ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 18-19 พ.ย.2564
“วานนี้ (17 พ.ย.) หลังมติที่ประชุมรัฐสภา คว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับภาคประชาชนไปแล้ว เราได้นำเสนอมุมมองของผู้เสนอร่าง นั่นก็คือ “ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ” และ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ที่เสนอว่า สภาเดี่ยวเหมาะสมกับการเมืองไทยในเวลานี้ ดังนั้น วันนี้ (18พ.ย.) จึงขอนำเสนอมุมของฝั่ง ส.ว.บ้างว่า เหตุใดพวกเขาจึงไม่รับหลักการในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว”
เรื่องที่ 501 โดยจากการอภิปรายของ ส.ว.ส่วนใหญ่เห็นว่า วุฒิสภามีความสำคัญในการตรวจสอบ กลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว นอกจากนี้ ยังเห็นว่า หากใช้สภาเดี่ยว จะก่อให้เกิดเผด็จการรัฐสภา เสียงข้างมากลากไป เป็นปัญหาวนสู่การรัฐประหารไม่รู้จักจบจักสิ้น
แม้ ส.ว.ชุดปัจจุบัน จะแต่งตั้งมาโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง กระนั้น ส.ว.ก็ชี้แจงว่า พวกเขาเข้ามาทำงานในระยะเปลี่ยนผ่านช่วงสั้นๆ เพียง 5 ปีเท่านั้น อีกทั้ง ส.ว.ยังมีหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูป ซึ่งมีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศไทย
สำหรับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหนนี้ พุ่งเป้าไปที่ ส.ว.เป็นหลัก ข้อเสนอของไอติม และ ปิยบุตร คือให้ล้ม ส.ว.ใช้สภาเดี่ยว โดยที่ ส.ว.ร่วมโหวตด้วยนั้น จึงไม่แปลกที่ร่างดังกล่าวจะตกไป
กระนั้นบรรยากาศการถกแถลง ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สร้างสรรค์ เป็นบรรยากาศของการนำปัญหาต่างๆ ขึ้นมาพูด คุยกันอย่างตรงไปตรงมาในสภา ไม่ใช่ท้องถนน
เรื่องที่ 502 ยังคงต้องจับตาราคาน้ำมันกับอย่างต่อเนื่อง หลัง กลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ขีดเส้นตายให้เวลารัฐบาล ถึง 1 ธ.ค. นี้ แก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพง ด้วยการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 25 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 1 ปี หากไร้คำตอบ ขยับค่าขนส่งขึ้นทันที 10 %
ถามว่า รัฐบาล กลัวมั้ย บอกได้เลยว่า ไม่กลัวนะจ๊ะ..ถ้ากลัว คงไม่ปล่อยให้ออกมาเรียกร้องเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่า ไม่มีเงินจะอุดหนุน และก็ไม่สามารถจะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาท ได้ตามข้อเรียกร้อง เพราะรัฐบาลจะสูญเสียราย ได้จากภาษีน้ำมันไปถึง 1.5 แสนล้านบาท และ กระทบฐานะการคลังของรัฐบาลอย่างแน่นอนเพราะไม่สามารถจะหาราย ได้จากแหล่งอื่นมาชดเชยได้ ทั้ง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” ก็ยังคงยืนยันตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 30 บาท คำเดิม ฉะนั้นชาวบ้านอย่างเราก็อย่า” แตกตื่น” หากมี รถทหารมาช่วยขนส่งสินค้า หลังวันที่ 1 ธ.ค. นี้
เรื่องที่ 503 อุตสาหกรรมยานยนต์ เริ่มกระเตื้องแล้ว “สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์” รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แจ้ง ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของไทย เดือน ต.ค.2564 อยู่ที่ 81,577 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.30% นับเป็นการส่งออกสูงสุดรอบ 7 เดือนตั้งแต่การเกิดระบาดโควิด-19 รอบ 3 ในไทย ส่งผลให้ 10 เดือนแรกปี 64 (ม.ค.-ต.ค.) ส่งออกแล้ว 759,058 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.04% และทำให้มูลค่าการส่งออกกลุ่มรถยนต์ เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ 10 เดือนแรกอยู่ที่ 663,746 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 471,539 ล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกที่เพิ่มขึ้น 192,210 ล้านบาทเห็นตัวเลขส่งออกรถยนต์ ก็พลอยให้ หายใจ หายคอ คล่องขึ้น สิ้นปีนี้มีลุ้น ส่งออกรถยนต์ของไทย อาจทำยอดทะลุเป้าตามที่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดหวังไว้ ขอให้จริง ขอให้จริง
เรื่องที่ 504 หลังจาก “พี่หยิม-ยุทธนา หยิมการุณ” เกษียณแล้ว ตำแหน่งอธิบดีกรมธนารักษ์ ก็ถูกส่งไม้ต่อไปยัง “ประภาส คงเอียด” ข้ามจากกรมบัญชีกลางมาดูแลที่ราชพัสดุแทนนั้น ล่าสุด ม้าด่วนรายงานว่า “พี่หยิม” ยื่นหนังสือลาออกจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะตำแหน่งที่สำคัญคือ ประธานบอร์ด หรือประธานคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ก็ลาออกไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนคนใหม่คาดว่า จะมารับตำแหน่งแทนท่านประธานคนเก่า (ถ้าไม่ผิดแผน) “พี่ภาส” ประภาส คงเอียด จะนั่งควบตำแหน่งนี้ด้วย เรียกว่า เดินตามรอยรุ่นพี่ไม่แตกแถว
ส่วนอีกคนไม่ใช่ข้าราชการ แต่มีน้องชาย 2 คน รับราชการกระทรวงการคลังทั้งคู่คือ “นายอติภัค แสงสนิท” กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ ธพส. หรือธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ ชื่อเล่นว่า “บิ๊ก” แสดงว่า ใหญ่จริง พี่ชายของ “บัส-ลวรณ แสงสนิท” และแบงก์ แสงสนิท (จำชื่อจริงไม่ได้ 555 ) ดีใจเดินยิ้มแก้มปริตลอดทาง เนื่องจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ร่วมกับกองทัพบก การประปานครหลวง กรุงเทพมหา นคร กรมธนารักษ์และธพส. ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการ ก่อสร้างถนนต่อเชื่อมศูนย์ราชการฯ กับถนนประชาชื่น (ถนนหมายเลข 10) หรือถนนริมคลองประปา ระยะทางรวม 1.30 กิโลเมตร ใช้งบประมาณการ ก่อสร้างมูลค่ารวม 320 ล้านบาท และจะแล้วเสร็จในเดือนมิ.ย.2566 หลังจาก ธพส.ใช้เวลาเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมายาวนานถึง 13 ปี ไม่สำเร็จ
“พี่บิ๊ก” เล่าให้ฟังว่า เมื่อการก่อสร้างถนนเสร็จแล้ว จะทำให้การจราจรภายในและนอกศูนย์ฯ ดีขึ้น เพราะทางเข้าใหญ่อยู่ถนนแจ้งวัฒนะ ทิศที่มุ่งไปคือ จังหวัดนนทบุรี ด้านหลังมีถนนตัดใหม่ใกล้ๆ กับโรงแรมมิราเคิล และโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ส่วนภายในศูนย์ฯ นั้น ปัจจุบันที่มีกำแพงขวางกั้น ในอนาคตเมื่อการก่อสร้างถนนแล้วเสร็จ รถจะวิ่งทะลุกำแพงไปถึงถนนริมคลองประปาได้ แต่จะบังคับเลี้ยวซ้ายไปถนนงามวงศ์วานเท่านั้น ส่วนถนนตัดใหม่ข้ามทางรถไฟถนนวิภาวดี-รังสิต สรุปเสียงบประมาณฟรีๆ เพราะการรถไฟขอค่าเงินเดือนพนักงาน ค่าโอที และค่าติดไม้กั้นจุดตัดรถไฟ รวมจ่ายปีละหลายล้านบาท ธพส.ไม่จ่าย กทม.ก็ไม่จ่าย ฝันสลายไปเป็นที่เรียบร้อย
อีกเรื่องก่อนจบ ปริศนางบประมาณตกแต่งภายใต้อาคารหลังใหม่ของกระทรวงการคลัง ล่าสุดได้ผู้ชนะการประมูลไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากกระทรวงการคลัง โยนลูกทั้งหมดไปให้ ธพส.จัดจ้างด้วยวิธีการพิเศษ ส่วนบริษัทไหน ชื่ออะไร ส้มหล่นรับงานนี้ หรือไม่ ต้องถาม “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง เพราะคนเขียนยังจำชื่อบริษัทไม่ได้เลย รู้แต่ว่า งบประมาณ 900 เกือบ1 พันล้านบาทเท่านั้นเองครับ.
โดย นพวัชร์