ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 20-21 มี.ค.2565
“ยิ่งนานวัน ความเสียหายจากสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน มีเพิ่มทุกวัน นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ขีปนาวุธลูกแรกที่ยิงรัสเซียถล่มยูเครน จนถึงวันนี้ (20 มี.ค.) รวมระยะเวลา 24 วันแล้วแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยยอดทหารรัสเซีย ที่เสียชีวิตสงคราม ขณะนี้ ยืนยันแล้ว ไม่ต่ำกว่า 500 คนแล้ว ส่วนยูเครน ก็มีจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมๆ กับชาวยูเครนที่ต้องอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านอีกไม่น้อยกว่า 3 ล้านคน”
เรื่องที่ 927 ล่าสุด รัสเซียได้ยิงขีปนาวุธถล่มเขตใจกลางกรุงเคียฟ อย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลท้องถิ่นรายงานว่า การโจมตีของรัสเซียได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 228 คน รวมถึงเด็ก 4 คน
ขณะที่ ประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนออกมาประกาศเรียกร้องเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ว่า ให้รัฐบาลรัสเซียหยุดโจมตียูเครนและหันหน้าเข้าหากันเพื่อเจรจา โดยเขากล่าวว่า หากรัสเซียยังคงดึงดันไม่ยอมประนีประนอมเช่นนี้ ประชาชนรัสเซียอาจได้รับผลกระทบไปอีกหลายชั่วอายุคน เพื่อฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ
ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้เตือนประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ถึงผลกระทบที่จะตามมาหากจีนให้การสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมต่อการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน ขณะที่ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความจำ เป็นในการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูตสำหรับวิกฤตครั้งนี้
ในการประณามจีนครั้งนี้ ทำเนียบขาวไม่ได้เปิดรายละเอียดว่า ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวระบุว่า กระแสการค้าขนาดใหญ่ของจีนนั้นอาจจะได้รับผลกระทบ และกล่าวว่า “การคว่ำบาตรจะเป็นเครื่องมือหนึ่งอย่างแน่นอน”
ด้านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน กล่าวว่า “บุคลากรของสหรัฐฯ บางคนได้ส่งสัญญานผิดๆ ด้วยการสนับสนุนการแยก ตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง” ปธน.สี กล่าว “หากเรื่องนี้ไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสมก็อาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้”
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวภายหลังการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผ่านวิดีโอคอลเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา
ประเด็นที่ควรรู้คือ สหรัฐฯ เป็นผู้สนับสนุนหลักของไต้หวันในเวทีโลก และเป็นชาติที่ขายอาวุธให้ไต้หวันมากที่สุด แต่รัฐ บาลสหรัฐฯ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวันอย่างเป็นทางการ
กลับมาที่ประเทศไทย เหลือระยะเวลาไม่ถึง 3 เดือน รัฐสภาก็เปิดฉากการประชุม ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ ยังมีอีกหลายสิ่งที่น่าติดตาม เรื่องที่ 928 พรรคสร้างอนาคตไทย เคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ แกนนำอย่าง “อุตตม สาวนายน” และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” ออกมาแสดงความเห็นทางการเมืองบ้างเป็นครั้งคราว
แต่ล่าสุด “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” แกนนำและผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมเปิดเวทีพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นร่วมกับสื่อมวลชน นัดหมายในวันจันทร์ที่ 21 มี.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมหรรษา ถนนราชดำริ
ประเด็นการพูดคุยคือ ด้านพลังงาน เนื่องด้วยสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลกเกิดความผันผวนอย่างหนักจากผลกระทบสงครามรัสเชียและยูเครน ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศไทย “สนธิรัตน์” ในฐานะอดีต รมว.พลังงาน จึงอยากแสดงวิสัยทัศน์เรื่องนี้
“สนธิรัตน์” เห็นว่า อย่างล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2561 ท่ามกลางสถานการณ์สงครามและเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและค่าครองชีพประชาชนในประเทศที่จำเป็นต้องมีทางออก
จับตาข้อเสนอของ “สนธิรัตน์” จะสามารถทำให้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับฟังได้หรือไม่
เรื่องที่ 929 ไม่รู้ว่ากระทรวงพลังงานได้ฟังผู้จัดรายการชื่อดังคนเดียวกับที่ บก. ชวนคุยฟังเป็นประจำทุกเช้าช่วงเวลา 06.08-07.00 น. หรือไม่ เพราะนโยบายที่ออกมาภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ที่มีท่านมหาเฉื่อย4D “สุพันพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” รองนายกรัฐมนตรี รมว.พลังงานเป็นประธานนั้น ช่างไปตรงกับที่ผู้จัดรายการท่านั้นพูดเอาไว้ถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคาน้ำมันในประเทศอย่างกับคัดลอกสำเนาถูกต้องออกมาเลยทีเดียว
โดย กบง. มีมติเห็นชอบในหลักการให้แยกชนิดน้ำมันดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม ออกจากน้ำมันดีเซลหมุนเร็วโดยมีแนวทางจะลดการชดเชยจากกองทุนน้ำมันในดีเซลหมุนเร็วพรีเมียม ซึ่งนั่นก็หมายความว่ารถหรูราคาแพงที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลแต่แอบได้รับประโยชน์จาการตรึงราคาน้ำมันดีเซลของรัฐบาลเติมน้ำมันราคาถูกกว่ามอเตอร์ไซด์จะต้องควักกระเป๋าเพิ่มเพื่อให้สมฐานะกันหน่อยนั่นเอง เรียกว่าเป็นนโยบายที่น่าจะตอบโจทย์ความเป็นจริงมากที่สุดครับผม
เรื่องที่ 930 ส่วนอีกหนึ่งนโยบายที่เสมือนเป็นการตอกย้ำความทุกข์ระทมให้กับชาวบ้านก็คือ การยืนยันจาก กบง. ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ภาคครัวเรือนขนาดถัง 15 กิโลกรัม (กก.) อย่างแน่นอน ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2565 อีก 1 บาทต่อ กก. โดยจะทำให้ราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนดังกล่าวขยับราคาขึ้นมาเป็น 33 บาทต่อถัง จากเดิมที่มีราคาอยู่ที่ 318 บาทต่อถัง และที่สำคัญในปีนี้จะมีการปรับขึ้นถึง 3 รอบด้วยกัน เรียกว่าเวลาคงต้องสงสารตัวเองไปด้วย พร้อมกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ หมดคำที่จะพูดไปเลยครับผม
โดยนพวัชร์