โดยมี “สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา” และ “เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ” เป็นรองโฆษกพรรค
เรื่องที่ 1,072 บทบาทของ “รังสิมันต์ โรม” ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เด่นชัดในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร โดยได้รับการยกย่องว่ามีความกล้าหาญ หยิบเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าพูด เอามานำเสนอในสภา เช่น การเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ ตั๋วช้าง สัมปทานดาวเทียมไทยคม เป็นต้น นั่นทำให้เขากลายเป็นดาวเด่นในสภาขึ้นมาทันที
และการตั้ง “รังสิมันต์ โรม” เป็นโฆษกพรรคก้าวไกลก็เป็นการยืนยันว่า ก้าวไกล ต้องการความชัดเจนด้านการสื่อสารเชิงจุดยืนและอุดมการณ์
ไม่เพียงเท่านั้น ก้าวไกล ยังแต่งตั้งให้ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือ “ไอติม” เป็นผู้จัดการการสื่อสารและการณรงค์นโยบายของพรรค
“ไอติม” ถือเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่น่าจับตามอง เมื่อก้าวเข้าสู่พรรคก้าวไกล เขาเสนอให้จัดทำ 3 อย่าง ที่จะสามารถเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ 1.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับก้าวไกล 2.ร่างงบประมาณฉบับก้าวไกล และ 3.ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฉบับก้าวไกล
3 สิ่งที่ไอติม เสนอ เชื่อว่าจะสามารถเรียกความนิยมจากประชาชนได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่ 1,073 วันนี้ (5 พ.ค.) เป็นวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงอุตสาหกรรม โดยช่วงเช้ามีพิธีถวายเครื่องบวงสรวงองค์พระนารายณ์ และพระภูมิ ณ กระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 80 ที่มีการก่อตั้ง โดยมีหัวเรือใหญ่ของกระทรวงอย่าง ท่าน “รมว.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นประธาน ทำให้มีโอกาสได้เห็นภาพใหม่ๆ ของท่าน รมว. บ้างแม้จะไม่ได้เจอะเจอตัวจริงมานมนาน เพราะที่ผ่านมาเวลามีข่าวประชาสัมพันธ์และมีชื่อของท่านปรากฏเป็นแหล่งข่าว ก็จะได้รับรูปถ่ายของท่าน รมว.สุริยะ ในอิริยาบถเดิมแบบซ้ำๆ ได้เห็นรูปใหม่ของท่านบ้างก็รูัสึกชื่นใจ บรรเทาความคิดถึงไปได้บ้างครับผม
เรื่องที่ 1,074 สรุปผลการทำงานต่อหน้าสื่อมวลชน เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนย้ายไปนั่งเป็นอธิบดีกรมสรรพสามิต “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพากร ฉายภาพการทำงานตลอดช่วงระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา โชว์ผู้สื่อข่าวสายกระทรวงการคลัง ยาวเกือบ 3 ชั่วโมง ฟังแล้ว ก็ไม่เห็นมีหยดน้ำตา น้ำเสียงก็เรียบ ฟังแล้ว สบายหูสบายใจ แสดงให้เห็นว่า “เอกนิติ” เข้าใจสัจจธรรมของชีวิตว่า มีขึ้นและก็มีลงเป็นเรื่องธรรมดา ขอเพียงทำงานด้วยความตั้งใจ โปร่งใสและสุจริต ในปั้นปลายชีวิตเมื่อพ้นพงหนามไปแล้ว จะได้ไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตนกระทำลงไป
โดยผลจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 เกินเป้าถึง 101,695 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมายถึง 14% ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของไทยในช่วงครึ่งแรกปีงบประมาณเกินเป้าอยู่ 83,977 ล้านบาท แต่ที่สำคัญไปกว่าตัวเลข “เอกนิติ” เล่าให้ฟังว่า “การพัฒนาไปสู่สรรพากรยั่งยืน” เพราะไม่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหาก ”สรรพากรยั่งยืน” แล้ว การจัดเก็บรายได้ก็จะยั่งยืนไปด้วย
เช่นการนำกลยุทธ์ Digital Transformation มาปรับเปลี่ยนกระบวนงานให้ทันสมัยตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่าน และนำข้อมูลขนาดใหญ่มาวิเคราะห์ (Data Analytics) เพื่อวางกลยุทธ์จัดเก็บภาษี (Revenue Collection) รวมถึงนำนวัตกรรม (Innovation) และเทคนิคการบริหารงานยุคใหม่ อาทิ Design Thinking, Agile และ Hackathon มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) ทำให้การดำเนินงานและการให้บริการประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก และยังสามารถช่วยให้บรรลุเป้าหมายหลัก 3 ด้าน ได้แก่ จัดเก็บภาษีได้ ‘ตรงเป้า’ ออกนโยบายภาษีช่วยเหลือประชาชนได้ ‘ตรงกลุ่ม’ และบริการผู้เสียภาษีได้ ‘ตรงใจ’”
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังสร้างฐานรายได้ใหม่ๆ ให้กับประเทศด้วยการออกกฎหมายจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการบริการอิเล็กทรอนิกส์จากแพลตฟอร์มต่างชาติ (VAT for Electronic Service:VES) ที่ให้บริการกับผู้ใช้บริการในประเทศไทย โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 มีมูลค่าบริการจากต่างชาติสูงถึง 60,000 ล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ใหม่เข้าประเทศได้ถึงกว่า 4,200 ล้านบาท ในช่วงเวลาเพียง 6 เดือน จากเป้าที่ตั้งไว้ตลอดปี 5,000 ล้านบาท โชว์ให้เห็นแบบนี้แล้ว ข้าราชการสรรสามิตโปรดระวังตัวเอาไว้ด้วย!!
โดยนพวัชร์