ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 27-28 ต.ค.2564
“วันที่ (28 ต.ค.) มีความเคลื่อนไหวของ 2 พรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน คือพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย สำหรับพรรคพลังประชารัฐ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรค เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค หลังมีข่าวว่ากรรมการบริหารพรรคส่วนหนึ่งเตรียมลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ไล่ “ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา ออกจากเลขาธิการพรรค หลังจากที่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายก รัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และ ส.ส.ส่วนหนึ่งไม่พอใจ “ร.อ.ธรรมนัส” ในหลายกรณี เชื่อว่า “บิ๊กป้อม” จะอาศัยโอกาสนี้เคลียร์ปัญหาต่างๆภายในพรรค ส่วนจะสำเร็จหรือไม่นั้น ต้องรอลุ้นกันในวันนี้”
เรื่องที่ 415 ขณะที่ทางพรรคเพื่อไทย มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยเป็นการประชุมใหญ่วาระสำคัญคือการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ มีแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่ 3 คน ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน, พงษ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี , ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับคนในตระกูลชินวัตร
สำหรับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน จะขอไปพักผ่อน เนื่องจากอายุมากแล้ว ส่วนใครจะได้ตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยไปครอง วันนี้ รู้กันครับ
เรื่องที่ 416 ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เกิดเหตุระเบิด เกิดเหตุไฟไหม้ภายในโรงงานอุตสาหกรรม อยู่บ่อยๆ วันที่ 25 ต.ค.64 เตาต้มน้ำผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยว แถว อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทราระเบิดใส่คนงานเสียชีวิตและบาดเจ็บ วันถัดมา วันที่ 26 ต.ค.64 ก็เกิดเพลิงไหม้ โรงงานโฟมในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี โชดดีที่ไม่มีเสียชีวิตและบาดเจ็บ และในวันเดียวกัน ยังเกิดเหตุถังเก็บสารแนฟทา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรม บริษัท มาบตาพุดแทงค์ เทอร์มินอล จำกัด ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด จ.ระยอง ระเบิดซ้ำอีก มีแรงงานเสียชีวิต 2 ราย และ ผู้บาดเจ็บ 3 ราย
แม้ว่าใครคนจะบอกว่า มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด แต่สำหรับผู้สูญเสีย “มันคือเรื่องที่เศร้า” เพราะแรง งานเหล่านั้นคือ “หัวเรือหลัก” เป็นพ่อของลูก เป็นสามีที่ดีของครอบครัว จึงกลายเป็นที่มาของคำสั่ง “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ทบทวนมาตรการความปลอดภัยของการประกอบกิจการโรงงานใหม่ทั้งหมด 64,038 แห่ง หรือแม้แต่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่ได้สั่งกำชับไปยังนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศทั้ง 65 แห่ง ให้เพิ่มความเข้มงวดด้านการป้องกันและเฝ้าระวังความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุและการบาดเจ็บจากกระบวนการผลิตที่มีการใช้สารเคมีอันตรายร้ายแรง ตามมาตรฐาน “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต” (PSM) ก็ไม่รู้ว่าได้ดำเนินการจัดการไปถึงไหนแล้ว เพราะภาพหลอนๆ ของโศกนาฏกรรมโรงงานหมิงตี้มันเวียนมาทุกที่ที่เกิดอุบัติเหตุในโรงงาน
เรื่องที่ 417 มีข่าวดีๆ “บางจาก” ประกาศจำหน่ายน้ำมันลดฝุ่นระหว่างวันที่ 15 พ.ย.64 – 28 ก.พ.65 ด้วยการปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกชนิดในกทม.เป็นปริมาณกำมะถันระดับมาตรฐานยูโร 5 ช่วยลดมลภาวะจากฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มความรุน แรงขึ้นในช่วงปลายปี และยังมีบริการเสริมให้กับลูกค้าตั้งแต่ 1 ต.ค.64 -28 ก.พ. 65 ลูกค้าสามารถนำใบเสร็จไปรับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 11 รายการ ในปั๊มที่ร่วมรายการ ขณะที่ ปตท.ก็ไม่พลาดจำหน่ายน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำมาตรฐานยูโร 5 เช่นกัน ในเขต กทม.และปริมณฑล ภาคกลางและตะวันออกรวมกว่า 400 แห่ง เริ่มวันที่ 1 พ.ย. 64 – 31 มี.ค. 65 พร้อมชวนผู้ใช้รถนำรถเข้าตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์ฟรี 35 รายการ เติมลมไนโตรเจนและเช็ดฆ่าเชื้อโควิด-19 บริเวณ 4 จุดสัมผัส โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ไปกันได้ที่ศูนย์บริการยานยนต์ฟิต ออโต้ 68 สาขาทั่วประเทศครับ
เรื่องที่ 418 “ฝ่ายความมั่นคงไทย” ประเมินสถานการณ์ความวุ่นวายในประเทศเพื่อนบ้าน คงอีกไม่นาน “ชาวเมียนมา” จะทะลักหนีภัยสงครามกลางเมือง ข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย เห็นข่าวแล้ว ก็หวั่นใจ เกรงจะกระทบแผน “เปิดประเทศ” 1 พ.ย.นี้ ลำพัง “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” กว่า 40 ประเทศในกลุ่มเสี่ยงต่ำที่เข้าเมืองโดยไม่ต้องกักตัว ยังพอเชื่อใจได้บ้าง เพราะต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มและยังตรวจเช็คย้อนหลังได้ตั้งแต่ต้นทางประเทศตัวเอง ยันปลายทางที่ประเทศไทย ณ จุดคัดกรอง “สนามบินสุวรรณภูมิ” แต่กับ “คนต่างด้าว” ที่แอบลักลอบหนีเข้าเมืองตามแนวตะเข็บพรมแดนนั้น น่ากลัวสุดๆ ขอบอก “อันตรายยิ่งกว่าอันตราย” “น่ากลัวยิ่งกว่าหนังผีแม่นาคพระโขนง” เพราะโอกาส “นำเข้า” เชื้อโควิดฯ มีสูง ตัวอย่างการแพร่ระบาดในระลอกที่สองก็มีให้เห็นกันแล้ว
หากข่าวชาวเมียนมาหนีภัยสงครามเข้าประเทศไทยเกิดขึ้นจริง มีหวังสื่อเพื่อนบ้านในสิงคโปร์และมาเลเซีย คงตีข่าวไปทั่วโลกแน่! เพื่อไม่ให้กระทบเป้าหมาย “เปิดประเทศ” จนทำลายความหวัง ดึงเงินจากกระเป๋าของนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ แต่เป็น 2 เดือนที่อาจดันยอดรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งปีพุ่งกว่า 2 แสนล้านบาท ก็น่าที่ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครอง ควรจะเตรียมการวางแผนรับมือ “คลื่นมนุษย์” หนีตายจากบ้านเกิดอย่างเป็นระบบ จำเป็นจะต้องสร้างศูนย์อพยพหรือศูนย์กักกันตัวในพื้นที่ห่างไกลได้ ก็ต้องรับดำเนินการดีกว่าปล่อยให้เดินเพ่นพล่างกลางเมืองหลวงและเมืองหลักของแต่ละภูมิภาคเหมือนในอดีต
เรื่องที่ 419 ถือเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่ของวงการ “เอ็กซิบิชั่น” ในบ้านเรา กับงาน “Thailand InsurTech Fair 2021” แบบ Virtual หรือมหกรรมด้านประกันภัยในโลกเสมือนจริง เป็นการจัดออกร้านออนไลน์ครั้งแรกในประเทศไทย ของสำนักงาน คปภ. งานนี้ ได้ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง ไปเป็นประธานฯ พร้อมกล่าวปาฐกถาเปิดงานฯ ไฮไลท์โฟกัสไปที่ข้อเสนอให้ภาคธุรกิจประกันต้องเร่งปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น เพราะจากนี้ไป ระบบประกันภัยจะถูกนำไปใช้เพื่อลดความเสี่ยงในมิติต่างๆ ของภาคธุรกิจ รวมถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับการเกษตรกรรมและปศุสัตว์!
อันที่จริงเวทีนี้ เคยพูดถึงการจัดงานมหกรรมด้านประกันภัยฯนี้ มาแล้ว แต่ขอย้ำเตือนและเชิญชวนกันอีกครั้ง อยากให้ลองเข้าไปสัมผัสกับการจัดงานออกร้านออนไลน์ในโลกเสมือนจริง โดยภายในงานฯมีการเสนอขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆ ในเงื่อนสุดพิเศษ แถมเจ้าภาพจัดงานฯและบริษัทประกันภัยที่เสนอข่ายผลิตภัณฑ์ด้านประกันภัยต่างๆ ภายในงานนี้ ต่างพร้อมใจกันทุ่มจัดโปรฯเด็ดๆ มาให้อย่างเต็มที่! เหตุเพราะทุกบริษัทที่ร่วมออกงานฯ ไม่มีภาระต้นทุนการดำเนินงานเหมือนการออกร้านจริงๆ และงานนี้…จะเปิดให้เข้าชมได้จนถึง 30 ต.ค.นี้ ลงทะเบียนเข้าชมงานฯ โดยไม่จำกัดจำนวนได้ที่ น www.tif2021.com ทราบแล้วเปลี่ยน!
เรื่องสุดท้าย อ่านเล่นๆ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตัดใจ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง มาเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการส่งเสริมการลงทุนและบริการทางการเงินเพื่อพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือเรียกสั้นๆ ว่า อีอีซี โดย “พี่คณิศ คณิศ แสงสุพรรณ” เป็นหัวหอกผลักดันเรื่องนี้ “คุณพี่อาคม” ก็ร่ายยาวถึงความสำคัญของอีอีซี พร้อมคุยโวยว่า อีอีซี ต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญครบ 3 ด้านคือ ถนน ท่าเรือและสนามบิน แต่เหมือนพรายกระซิบตกไปหนึ่งโครงการคือ “รถไฟความเร็วสูง” เพิ่งมีเรื่องราวใหญ่โตในหน้า นสพ.เมื่อวันก่อนระบุว่า แบงก์ไม่ปล่อยกู้โครงการนี้ ทำให้คนทั้งสำนัก งานอีอีซีหัวเสีย “รมณ์บ่จอย” ถึงขั้นต้องแถลงข่าวด่วนลดกระแสความมั่ว เช้าวันรุ่งขึ้นเจอ “คุณพี่อาคม” เข้าไปอีกดอก สะดุดลืมโครงการไฟความเร็วสูงไปเสียอีก แต่โชดดีของขุนคลัง นึกได้ทันเหตุการณ์คับขัน ยังมีโครงการที่ 4 คือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สรุปครบปัจจัย 4 พอดี บก น้ำ อากาศและรถไฟ
โดย นพวัชร์