ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 5-6 พ.ย.2564
“พรรคเพื่อไทย โชว์หล่อ กะเอาใจวัยรุ่น ประกาศพร้อมผลักดันแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนเข้าไปในสภา สร้างความฮือฮาแก่มิตรรักแฟนเพลงไม่ใช่น้อย เพราะอย่างที่รู้ๆ ว่า กฎหมายเหล่านี้ ล้วนสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของเยาวชนนอกสภา พรรคเพื่อไทยจึงหวังโกยคะแนนส่วนนี้ ที่เดิมเป็นของพรรคก้าวไกล มาเป็นของตัวเอง แต่ยังไม่ทันข้ามวัน “นายใหญ่-ทัก ษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ของประเทศไทย ประกาศว่ามาตรา 112 ไม่มีปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่การปฏิบัติของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม หากจะแก้ไขปัญหา จึงต้องแก้ให้ถูกจุด โดยมุ่งไปที่ฝ่ายปฏิบัติ ไม่ใช่การแก้ไขกฎหมาย”
เรื่องที่ 455 ท่าทีของ “ทักษิณ ชินวัตร” กับแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยทำให้มองว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นผู้นำ ในการเสนอแก้ไขกฎหมายประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 แต่ท่าทีของ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขม.112
วันต่อมา ท่าทีของพรรคเพื่อไทยจึงเปลี่ยนไป ซึ่งจะเรียกว่า “กลับลำ” ก็คงไม่ผิด เพราะเพื่อไทยออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้จะมาเป็นผู้นำหรือปักธงในการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หากแต่จะขอวางตัวเป็นกลาง และพร้อมอำนวยความสะดวกในการผลักดันเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เรียกว่า เป็นคนละเรื่องกับแถลงการณ์กันเลยทีเดียว
นี่แหละคือ บทเรียนทำอะไรไม่ปรึกษาผู้นำ-นายใหญ่ มักเป็นเช่นนี้
เรื่องที่ 456 หลังจากประสบความสำเร็จ ส่งเสริมให้นักลงทุนไทย ขยายการลงทุนไปยังกลุ่มตลาดใหม่ในแถบเอเชียใต้ได้เพิ่ม เช่น อินเดีย บังกลาเทศ ศรีลังกาและแถบแอฟริกา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ก็ได้เตรียมจัดอบรมหลัก สูตร “สร้างนักลงทุนไทยในต่างประเทศ รุ่นที่ 19” ต่อ มีผู้เข้าร่วมกว่า 50 ราย จากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอ บรรจุภัณฑ์และสิ่งพิมพ์ ก่อสร้าง เครื่องจักรและอุปกรณ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนโลหะและพลาสติก พลังงานและพลังงานทดแทน อุตสาหกรรมดิจิทัล และโลจิสติกส์ เป็นต้น
“ซ่อนกลิ่น พลอยมี” รองเลขาฯ บีโอไอ บอกว่า การไปลงทุนในต่างประเทศนั้น จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี หลักสูตรที่เปิดการอบรมจึงเน้นให้ความรู้เพิ่มเติมเสริมศักยภาพผู้ประกอบการ เช่น ทักษะความเป็นผู้นำ การเจรจาต่อรองทางธุรกิจ กฎระเบียบในการประกอบธุรกิจ และการบริหารจัดการด้านภาษีในประเทศที่ลงทุน และการหาแหล่งเงินทุน แต่ ผลพลอยได้ที่สำคัญ คือเครือข่ายที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เข้าร่วมอบรม ตรงนี่แหละที่จะเป็นฟันเฟืองสำคัญ ช่วยผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่อไป
ธุรกิจพลังงานท่าจะกำไรดี เรื่องที่ 457 บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC จึงได้ศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจ ทั้งในส่วนของการต่อยอดธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และการนำ Business model ไปต่อยอดจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน “ชัชพล ประสพโชค” ซีอีโอ UAC แย้มมา ว่า เร็วๆ นี้จะได้เห็นความชัดเจนในการลงทุนเพิ่มอีกอย่างน้อย 1-2 โครง การและเตรียมลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ด้าน Energy Efficiency และ Bio Circular Economy ทั้งในประเทศ และกลุ่มประเทศ CLMV หากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คุมได้ คงได้เห็นแผนลงทุนแน่นอน
เรื่องที่ 458 เส้น…ไม่เส้นไม่รู้ แต่ผลงานของ “เมืองไทยประกันชีวิต” ภายใต้การนำของ “เดอะป้อง-สาระ ล่ำซำ” ซีอีโอคนหนุ่มไฟแรงประกันชีวิตค่ายนี้ โดดเด่นเป็นที่ต้องตาของคนในแวดวงประกันภัย ลามออกไปสู่รอบนอก ส่วนหนึ่งเพราะภาพลักษณ์ที่ดี มีความทันสมัยไปได้ดีกับเทคโนโลยี InsurTech หลอมเป็นเนื้อเดียวกับสำนักงาน คปภ. ที่เน้นใช้ไฮเทคโนโลยี สู้พิษโควิดฯ ฉะนั้น กับรางวัล Hall of Fame หรือรางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด ประจำปี 2563 ที่ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิตได้รับไปนั้น ไม่ถือว่าอยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
หากใครถอดบทเรียนที่ “เมืองไทยประกันชีวิต” สร้างเอาไว้ จะรู้ทันทีว่า ใครหรือบริษัทประกันภัยรายใด ที่ไม่ปรับเปลี่ยนตัว เองปลายทางธุรกิจจะเป็นเช่นใด? ดูตัวอย่างของ “เอเชียประกันภัย” หวังว่า…กับ 3 บริษัทประกันภัย อย่าง…. “สินมั่นคงประกันภัย – ไทยประกันภัย – เดอะ วัน ประกันภัย” ที่เพิ่งได้รับการผ่อนผันตามมาตรการเสริมสภาพคล่องสำหรับจ่ายเคลมประกันโควิดให้ประชาชน จากสำนักงาน คปภ. เมื่อสักครู่ จะไม่มีปัญหาเช่นตัวอย่างการสั่งปิดบริษัทประกันภัยรายนั้น
เรื่องที่ 459 ประเด็นใหญ่! ที่ไม่ใช่แค่ปมแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างชื่อ “โฆษก ตร.” พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจํานงค์ หลอกเรียกเอาเงินจากชาวบ้านกลุ่มพิเศษ พร้อมยัดข้อหามีส่วนเอี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน จนต้องโอนเงินไปให้กับแก๊งที่อ้างตัวเป็นนายตำรวจใหญ่ ทว่าเรื่องนี้ มี 3 เงื่อนปมที่ทับซ้อนกันอยู่ หนึ่ง หากชาวบ้านคนนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งฟอกเงิน ทำไมต้องโอนเงินไปด้วย สอง พฤติกรรมเรียกเอาเงิน เพราะคนในขบวนการน่าจะมีข้อมูลเด็ดถึงอ้างเรียกเก็บเงินได้ และภาพลักษณ์ตำรวจเรียก “เก็บส่วย” ในทุกระดับมันคมชัด สุดท้าย ข้อสาม ถ้าอ้างคนระดับ “โฆษก ตร.” ได้ง่ายๆ โดยที่ สตช.จะนิ่งเฉย เรื่องนี้ถือว่าแปลกมากๆ จากนี้ไป น่าสนใจว่า สตช. จะมีท่าที่อย่างไรต่อไป อย่ากระพริบตา!!
โดย นพวัชร์