ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 4-5 พ.ค.2565
“โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ผลโพล “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้สมัครอิสระ เบอร์ 8 ยังมีคะแนนความนิยมนำคู่แข่งอยู่มาก”
เรื่องที่ 1,067 นิด้าโพล เผยผลสำรวจเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา อันดับ 1 ร้อยละ 44.58 ระบุว่าเป็น “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” (อิสระ) อันดับ 2 ร้อยละ 11.42 ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ เพราะ ขอดูนโยบายและการแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครก่อน อันดับ 3 ร้อยละ 11.27 ระบุว่าเป็น “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” (อิสระ) อันดับ 4 ร้อยละ 8.99 ระบุว่าเป็น “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ “ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 6.93 ระบุว่าเป็น “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” (พรรคก้าวไกล)
ใกล้เคียงกับ สวนดุสิตโพลที่ออกมาในวันเดียวกัน อันดับ 1 “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ร้อยละ 39.94 อันดับ 2 “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ร้อยละ 14.16 อันดับ 3 “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ร้อยละ13.37 อันดับ 4 “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ร้อยละ 10.00อันดับ 5 “ศิธา ทิวารี” ร้อยละ 4.01 อันดับ 6 “สกลธี ภัททิยกุล” ร้อยละ 3.09
การเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างเน้นความเป็นตัวตนของผู้สมัคร โดยสังเกตได้ว่า การที่ “ชัชชาติ” ได้เป็นผู้ว่าโพลแทบทุกสำนัก อันเป็นการสะท้อนว่าคนกรุงเทพฯ ต้องการคนมากกว่าพรรค ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้เขาได้ แม้ผลโพลจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง แต่ผลโพลที่ออกมาย่อมมีส่วนชี้นำการตัดสินใจของประชาชนอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย
เรื่องที่ 1,068 ถ้าต้องตัดสินให้รางวัลบุคคลขยันแห่งปี ณ เวลานี้ คงต้องขอยกให้ “อ.หน่อง วีริศ อัมระปาล” เค้าล่ะ เพราะแทบทุกครั้งที่เป็นวันหยุด ก็จะเห็นผลงานของ อ.หน่อง ปรากฏออกมาให้เห็นอยู่เสมอ ล่าสุดในวันฉัตรมงคง (4 พ.ค.) ท่านแม่ทัพแห่ง กนอ.ก็ยังฉายแสง เดินหน้าดันภาคเอกชนยกระดับโรงงานและนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ผ่านการสัมมนา การพัฒนาระบบขนส่งสีเขียว (Green Logistic) และหัวข้อแนวทางการดำเนิน งานโครงการโรงเรียนอีโค สคูล (Eco School) มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ การสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร และการสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณะ ช่วยสร้างความคึกคักให้กับผลงานของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดีในช่วงนี้
เรื่องที่ 1,069 กระทรวงการคลังมีการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงไปเมื่อครั้งประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งล่าสุด เลยมีคำถามเข้ามาที่ บก.ชวนคุยมากมาย ประเด็นสำคัญก็คือ เมื่อไหร่กระทรวงพลังงานจะมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายตำแหน่งบ้าง เผื่อว่าการบริหารพลังงานในประเทศจะดีขึ้นบ้าง ฟังแล้วก็สะท้อนได้ถึงความเหนื่อยหน่ายของประชาชน ที่ไม่รู้ว่าจะบรรยายออกมาอย่างไร ก็ได้แต่รับฟัง และให้กำลังใจกันเพื่อให้ผ่านวิกฤติไปได้ด้วยกันครับผม
เรื่องที่ 1,070 ผ่านพ้นไปแล้ว สำหรับมติ ครม.ในการโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงกระทรวงการคลัง กลางปีงบประมาณ2565 ถือว่า เขย่าขวัญกันพอสมควร แม้ “นพวัชร์” เองก็ไม่คาดคิดมาก่อนก็ตาม แต่ถ้าเปรียบเทียบระหว่าง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ว่าที่อธิบดีกรมสรรพสามิต กับ “พี่บัด-ลวรณ แสงสนิท” ว่าที่อธิบดีกรมสรรพากร เรียกว่า ฝีมือสูสีกัน ส่วนใครเหนือกว่าใคร ต้องติดตามผลงานแบบยาวๆ กันต่อไป แต่คนที่รู้สึกว่า ตัวเองเสี่ยงและเสี่ยวที่สุดในการโยกย้ายในครั้งนี้ หาใครที่ไหน เพราะสุดท้าย “เปลี่ยนม้ากลางศึก” ถ้าไม่ดี ขุนคลัง ต้องรับผิดชอบเพียงผู้เดียว แม้ตัวจริง-เสียงจริงที่อยู่เบื้องหลัง (ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ใครใหญ่ที่สุดในสรรพากร) จะการันตีฝีมือแล้วก็ตาม แต่งานนี้ ผลจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรผ่านพ้นมาแล้ว ครึ่งปีแรก (6เดือน) สูงกว่าประมาณ 70,000-80,000 ล้านบาท และหากปีนี้ ยังจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ ต้องยกเครดิตให้ “อธิบดีเอก” หาใช่ “อธิบดีบัด” แต่ถ้าปีหน้าฟ้าใหม่ (งบปี 2566) กรมสรรพากรจัดเก็บรายได้สูงกว่าเป้าหมาย ก็เรียกได้ว่า กระทรวงการคลังมีม้าดีถึง 2 ตัว
เรื่องที่ 1,071 มาทบทวนความจำกันนิด ก่อนพักสายตา ปีงบประมาณ2565 ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงการคลังเกษียณ 3 คน ระดับอธิบดีคือ “ท่านประภาศ คงเอียด” กรมธนารักษ์ รองปลัดคลัง “ชุณหจิต สังข์ใหม่” และที่ปรึกษา10 “อุษามาศ ร่วมใจ”
ดังนั้น ตำแหน่งเดิมที่ไม่โยกย้ายสับเปลี่ยนรอบหน้าคือ อธิบดีกรมสรรพากรและกรมสรรพสามิต ส่วนอธิบดีกรมใหม่มี 1 ตำแหน่งอย่างแน่นอนคือ กรมธนารักษ์ แต่ใครได้ขึ้นนั้น เขียนไปก่อนก็เดาผิดได้ แต่ถ้าเขียนถึงคน ไม่ได้ขึ้นชั้นเป็นอธิบดีง่ายกว่าเยอะ เช่น รองปลัดที่ประกาศเป็นญาติ “สมคิด” นอกนั้น มีสิทธิ์ลุ้นกันทุกๆ คนครับ
โดยนพวัชร์