ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 23-24 ธ.ค. 2564
“ตื่นตระหนก หวาดกลัว และตกใจไปตามกัน เมื่อ “เกรียงยศ สุดลาภาฎ” รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาระบุว่า เพื่อให้สอดคล้องกับประกาศขององค์การอนามัยโลกที่เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ยกเลิก หรืองวดการจัดปีใหม่ เพื่อปกป้องระบบสาธารณสุข เนื่องจากไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอไมครอน ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้า ล่าสุด วันที่ 22 ธ.ค.64 มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 100 ราย และยืนยันสายพันธุ์แล้ว 27 ราย อยู่ระหว่างการรอผล 97 ราย ภายในประเทศ ดังนั้นเพื่อป้อง กันการระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน จึงประกาศยกเลิกการจัดงานปีใหม่กรุงเทพมหานครและการสวดมนต์ข้ามปี ประจำปี 2565 รวมถึงหน่วยงานในสังกัดทั้งหมด” จบกันพอดี งานปีใหม่ปีนี้ คงต้องอยู่เป็นกลุ่มเล็กๆ น้อยๆ เลี้ยงกันปีใหม่กันพอสมควร อีกหนึ่งปีนะครับ
เรื่องที่ 636 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) สะเทือน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม.พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดในคดีฉ้อโกง ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2538 ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยชี้ว่า ความเป็น ส.ส. “นายสิระ” สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) โดยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงตั้งแต่วันเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 นั่นจึงหมายความว่า นายสิระ ไม่เคยเป็น ส.ส.เลย สิ่งที่จะตามมาหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว คือ 1.อย่างน้อย “สิระ” จะต้องคืนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง รวมถึงเบี้ยประชุมต่างๆ ทั้งหมดที่ได้จากสภาผู้แทนราษฎร 2.อย่างมาก คือเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า “สิระ” มีลักษณะต้องห้ามในการใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งแล้วทำให้สมาชิกสภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง กกต.ก็จะมีการพิจารณาดำเนินการตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 151 ฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งแต่ยังลงสมัคร ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10ปี ปรับตั้งแต่ 20,000 -200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี สิ่งที่ยิ่งใหญ่ไปกว่านั้น คือ กกต.อาจพิจารณาว่า พรรคพลังประชารัฐ จะมีส่วนต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ ฐานปล่อยให้คนที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องมาสมัคร จนได้เป็น ส.ส.
เรื่องที่ 637 เปิดแล้วจ้าสำหรับ “มหกรรมของขวัญปีใหม่เพื่อประชาชน โดยกระทรวงอุตสาหกรรม” ที่ได้เจ้ากระทรวงอุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” เดินทางไปเปิดงานให้ถึงที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (ชลบุรี) งานนี้บรรดาแฟนคลับคงได้เห็นหน้าเห็นตา ได้ยินเสียงของท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมกันแบบเต็มๆ น่าดีใจไปกับชาวชลบุรีด้วยจริงๆเลย เพราะขนาดชาว กทม. ที่อยู่ใกล้ๆท่านยังไม่ค่อยได้มีโอกาสชื่นชมบารมีสักเท่าไหร่
เรื่องที่ 638 อีกหนึ่งกระทรวงที่เปรียบเสมือนพี่น้องกัน อย่างกระทรวงพลังงานก็ไม่น้อยหน้า เพราะวันนี้ (23 ธ.ค.) “รองพงษ์-สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์” ที่ควบตำแหน่ง รมว.พลังงานด้วย นัดสื่อมวลชนมาฟังผลการดำเนินงานในรอบปี 64 ของกระทรวงฯ พร้อมบอกแผนปีหน้า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 (Covid-19) แถลงข่าวไปท่านก็แสดงความเป็นห่วงเป็นใยผู้ร่วมงานอยู่ตลอดเวลาด้วยการให้ฉีดแอลกอฮอลล์ สมกับเป็นผู้ใหญ่ใจดีของพี่ๆน้องๆนักข่าว แบบนี้รักตายเลย
เรื่องที่ 639 ในที่สุด “คณิศ แสงสุพรรณ” เลขาธิการอีอีซี ก็ทำสำเร็จ หลังจากก่อนหน้านี้ ดึงธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเช่น ธนาคารออมสิน เอ็กซิมแบงก์ และบสย. ออกโครงการพิเศษสินเชื่อเพื่อพี่น้องภาคตะวันออกไปแล้ว สัปดาห์นี้ ก่อนสิ้นปี 2564 ยังไม่หมดความพยายามขอพี่ใหญ่ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง ดึงอีก 3 แบงก์รัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและหาบเร่ แผงลอยในพื้นที่อีอีซี รวมเป็น 6 แบงก์ที่ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการธุรกรรมทางการเงินประเภทต่างๆ ที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในแต่ละกลุ่ม รวมถึงสินเชื่อเพื่อยกระดับเกษตรกรไปสู่การทำธุรกิจการเกษตรและเข้าถึงบริการประกันภัยในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงผู้ประกอบการ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอีแบงก์) และ บริษัท ทิพยประกันภัยออกโครงการประกันภัยสำหรับพ่อค้าแม่ค้า คุ้มครองทรัพย์สินวงเงิน 10,000 – 30,000 บาท เป็นต้น โดยคาดว่า จะมีผู้ได้รับประโยชน์จากความร่วมมือครั้งนี้ราว 170,000 ราย เป็นระดับไมโคร 135,000 ราย รายเล็ก 34,000 ราย รายกลาง 3,800 ราย และ รายใหญ่ 1,500 ราย ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ เป็นครั้งที่สองที่อีอีซีขอความร่วมมือจากแบงก์รัฐเพิ่มเติม โดยในครั้งแรกนั้น มีแบงก์รัฐเข้าร่วมประมาณ 3 ราย ได้ปล่อยสินเชื่อในระยะเดือนกว่าๆ ไปประมาณ 9,000 ครัวเรือน เป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท