ข่าวเด่น ข่าวดัง วันที่ 13-14 ธ.ค. 2564
“จะว่าไปแล้ว 2 ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีของคณะวิศวกรรมศาสตร์ โดยเฉพาะวิศวะโยธา หากไล่เรียงประวัติ พบว่า “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม จบปริญญาตรี วิศวกรรมโยธา (เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทอง) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนต่อโทด้านวิศวกรรมโยธาโครงสร้าง ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และจบปริญญาเอก วิศวกรรมศาสตร์ ได้เป็น ดร.ในสถาบันเดียวกันนั้นเอว “ขณะที่ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” เรียนปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมก่อสร้าง (เกียรตินิยม) จากสถาบันเทค โนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และต่อปริญญาโท M.Sc. (Geotechnical Engineering) ด้านวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม The University of Wisconsin-Madison USA และปริญญาเอก Sc.D. (Geotechnical Engineering) ด้านวิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม Massachusetts Institute of Technology (MIT) USA และได้ศาสตราจารย์ (ศ.) ในที่สุด
เรื่องที่ 597 คนทั้งคู่มีประสบการณ์และชั้นเชิงในงานด้านวิศวะเป็นอย่างมาก โดย “ชัชชาติ” ครั้งหนึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูงของประเทศไทย ขณะที่ “ดร.เอ้” มีส่วนร่วมการออกแบบการขุดเจาะอุโมงค์ใต้ดินในโครงการรถไฟใต้ดินสายแรกของประเทศไทย เห็นทีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ นอกจากจะเห็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครอิสระที่มีพรรคเพื่อไทย คอยสนับสนุนแล้ว ยังจะเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ระหว่างวิศวะจุฬาฯ และลาดกระบังอีกด้วย
เรื่องที่ 598 ยังมีเรื่องให้ชนกันต่อ หลังจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย ในประเด็นคำนิยาม ‘ผลพลอยได้’ จาก ‘กากอ้อย’ ต่อ รองนายกรัฐมนตรี “วิษณุ เครืองาม” และ รมว.อุตสาหกรรม “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แล้ว ล่าสุด ยังได้ยื่นฟ้องศาลปกครอง เพื่อขอให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) ยกเลิกกฎระเบียบวิธีปฏิบัติที่กำหนดให้โรงงานน้ำตาล จัดเก็บเงินค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อย เพราะเห็นว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจไว้ จึงหวั่นเกรงว่า อาจจะโดนชาวไร่อ้อยฟ้องร้องกลับได้
“สิริวุทธิ์ เสียมภักดี” รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) ในฐานะตัวแทน บอกว่า ดำเนินการฟ้องร้องครั้งนี้ มาจากคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ที่ได้มีคำวินิจฉัยว่า กอน.มีหน้าที่กำหนดอัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยเท่านั้น แต่มิได้บัญญัติให้มีอำนาจที่จะกำหนดวิธีการชำระค่าบำรุงไว้ด้วย ดังนั้น หากโรงงานยังคงปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าวโดยไม่มีกฎหมายรองรับ จะทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกชาวไร่อ้อยคู่สัญญาฟ้องร้องได้..
เรื่องที่ 599 อาการน่าเป็นห่วง เอามากๆ สำหรับ SME ไทย ต้องทนทุกข์กับปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยาวนานมาเกือบ 2 ปี มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ เป็นใครก็ต้องหมดทุน อันเนื่องมาจาก มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ เม.ย. 2563 มาถึง ปี 2564 ล่าสุด “แสงชัย ธีรกุลวาณิช” ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย บอกมาตรการการช่วยเอสเอ็มอีที่ผ่านมาดีระดับหนึ่ง ยังไม่ตอบโจทย์ เพราะการระบาดโควิด-19 แต่ละครั้ง ล้วนส่งผลกระทบต่อ เอสเอ็มอี จนขาดสภาพคล่อง เอสเอ็มอี จำนวน 1 ล้านราย จากทั้งหมด 3.1 ล้านราย กำลังจะไปไม่ไหว ฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งช่วยเหลือเพื่อประคองให้อยู่ได้..และการเปิดประเทศก็เป็นสิ่งที่จะช่วยให้เอสเอ็มอีกลับมามีรายได้มากขึ้น แต่ก็ขอให้ป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานตามแนวชายแดน และเข้มงวดตรวจสอบนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา เพราะหากต้องล็อกดาวน์อีก ก็มีแต่จะเจ๊งกลับเจ๊งอย่างเดียว!!
เรื่องที่ 600 น่าตกใจจริงๆ กระทรวงการคลังตอนนี้ มีใบสั่ง “ห้าม” สัมภาษณ์ 2 เรื่องใหญ่คือ 1.การลงทะเบียนบัตรสวัสดิ การแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน และ 2.ของขวัญปีใหม่2565 จากรัฐบาล เพราะทั้ง 2 เรื่องนี้ รัฐบาลเอาไว้หาเสียง โปรดเข้าใจตรงกันด้วย ใครมีปัญหาสงสัย สอบถาม “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ได้โดยตรง ด้าน “พี่ตู่-กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดคลังเลยสบายใจไม่ต้องตอบคำถามใดๆ ทุกกรณีกับนักข่าว แถมงดให้สัมภาษณ์อีกด้วย แต่จะเงียบยังไงไหว เจอถามบุก ถามเชิงรุก!! แบบไม่ทันตั้งตัว “ปลัดตู่” ตอบสั้น ไวรัส โควิด กลายพันธุ์ที่ชื่อ “โอไมครอน” ยังไม่น่ากลัว เพราะ สธ.คุมอยู่หมัด แต่กระทรวงการคลังก็จะคลอดมาตราการเด็ดๆ (ไม่ใช่เด็ดขาด) ออกมาอย่างแน่นอน ถามลึกลงไปอีกนิด “ปลัดคลัง” สาวต่อว่า มาตรการภาษี หรือที่ต้องใช้เงินงบประมาณไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. แต่ที่เป็นข่าวโครมๆ จากแบงก์รัฐแจก 500 บาท 1 พันบาทนั้น เป็นเรื่องของแบงก์รัฐประกาศใช้มีผลทั้งทีได้เลย เพราะไม่ใช่มาตรการภาษี โปรดทราบ
เรื่องที่ 601 เรื่องนี้ก็ใหญ่ ล่าสุดกรมบัญชีกลางตั้งเป้าจ่ายเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งหรือบัตรคนจน ผ่านบัตรประชาชน เหมือนกับ “โครงการเราชนะ” ใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ทั้งรับและจ่ายเงินทำให้บัตรปปช.เป็นบัตรสมาร์การ์ด (Smart Card) สุดเท่ห์ขึ้นมาทันที
บัตรประจําตัวประชาชน คือ เอกสารที่ทางราชการออกให้เฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเพื่อใช้พิสูจน์ และยืนยันตัวบุคคลว่าเป็นใคร มาจากไหน รวมถึงภูมิลำเนา และที่อยู่อาศัยตามทะเบียนบ้าน ทำาให้การเดินทางในต่างท้องที่เป็นไปด้วยความสะดวกและเป็นหลักฐานกรณีถูกตรวจค้นตัว ยืนยัน และพิสูจน์ว่าเป็นคนบริสุทธิ์ที่ทางราชการรับรองแล้ว เป็นหลักฐานในการใช้สิทธิเลือกตั้ง การสมัครงาน การติดต่อธุรกิจ การค้า การทํานิติกรรมสัญญา และการติดต่อประสานงานกับส่วนราชการ หรือภาคเอกชน นอกจากนี้ยังเป็นหลักฐานที่หน่วยงานต่างๆ ใช้ตรวจสอบบุคคล เพื่อประกอบการออกหนังสือสําคัญต่าง ๆ หรือการทำธุรกรรมกับธนาคาร หนังสือเดินทางเป็นต้น
ดังนั้น “บัตรคนจน” ปีหน้าได้เห็นอย่างแน่นอน แต่ถ้าจะให้เดา เล่นประเด็นการเมืองแบบ“คอการเมือง” ฟันธงแล้ว ฟันธงอีก ลงทะเบียนบัตรคนจนรอบใหม่แล้วใช้ไปอีก 2-3 เดือน ปีหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งทันที เพราะบัตรคนจนนั้น แจกแหลกและแจกทุกเดือน เดือนละ 200 ถึง 300 บาท บางเดือนมากกว่านั้น มีทั้งค่ารถ (ค่าเดินทาง) ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า บ้างเดือนแจกฟรีๆ 1 พันบาท อย่างนี้ไม่เรียก “ประชานิยม” เขาเรียกว่า “ประชารัฐ” ครับ
โดยนพวัชร์