ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 25-26 ต.ค.2564
“ช่วงนี้โพลการเมืองได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะ “นิด้าโพล” เผยผลสำรวจเกี่ยวกับการเมืองและการเลือกตั้งออกมาทุกสัปดาห์ เรียกได้ว่าเล่นกับกระแสความสนใจของคนไทยเป็นหลัก นสพ.ขึ้นหน้าหนึ่ง วันทุกวันจันทร์หลายสัปดาห์ติดต่อกัน ล่าสุด “นิด้าโพล” เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “วันวานไทยรักไทย…วันนี้ เพื่อไทยในอีสาน” โดยสอบถามประชาชนในภาคอีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทย เพื่อสำรวจว่า คะแนนความนิยมต่อพรรคเพื่อไทย ยังดีอยู่หรือไม่”
เรื่องที่ 404 เมื่อถามถึงการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.33 ยังจะเลือกพรรคเพื่อไทย รองลงมา ร้อยละ 37.12 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ ร้อยละ 12.35 ระบุว่า จะไม่เลือกพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 0.91 ระบุว่า จะไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) ร้อยละ 0.76 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ และร้อยละ 0.53 ระบุว่า จะไม่ไปเลือกตั้ง
จะพบว่าคะแนนความนิยมของพรรคเพื่อไทยในแผ่นดินอีสานยังดีอยู่ แตกต่างจากผลสำรวจ “นิด้าโพล” ของพรรคประชา ธิปัตย์ต่อประชาชนคนใต้ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ที่คะแนนความนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ต่อคนใต้ลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งคนใต้มีความลังเลที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์
เมื่อถามถึงการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.14 ระบุว่า ยังไม่แน่ใจ รองลงมา ร้อยละ 30.04 ระบุว่า จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 20.38 ระบุว่าเป็น จะไม่เลือกพรรคประชาธิ ปัตย์ ร้อยละ 0.84 ระบุว่า จะไปลงคะแนน ไม่เลือกใคร (Vote NO) และร้อยละ 0.60 ระบุว่า จะไม่ไปเลือกตั้ง
โจทย์ใหญ่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ต้องคิดกันว่า จะรักษาคะแนนความนิยมในพื้นที่ฐานเสียงของตัวเองอย่างไร ขณะที่ พลังประชารัฐ (พปชร.) ดูๆ แล้ว ภาษียังเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย
เรื่องที่ 405 จับตาราคาน้ำมันสัปดาห์นี้ ให้ดีมีปรับขึ้นไม่ยั้งอีกแน่นอน สัปดาห์ที่ผ่านมา (18–22 ต.ค. 64) ราคาน้ำมันดิบโลก ตลาดสหรัฐ หรือตลาดเวสต์เท็กซัส ได้ปรับเพิ่มขึ้น 1.48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 83.76 เหรียญ ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกันกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (ลอนดอน) ปรับเพิ่มขึ้น 0.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 85.53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 82.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในบ้านเราปรับขึ้น 40 ส.ต.ต่อลิตร ยกเว้นดีเซล
สัปดาห์นี้ (25 – 29 ต.ค. 64) ราคาน้ำมันดิบ ก็มีโอกาสขยับขึ้นอีก เพราะจากบทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้ จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 82-87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 84-89 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องมาจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องให้โรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรมเปลี่ยนมาใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงมากขึ้นรวมถึงการฟื้นตัวของความ ต้องการใช้น้ำมันในหลายประเทศ ส่งผลให้ตลาดน้ำมันดิบอยู่ในภาวะตึงตัว สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันดิบ นั่นก็แสดงว่าราคาน้ำมันในบ้านเรามีโอกาสปรับขึ้นสูงมาก เห็นสถานการณ์เช่นนี้แล้วคนที่ กุมขมับ คงไม่แคล้ว “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
ส่วนผู้ที่สบายใจมากๆ นาทีนี้คงไม่มีใครเกิน ผู้ถือหุ้น “ราช กรุ๊ป” เรื่องที่ 406 เมื่อเร็วๆ นี้ มีมติด้วยคะแนนเสียง ร้อยละ 99.69 ของจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมทั้งหมด อนุมัติให้บริษัท อาร์เอช อินเตอร์เนชั่นแนล (สิงคโปร์) คอร์ปอเรชั่น จำกัด (RHIS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางอ้อมของ “ราช กรุ๊ป” เข้าซื้อหุ้นซื้อหุ้นกลุ่มบริษัท Paiton Energy ที่ดำเนินกิจการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตติดตั้ง 2,045 เมกะวัตต์ มูลค่า 809.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 25,421.68 ล้านบาท ดีลใหญ่งานแรกของ “ชูศรี เกียรติขจรกุล” CEO ราช กรุ๊ป คนใหม่ ผู้ถือหุ้นเห็นเช่นนี้แล้ว เป้าหมายที่จะดัน “ราช กรุ๊ป” ก้าวสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านพลังงานของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ด้วยกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ คงไม่ยากเย็นอย่างที่กังวลอีกต่อไป
เรื่องที่ 407 สิ่งที่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วง กรณี “เด็กรุ่นใหม่” หันไปสนใจกับการลงทุนใน “เงินดิจิทัล” หรือ “คริปโตเคอเรนซี่” กลายกระแสใหญ่โตในเวลานี้ แม้ว่าภาครัฐ โดยคณะกรรมการ ก.ล.ต.จะมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง พ.ร.ก.ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 มาคอยควบคุม กำกับ ดูแล แต่ก็ยังมี “มิจฉาชีพ” บางกลุ่ม อาศัยช่องโหว่รอยต่อของการประกาศใช้กฎหมาย หลอกลวงนักลงทุนให้เข้าร่วมลงทุน จนเกิดเป็นความเสียหายเป็นจำนวนมาก ล่าสุด “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง กำชับให้ “รื่นฤดี สุวรรณมงคล” เลขาธิการ ก.ล.ต. หารือกับทางแบงก์ชาติ ถึงแนวทางในการกำกับดูแลธุรกิจค้าเงินดิจิทัล เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมถึงเดินสายจัดกิจกรรมให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ที่แห่เข้าไปลงทุนกับในสินทรัพย์ดิจิทัลหลายสกุล เหตุเพราะวันนี้ มีบัญชีซื้อขาย “เงินดิจิทัล” พุ่งทะลุเฉียด 1.5 ล้านบัญชีเข้าไปแล้ว
ผมเคยถาม “รื่นฤดี สุวรรณมงคล” ถึงปมความเสียหายของนักลงทุนที่ถูกหลอกให้เข้าร่วมลงทุนใน “เงินดิจิทัล” ช่วงที่ พ.ร.ก.ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ออกมาบังคับใหม่ๆ แต่เจ้าตัวไม่ฟันธง ว่าจะเอาผิดกับ “แก๊งต้มตุ๋น” ที่ดำเนินการในช่วงที่รอยต่อของกฎหมายฉบับนี้ เพิ่งประกาศใช้ได้ไม่นานได้หรือไม่??? ผ่านมา 2 ปีแล้ว ก็ยังเงียบ หวังว่าก.ล.ต.ยุคนี้ จะหาญกล้า ชำนาญศึกสางปัญหาให้กับนักลงทุนที่เคยถูกหลอกลวงให้เข้าร่วมลงทุนมาตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะหากนับรวมหลายๆ “แก๊งต้มตุ๋น” ทั้งที่เป็นคนไทยด้วยกันเองและแก๊งชาวต่างชาติในเมืองไทยที่อาศัยความเป็น “เงินดิจิทัล” บังหน้า! หลอกเอาเงินในบัญชีของนักลงทุนรวมๆ กันล่ะก็ คาดว่า จะมีเป็นจำนวนนับพันล้านบาทเลยทีเดียว
“เงินดิจิทัล” อย่าง… “Binance, Foin, นาส แอป, อีทีเอ คอยย์และอื่นๆ อีกมากมาย ตกเป็นข่าวถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเพื่อเอาผิดทางอาญาและแพ่งนั้น ชื่อเหล่านี้ ได้สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้กับนักลงทุนมานักต่อนักแล้ว และเรื่องก็ยังค้างอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและในชั้นศาลอีกเพียบ! ของพรรค์นี้ ภาครัฐอย่าได้ชะล่าว่ายังเหลือ “อายุความ” แห่งคดีอีกยาวไกล เพราะที่เมืองไทย อะไรๆ ก็ถูก “เป่าให้ลืม” กันได้สนิทนักเสมอ ง่ายๆ แค่ล้วงลึกถึงเรื่องราวที่เป็นคดีความอยู่ ณ ขณะนี้ จากนั้นกระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และ ธปม. ประสานกับหน่วยงานในกำกับของสำนักงานตรวจแห่งชาติ เชื่อว่าคดีความการฉ้อโกงทั้งหลายก็จะคืบหน้าไปมากกว่านี้ ไหนๆ เรื่องนี้ “รัฐบาลลุงตู่” หยิบมาเป็นประเด็นเชิงนโยบาย และ รมว.คลังเอง ก็สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดเดินหน้ากันแล้ว ก็ช่วยจัดการในแบบ “เชือดไก่โกง…ให้ลิงฉ้อฉล” ได้ดูเป็นตัว อย่างสักคดี สองคดีเสียทีเหอะ!
ชื่อดีมีแต้มต่อ! เรื่องที่ 408 ด้วยความที่ชื่อ “ธนาคารออมสิน” ดังนั้น ทุกครั้งที่ภาครัฐจัดงาน “วันออมแห่งชาติ” ในทุกๆ ปี หลายคนคิดว่า คือ “วันออมสิน” แต่วันออม วันที่ 31 ต.ค.นี้คือ “วันออมแห่งชาติ” เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อปี 2541 มติ ครม.กำหนดให้วันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็นวันออมแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยรักการออม และตระหนักถึงความสำคัญของการออมเงิน
ดังนั้น ไม่ว่าธนาคารเฉพาะกิจรัฐหรือภาคเอกชนต่างก็ร่วมรณรงค์ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนคนไทย หันมาออมเงินกันมากๆ จะได้สัก 10%, 20% ของรายได้ในแต่ละเดือนล้วนเป็นผลดีต่ออนาคตของเจ้าของเงินออม ขอเพียงแค่ฝากเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย และปีนี้ “ธนาคารออมสิน” ก็ไม่พลาดจะจัดแคมเปญดีๆ มอบ “กระปุกออมสินวันออมแห่งชาติปี’64” ให้กับผู้ที่ออมเงิน ตั้งแต่ 500 บาทขึ้นไป เช่นกัน
ล่าสุด “วิทัย รัตนากร” ผู้อำนวยการธนารคารออมสิน สั่งเลี่ยงปัญหาคนแออัด…โอกาสเสี่ยงติดไวรัสโควิดสูง เพราะลูกค้าจะแห่มาฝากเงินเพื่อขอรับกระปุกสวยๆ ปีนี้ จึงเปิดให้มีการลงทะเบียนออนไลน์ “จองสิทธิ” ตั้งแต่ 29 ต.ค.–2 พ.ย.นี้ ผ่าน 2 ช่องทางคือ LINE Official : GSB Society และเว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th ตั้งแต่ 20–28 ต.ค.64 ขอบอกใครที่สนใจต้องรีบกันหน่อย เพราะของมีจำนวนกัด และสวยงามน่าสะสมทุกๆ ปี
จริงๆ เขียนใกล้จบแล้ว แต่พอดี “เพื่อนของเพื่อนและของเพื่อนอีกทอดหนึ่ง” หมายความว่า ไม่รู้จักกันมาก่อน ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ เมื่อกล้าฝาก “นพวัชร์” ก็ลงให้ไม่ขัดใจเพื่อนๆ บริษัท โกลบอล อินเตอร์คัลเชอรัล เอ็กซ์เชนจ จำกัด หรือ GIE ( จีไออี ) ผู้ดำเนินธุรกิจโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ในโรงเรียนที่ต่างประเทศ ขอเชิญนักเรียน นักศึกษา และผู้สนใจทุกท่าน เข้าร่วมรับฟังพร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูลในหัวข้อ “เรียนต่อปริญญาตรีที่ฟินแลนด์พร้อมโอกาสการทำงานหลังจบการศึกษา” โดย คุณบดินทร์ เชนย์วิบูลย์ CEO GIE Thailand ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง มากประสบการณ์ ที่จะหอบเอาความรู้ การเตรียมตัวก่อนเรียนต่อ การทำงาน และใช้ชีวิตอย่างไรในประเทศฟินแลนด์ ให้ผู้ร่วมงานได้ฟินกันทุกซอกทุกมุม 1 ชั่วโมงเต็ม ในรูปแบบ Online Video Conference วันที่ 31 ต.ค.64 เวลา 15.00-16.00 น. ใครอยากฟินต้องฟัง ใครอยากปังต้องมา ลงทะเบียนได้เลยที่ https://bit.ly/3oNDeP0 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.giethailand.com Facebook : GIE Exchange Student @LINE : GIE-EXCHANGE หรือ โทร.095-414-4635 ขอบคุณครับ.
โดย นพวัชร์