ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 1-2 มี.ค.2565
งามไส้ ยุทธพงศ์ จรัสเสเถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาเปิดเผยถึงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดำน้ำว่า ตามแผนเดิมเรือดำน้ำลำที่ 1 ที่ได้ซื้อไปแล้วในปีหน้าจะต้องส่งมอบให้กับกองทัพเรือไทยนั้น ไม่มีเครื่องยนต์ เพราะประเทศจีนผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับเรือดำน้ำไม่ได้ต้องไปซื้อจากประเทศเยอรมัน แต่ปรากฏว่าประเทศเยอรมันไม่ขายเครื่องยนต์เรือดำน้ำให้กับประเทศจีน กลายเป็นว่า เรือดำน้ำลำที่ 1 มีแต่ตัวเรือไม่มีเครื่องยนต์
เรื่องที่ 862 ล่าสุด พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ โร่ชี้แจงว่า ในการทำข้อตกลงจ้างฯ นั้น กำหนดให้เรือดำน้ำแบบ S26T มีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จากเยอรมันได้ จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Diesel Generator Set) ชัดเจน แต่เนื่องจากภายหลังเยอรมัน มีนโยบายการระงับการส่งออก(Embargo Policy) ซึ่งกำหนดให้เครื่องยนต์ดีเซลของเรือดำน้ำ เป็นสินค้าที่อยู่ในรายการควบคุมการส่งออก ส่งผลให้การจำหน่ายเครื่องยนต์ อะไหล่ หรือเครื่องยนต์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเยอรมัน ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางจีนต้องดำเนินการแก้ไข เนื่องจากกองทัพเรือได้ยืนยันความต้องการเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จากเยอรมัน ตามข้อตกลงไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ทางจีนจะต้องทำตามข้อตกลง โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่างกองทัพเรือกับบริษัท CSOC ในการหาทางออกแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน
กองทัพเรือยืนยัน ว่าการดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามข้อตกลงจ้างฯ รวมทั้งระเบียบ กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องทุกประการ โดยกองทัพเรือคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
เอาเป็นว่า เรือดำน้ำลำแรกที่ทัพเรือไทย สั่งไป ยังไม่มีเครื่องยนต์จริงๆ และต้องรอดูว่าจีนจะแก้ไขปัญหานี้ได้หรือไม่
เรื่องที่ 863 วันนี้ (1 มี.ค.) เป็นทีของกระทรวงพลังงานบ้างแล้ว ที่จะฉายแสงแสดงผลงานด้วยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. ที่เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการถึงแนวทางการดำเนินงานของ ปตท. ในระยะต่อไป โดยท่านซีอีโอแห่งปี “อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์” ที่นั่งเดี่ยวไมโครโฟนยาวเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งต้องบอกว่าไม่ได้มีเซอร์ไพรส์อะไรมาก เพราะกว่า 1 ชั่วโมงแรกก็เป็นผลการดำเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ที่ผ่านหูผ่านตาประชาชนไปหมดแล้ว ส่วนที่พอจะเป็นชิ้นเป็นอีกอันก็คือเรื่องของงบลงทุนกว่า 9.4 แสนล้านบาทที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการลงทุนเกี่ยวกับนวัตกรรมทางด้านพลังงาน รวมถึงสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ สร้างผลบตอบแทนคืนสู่สังคม แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ยังทำให้ได้เห็นความเคลื่อนไหวกันบ้างครับผม
เรื่องที่ 864 ส่วนท่านมหาเฉื่อย4D ของประชาชน ก็คงจะถึงคราก้นร้อนอีกครั้ง เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ขยับตัวขึ้นไม่ยอมหยุด ล่าสุดก็ทำให้ทั้ง โออาร์ และบางจาก ต้องประกาศปรับราคาขายปลีกน้ำมันชนิดดีเซลอีกครั้ง 60 สตางค์ รวมทั้งสิ้น ณ เวลานี้ก็ปรับราคาขึ้นมาแล้ว 1.80 บาทต่อลิตร ตั้งแต่มีการปรับลดราคาดีเซลลงไป 2 บาทหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 3 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน สงสัย “พี่พงษ์ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” คงจะได้ฤกษ์งัดไม้ตายก้นหีบกับเงินที่เหลืออีก 1 บาทออกมาใช้แล้วล่ะครับเจ้านาย เพราะถือขืนยังเฉื่อยตามฉายาอยู่เก้าอี้ที่นั่งคงเหลือแค่เพียงตอตะโกเสียแล้วกระมัง
โดยนพวัชร์