ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 6-7 ม.ค.2564
“ขึ้นศักราชใหม่ 2565 “โทนี่ วู้ดซัม” หรือ “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 23 ของไทย ประกาศก้องจะกลับประเทศไทยในปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนคนไทย เพราะเจ้าตัวมีแผนหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น เดินสายบรรยาย พัฒนาแอปฯ เพื่อคนจน รวมถึงช่วยให้คำปรึกษาภาครัฐ ถ้ามีคนต้องการ”
เรื่องที่ 671 “ทักษิณ” ยืนยันว่า การเดินทางกลับไทยครั้งนี้ จะไม่เป็นปัญหากับใคร แต่จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทย โดยจะกลับไปอย่างสันติ ไม่แก้แค้นเอาคืนผู้ใดแน่นอน
ขณะที่ กูรูการเมืองมองตรงกันว่า “แอ็คชั่น” ดังกล่าว เป็นเพียงการสร้างกระแสให้พี่โทนี่เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว อดีตนายกฯ มีคดีติดตัวมากมาย หากกลับมาย่อมจะต้องติดคุกอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เว้นแต่จะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการประท้วงครั้งใหญ่อีกหน
แต่สิ่งที่น่าสังเกตจากปฏิกิริยาของทักษิณรอบนี้ อยู่ตรงที่อดีตนายกฯ บอกว่า จะกลับเมื่อไหร่นั้นจะกระซิบบอก “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร” ชินวัตร เพียงคนเดียว คล้ายกับชี้เป้าว่า ลูกสาวคนเล็กนี้แหละที่จะเป็นคนพาพ่อกลับบ้าน
นั่นก็เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ “อุ๊งอิ๊ง” กระโดดมาเล่นการเมืองพอดี และมีโอกาสเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย หากชนะแบบแลนด์สไลด์ ก็ไม่แน่ว่า เธออาจมีวิธีการพาพ่อกลับบ้านได้
เรื่องที่ 672 ออกตัวช้าไปหน่อยสำหรับกระทรวงพลังงาน และ “รองพงษ์-สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เพราะเปิดทำงานอย่างเป็นทางการหลังปีใหม่มาแล้ว 3 วันจนเกือบจะถึงวันหยุดอีกครั้งเพิ่งออกแอคชั่นสร้างผลงานประเดิมปี 65 แต่ก็ยังพอทำเนาได้ เพราะนโยบายที่ออกมาน่าจะได้ใจประชาชนตาดำๆ อย่างชาวเราได้ชื่นอกชื่นใจกันบ้างท่ามกลางข่าวไม่สู้ดีหลายเรื่องเกี่ยวกับค่าครองชีพ ทั้งหมูที่แสนแพง ค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ล่าสุดคณะกรรมการ นโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ไฟเขียวจัดสรรผลประโยชน์บัญชี Take or Pay แหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา โดยให้นําเงินผลประโยชน์ของบัญชี Take or Pay ณ วันที่ 30 พ.ย. 64 จํานวน 13,594 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในระหว่างการดำเนินการคืนภาครัฐทั้งหมดไปช่วยอุดหนุนค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ หรือเอฟที (Ft) ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าได้หากลดทันทีจะคิดเป็น 22 สตางค์ต่อหน่วย!! เอ้าปรบมือสิครับรออะไร
เรื่องที่ 673 ส่วนนี่ก็ต้องบอกว่าไอเดียบรรเจิดสำหรับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เมื่อผุดแนวคิดจัดโครงการ “เปลี่ยนของขวัญปีใหม่ เป็นพลังใจให้สังคม” สำหรับเรื่องนี้ “เทพรัตน์ เทพพิทักษ์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป บอกว่าเป็นการขานรับนโยบาย “No Gift Policy” โดยจะเชิญชวนผู้มีส่วนได้เสียและพันธมิตรทางธุรกิจร่วมส่งความ สุขและส่งพลังใจคืนสู่สังคม ผ่านการบริจาคสนับสนุนองค์กรสาธารณกุศลและมูลนิธิต่างๆ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2565 โดยเอ็กโก กรุ๊ป เป็นผู้รับผิดชอบงบประมาณในการบริจาคตลอดทั้งโครงการ สามารถบริจาคงบประมาณได้ที่เว็บไซต์ https://bit.ly/stakeholderpalungjai ซึ่งภายในเว็บไซด์จะมีกิจกรรมให้ร่วมเล่นเกมส์รับโควต้า พลังใจ เรื่องราวดีๆแบบนี้ บก.ชวนคุยขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแชร์จ้า
เรื่องที่ 674 แวะไป คปภ.หน่อยครับ ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย คณะกรรมการ คปภ. มีมติเห็นชอบให้ “ชัยยุทธ มังศรี” ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการ ด้านกฎหมายคดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ เพื่อทดแทนตำแหน่งเดิมที่ว่างลง ทั้งนี้ “ชัยยุทธ” เคยดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยเลขาธิการ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ ก่อนที่จะได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ด้านกฎหมาย คดี และคุ้มครองสิทธิประโยชน์ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป แสดงความยินดีด้วยครับ
เรื่องที่ 675 เรื่องเล็กๆ ไม่ เรื่องใหญ่ต้อง “กษาปณ์ เงินรวง” รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.แม้จะไม่ได้โปรโมทเป็นเอ็มดี แต่ผลงานที่เหลือในฐานะรองผู้จัดการนี่ รับรองไม่มีผ่อน ไม่โกเกีย ล่าสุด เผย บอร์ด ธ.ก.ส. เห็นชอบกรอบแนวทางการดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2564/65 ธ.ก.ส. ได้โอนเงินประกันรายได้ในงวดที่ 1-11 (เพิ่มเติม) พร้อมงวดที่ 12 อีก 731 ล้านบาท จำนวนเกษตรกร 57,965 ครัวเรือน ส่งผลให้ภาพรวมการโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ไปแล้ว 85,113.24 ล้านบาท มีเกษตรกรได้รับประโยชน์แล้ว 4,564,768 ครัวเรือน
เรื่องที่ 676 มันมาหลังปีใหม่แน่นอน ผ่านมาแล้ว 6 วัน (6ม.ค.) ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประเมินสถานการณ์และขอประกาศแจ้งการเตือนภัยด้านสาธารณสุขเป็นระดับ 4 ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อชะลอการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุด
สำหรับการเตือนภัยจากโควิด 19 ระดับ 4 ประชาชนควรทำตามข้อเสนอแนะของ สธ.ดังนี้ 1.งดเข้าสถานที่เสี่ยง 2.งดทานอาหารร่วมกัน-ดื่มสุราในร้าน-เลี่ยงไปซื้อของที่มีคนจำนวนมาก เช่นตลาด ห้าง 3.เลี่ยงใกล้ชิดผู้อื่นนอกบ้าน 4.งดร่วมกิจกรรม -กลุ่มตามเกณฑ์ต่างๆ–มาตรการทำงานที่บ้านให้ได้ 50-80% 6.ชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดหากจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัว 7.เลี่ยงไปต่างประเทศ และ8. หากเข้าประเทศต้องปรับตัวในสถานที่กักกัน
ท้ายนี้ รัฐบาลยังไม่ประกาศปิดประเทศนะครับ
โดยนพวัชร์