ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 3-4 พ.ย.2564
“วันที่ 3 พ.ย.เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎรแจ้งต่อที่ประชุมถึงการที่ศาลฎีกาเเผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีทุจริตสนามฟุตซอลโรงเรียนในจัง หวัดนครราชสีมา มีผลทำให้ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ, “ทัศนียา รัตนเศรษฐ” ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ และ “ทัศนาพร เกษเมธีการุณ” ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ทำให้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ 476 คน”
เรื่องที่ 447 บรรยากาศโดยรวมในที่ประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เริ่มจากการหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการพิจารณา คือร่าง พ.ร.บ.การคุ้มครองพยานในคดีอาญา โดยการอภิปรายเป็นไปอย่างราบเรียบ ไม่มีหวือหวาน่าตื่นเต้น
อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เป็นที่จับตามองความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ที่ต่างออกมาแสดงจุดยืนต่อกรณีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 หลังจากที่พรรคใหญ่เพื่อไทย ประกาศว่า พร้อมแล้วสำคัญการผลักดันการแก้ไขกฎหมายนี้ โดยมีแนวร่วมอย่างพรรคก้าวไกล ส่วนพรรคที่ไม่เห็นด้วย ล้วนเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย เป็นต้น
นับจากนี้จับตาดูความเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าว ไม่นานอาจมีการเสนอร่างกฎหมายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าสภา
เรื่องที่ 448 อุตะ! หุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ. สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ประชาชนแห่จองซื้อผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” อย่างล้นหลาม กวาดยอดขายเกลี้ยง 6,000 ล้านบาท ภายใน 8 นาที 12 วินาที “มนตรี ลาวัลย์ชัยกุล” CEO ปตท.สผ.สุดปลื้ม ผู้ลงทุนกระจายตัวไปในทุกจังหวัดทั่วประเทศ นับรวมทั้งสิ้น 8,363 คน แบ่งเป็นกรุงเทพ 40.9% ต่างจังหวัด 59.1% ภาคอีสาน หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีผู้ลงทุนสูงถึง 11.61%
ที่น่าสนใจคือ มีนักลงทุนกระจายตัวทุกช่วงอายุระหว่าง 20-89 ปี โดยเฉพาะกลุ่ม First Jobber (เด็กจบใหม่ หรือ คนที่เพิ่งเริ่มทำงาน ) 20-29 ปี 7.8 % และกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 25 % สะท้อนให้เห็นว่ากลุ่ม First Jobber เห็นถึงความสำคัญเรื่องของการออม ส่วนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ก็สามารถเรียนรู้เรื่องของเทคโนโลยีได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะคุ้นเคยกับ แอปฯ “เป๋าตัง” กันเป็นอย่างดี ทำให้การขายหุ้นกู้ดิจิทัล ปตท.สผ.สามารถตอบโจทย์ นักลงทุนไม่ต้องเดินทางไปจองที่ธนาคาร เพราะเข้าแอปฯ “เป๋าตัง” ก็สามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง อ้อเกือบลืม ใครพลาดโอกาสการจองซื้อหุ้นกู้ปตท.สผ.รอบแรก ก็สามารถเข้าไปซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัลปตท.สผ.อีกรอบ ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ผ่านแอปฯ เป๋าตัง ได้ 24 ชั่วโมง.
และอีกประเด็นที่น่าตกใจคือ เรื่องที่ 448 “ราคาน้ำมัน” “ดิษทัต ปันยารชุน” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พูดไว้ในงาน งานเสวนาเรื่อง “เจาะลึกราคาน้ำมันไทย แพงจริงหรือ” ที่จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกสิทธิจะมีการขยับขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อันเนื่องมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น กำลังการผลิต การเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว และฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย เป็นต้น เหล่านี้ทำให้ความต้องการน้ำมันมีมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ทั้งนั้นก็ต้องรอผลการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่ง ออกน้ำมันว่าจะมีทิศทางในเรื่องกำลังการผลิตอย่างไร
แต่ที่แน่ๆ ราคาน้ำมันโลก ในไตรมาส 4 ปีนี้ จนถึงไตรมาส 1 ปี 65 คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐ ต่อ บาร์เรล ชัวร์ ไม่เช่นนั้น คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) คงไม่เห็นชอบให้กู้เงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อจะนำมา ใช้ตรึงราคา LPG และ ดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ถึงนาทีนี้ก็ได้แต่ทำใจ น้ำมันแพงยันถึงปีหน้าแน่นอน..
ดังนั้น บริษัทน้ำมันที่ขึ้นราคาทุกวัน ทุกๆ วัน อย่าไปด่าอะไรมากเลยนะ เพราะลูกสมุนลิ่วล้อดาหน้ามาหมดแล้ว น้ำมันแพงอย่าไปโทษใครต้องโทษราคาน้ำมันในตลาดโลกที่แพงขึ้นทุกวี่วัน โปรดเข้าใจตรงกันนะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับ ปตท.แม้แต่บาทเดียว
เรื่องที่ 449 “เปิดประเทศ” รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เป็นเรื่องที่ทุกฝ่าย แม้กระทั่งพรรค การเมืองฝ่ายค้าน ต่างเห็นตรงกับรัฐบาล เพราะมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่พอจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเป็นบวกได้บ้าง แต่บนความเห็นที่ตรงกัน ก็มี “จุดต่าง” ตรงที่รัฐบาลน่าจะเตรียมความพร้อมรับมือโควิด ภายในประเทศให้ดีและมากกว่านี้ ที่ผ่านมา ฝ่ายเห็นต่าง มองว่า รัฐบาลเหมือนจะเดินหน้าแบบกล้าๆ กลัวๆ จะเปิดประเทศ แต่ไม่ยกเลิกกฎหมายพิเศษ “พรก.ฉุกเฉินฯ” เหตุเพราะกลัว “ม็อบเยาวชน” มากกว่าเชื้อไวรัส จะเปิดให้ชาวต่างชาติเข้าไทย แต่ยังไม่เปิดให้ภาคธุรกิจอีกหลายตัวได้กลับมาดำเนินธุรกรรมตามปกติ ที่อนุญาตให้เปิดได้ ก็เปิดได้แบบมีเงื่อนไขและเงื่อนเวลา ขณะวางแผนจะเปิดประเทศ แต่รัฐบาลกลับไม่มีแผนจะเปิดโรงเรียนให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นได้กลับไปเรียนตามปกติ
ดูเหมือน การเปิดประเทศแบบครึ่งๆ กลางๆ รอบนี้ จะถูกใจคนเป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นัก! ถึงกับพูดข้ามทวีปถึงคนในเมืองไทยว่า “เศรษฐกิจฟื้นแน่!” เหตุเพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายเงินในประเทศ ส่งผลให้ห่วงโซ่ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นภาคการค้าและภาคบริการ ต่างได้รับอานิสงฆ์กันถ้วนหน้า ที่สำคัญ หลังเสร็จภารกิจในการประชุม COP26 ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่สกอตแลนด์ คงทำให้คนเป็นนายกฯ มีกำลังใจที่จะกลับไปทำงานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชน ก่อนจะทิ้งท้าย “ปัญหาและอุปสรรคมีไว้ให้แก้ไข” ส่วนจะแก้ไขแบบไหน ผลสัมฤทธิ์เป็นอย่างไร คงอีกไม่นานจะรู้กัน
แต่ที่แน่ๆ “หมอธีระ วรธนารัตน์” คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กบอกเมื่อ 3 วันก่อนหน้านี้ภายในเวลา 6-8 สัปดาห์ คนไทยและประชาคมโลกจะได้เห็นผลลัพธ์จากนโยบายเปิดประเทศของ “รัฐบาลประยุทธ์” รอบนี้ โถ! ขนาดญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์และหลายชาติในยุโรปรวมถึงอเมริกา ที่มีการฉัดวัคซีนป้องกันโควิดฯ คุณภาพดีกว่าที่เมืองไทยใช้ แถมฉีดได้ในสัดส่วนต่อประชาชกรที่สูงกว่า ยังไม่พ้นต้อง “ปิดเมือง” หลังจากเปิดประเทศกันได้ไม่นาน หวังว่าสิ่งนี้ จะไม่เกิดกับเมืองไทย!
พิษจากปัญหาโควิดเช่นกัน เรื่องที่ 450 วันก่อนแกนนำสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ หรือ “สมาคมผู้รับเหมา” ตบเท้าเข้ายื่นหนังสือถึง “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง และ “อุ๋ย-กุลยา ตันติเตมิท” อธิบดีกรมบัญชีกลาง เหตุเพราะมีสมาชิกของสมาคมฯ ถูกเรียกเงินค่าปรับจากการทำงานล่าช้า เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงาน (ต่างด้าว) ช่วงการปิดประ เทศ เลยรวมตัวมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ให้ภาครัฐ “คืนเงิน” ค่าปรับที่เรียกเก็บรวมๆ ไปแล้วกันเกือบ “ร้อยล้าน” คืนให้กับบริษัทผู้รับเหมากลุ่มนี้ และเป็นกรมบัญชีกลางเอง ที่ออกกฏหมายยกเว้น! ค่าปรับเป็น 0% ไปก่อนหน้า ดังนั้น แกนนำสมาคมฯ แนะให้กระทรวงการคลังจี้หน่วยงานเหล่านั้น คืนเงินค่าปรับโดยเร็ว
พูดกันตามตรง ใช่ว่ากลุ่มผู้รับเหมางานรัฐทุกราย จะมีปัญหาเหมือนกันหมด ใครที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด จนไม่สามารถทำงานให้เสร็จตามเงื่อนเวลาที่ตกลงกันไว้ได้จริงๆ จำเป็นจะต้องผ่อนปรนกันไป แต่ก็ต้องลงไปดูในรายละเอียดด้วยว่า ปัญหาที่แท้จริงของการทำงานให้หน่วยงานรัฐ เกิดจากปัญหาโควิดฯ หรือเป็นเพราะปัญหาอื่นๆ เช่น บริษัทผู้รับ เหมามีแรงงานพร้อมสรรพ แต่เพราะบริหารการเงินไม่ได้หรือได้ไม่ดี จึงขนาดสภาพคล่องและไม่อาจว่าจ้างแรงงานทำมางานให้ได้ หากเป็นเคสในลักษณะนี้ หรืออะไรในทำรองนี้ ก็ไม่ควรที่ภาครัฐจะ “อุ้ม” ผู้รับเหมาเหมือนกันทุกราย ถูก-ผิดว่ากันตามเนื้อหา แต่โดยหลักการแล้ว หากมีปัญหาจากโควิดจริง ก็ต้องช่วยเหลือและผ่อนปรนกันไป
เรื่องที่ 450 ประเด็นสุดท้ายสำหรับวันนี้ กกร.คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน ประชุมเสร็จก็ออกแถลงการณ์สนับ สนุนการเปิดประเทศของท่านนายกรัฐมนตรี พร้อมมองภาพเศรษฐกิจปีนี้ เอาไว้สะสวยหรูคาดว่า เติบโต 0.5-1.5% และคาดว่า การส่งออกของไทยปีนี้ ขยายตัว 12.0% ถึง 14.0% ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2% ถือว่า ต่ำมาก เหมาะแก่การกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว พร้อมเน้นย้ำรัฐบาลถึงเวลาแล้ว ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลเทงบประมาณแบบกระเป๋าฉีก และออก พรก.กู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท เยี่ยวยาและลดผลกระทบจากโควิดไปแล้ว รอบนี้ ภาคเอกชนเชียร์กันสุดหัวใจขอ “ช๊อปดีมีคืน” คืนชีพอีกครั้ง แต่ขอแถมเพิ่มเติมอีก ช๊อปดีมีคืน ขอคืนเงินสดหรือเครดิตก็ได้ แต่ต้องคืนทันที ไม่เอาไปหักภาษีเหมือนกับอดีตที่ผ่านมา และไม่เอา “คนละครึ่ง” ตอนแรกก็ออกมาดูดี แต่พอเงินเกลี้ยงกระเป๋า อยากจะ Co-pay แต่ไม่มีเงินสุดท้ายก็ต้องปล่อยให้เงินตาย ถูกคลังดึงเงินทั้งหมดจาก “เป๋าตัง” เข้าคลังหลวง แบบนี้ น่าเสียดาย เสียดายจริงๆ
โดย นพวัชร์