ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 19-20 ต.ค.2564
“เล่นจนเป็นเรื่องสำหรับกรณีคลิป “โทนี่ วูดซัม” หรือ ทักษิณ ชินวิตร อดีตนายกรัฐมนตรี โผล่ผ่านระบบ Zoom ในงานเลี้ยง ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย เพราะถ้าเป็นงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ธรรมดาๆ เรื่องก็คงไม่เกิด หากแต่ในคลิปมีการพูดถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำกลุ่มอีสานออกปากขอ “คุณหญิงอ้อ-คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” อดีตภรรยาของพี่โทนี่ มาเป็นแคนดิเดตนายกฯให้พรรคเพื่อไทย”
เรื่องที่ 378 แม้จะเป็นการพูดคุยขำขัน ไม่จริงจัง และพูดเอาสนุกเป็นส่วนใหญ่ แต่ต้องอย่าลือว่า “พี่โทนี่” เป็นคนนอกพรรค และเป็นคนดังที่คนกลายกลุ่มจับจ้องว่า จะพลาดท่าเสียทีโดนข้อหาครอบงำพรรคหรือไม่
เพราะหาก “พรรคเพื่อไทย” จะทำอะไรสักที ต้องขออนุญาต “ทักษิณ” ก่อน ก็เข้าข่าย “ทักษิณ” คนนอกพรรคได้ครอบงำพรรคการเมือง ขัดรัฐธรรมนูญเต็ม จึงมีโอกาสยุบพรรค ตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคได้
ดังนั้น เรื่องเล่นๆ อาจกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ บุคลากรของ “พรรคเพื่อไทย” มีประสบการณ์ถูกยุบพรรคมา 2 ครั้ง 2 คราวแล้ว ไฉนเลยจึงประมาทกันขนาดนี้ “โทนี่ วูดซัม”
วกมาคุยเรื่องพลังงานกันหน่อย วานนี้ (18 ต.ค.) เพิ่งพูดถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันว่ามีแนวโน้มปรับราคาขึ้น ยังไม่ทันสิ้นคำ ตอนเย็นวันเดียวกัน ราคาน้ำมันก็พุ่งพรวดขึ้นมาทันที 60 ส.ต.ต่อลิตร แบบไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ปรับขึ้นกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์อย่างนี้ ระวังให้ดีอาจมีรอบ 2 รอบ 3 หรือทำเป็นเล่นกล “เศรษฐีขายน้ำมัน” อย่าง ปตท. วันนี้ ขึ้น 60 สตางค์ พรุ่งนี้ลดลง 20 สตางค์ เติมแก๊สโซฮอล์ 95 เต็มถังจากพันต้นๆ ล่าสุดทะลุ 2,000 บาทแล้วครับ
เรื่องที่ 379 “ม็อบรถบรรทุก” ล่าสุดได้ออกมาประท้วงเป็นกลุ่มแรก โดยมีสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ประ กาศจัดกิจกรรม Truck Power นำรถสิบล้อประมาณ 1,000 คัน วิ่ง 6 เส้นทาง 7 จุด รอบปริมณฑล ภาคกลาง ตะวันออก และอีสาน เรียกร้องรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 25 บาท ด้วยการลดภาษีสรรพสามิต และงดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 1 ปี ดูทรงเรื่องนี้ แล้วตอบได้คำเดียวว่า “ยาก” เพราะกระทรวงพลังงานตั้งลิมิตอุดหนุนราคาดีเซลไม่ให้เกิน 29.99 บาทต่อลิตร งานนี้คงต้องพึ่ง “น้ำมะนาว” เข้าช่วยเติมพลังกล่องเสียง ตะโกนให้ดังๆ เพราะไม่รู้อนาคต ต้องร้องเรียนกันกี่สิบรอบกว่า รัฐจะตรึงราคาดีเซล 25 บาทต่อลิตร
กลับมาเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องที่ 380 ขยะจะหมดไปก็ต้องช่วยกันร่วมมือ บริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) จึงร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดกิจกรรมจัดการขยะทะเลแบบครบวงจร โดยมีชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ณ สวน สาธารณะโขดปอ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง มีท่านรมว. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม “วราวุธ ศิลปะอาชา” ร่วมเยี่ยมชมผลงาน
“นารินทร์ วงศ์ธนาศิริกุล” ผอ.ฝ่ายสิ่งแวดล้อม Dow บอก พลาสติกใช้แล้วสามารถรีไซเคิลสร้างประโยชน์ได้อีกมากมาย
นวัตกรรมบล็อกปูพื้นคอนกรีต ที่นำพลาสติกจากขยะทะเลและขยะชุมชนมาผสม ก็เป็นอีกหนึ่งที่จะสร้างรายได้ให้กับชุม ชน และวางแผนจะนำออกมาจำหน่าย ตั้งเป้าจะประมาณสิ้นปีนี้ โดยจะเริ่มต้นนำร่องที่วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมอาชีพชุมชนเกาะกกและหมู่บ้านเอื้ออาทร จังหวัดระยอง (วังหว้า) เป็นแห่งแรก จะสร้างรายได้ให้ชุมชนกว่า 400,000 – 1,500,000 บาทต่อปี และลดปริมาณพลาสติกได้กว่า 30,000 กิโลกรัมต่อปี โครงการดีๆ อย่างนี้ ต้องช่วยกันสนับสนุน!!
ใครที่พลาดชมงานฉลองครบรอบปีที่ 60 ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ถือว่า “ผิด” เรื่องที่ 381 งานนี้ นอกจากจะเชิญ “อาคม เติมพิทยาไพสิฐ” รมว.คลัง มากล่าวเปิดงานผ่านระบบออนไลน์แล้ว ยังตั้งโต๊ะเสวนาหัวข้อ “เพิ่มมุมคิด เติมมุมมอง ก้าวข้ามวิกฤต COVID-19” โดยได้เชิญวิทยากร ”ตัวเด่นๆ” ไม่ว่าเป็น “ขาเก๋า” รุ่นใหญ่ “อาจารย์สมชัย ฤชุพันธุ์” อดีต ผอ.สศค. นักเศรษฐศาสตร์ชั้นครูของกระทรวงการคลัง , “พี่อู้-สมชัย สัจจพงษ์” อดีตปลัดคลัง, “ออฟ-นิตินัย ศิริสมรรถการ” ผอ.ทอท., “ดร.แดน-ศรพล ตุลยะเสถียร” รอง ผจก.ตลาดหลักทรัพย์ฯ และคนสุดท้าย ทำหน้าถือหางเสือคือ “โป๊ะ-พรชัย ฐีระเวช” ผอ.สศค.คนปัจจุบัน โดยแต่ละคนได้รับมอบหมายให้พูดในหัวข้อที่แตกต่างกัน ภายใต้คอนเซ็ปท์ของงานนี้ แต่เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ สศค.ได้ทำกราฟฟิกสรุปประเด็นสำคัญที่แต่ละคนพูด โดยเอามาให้อ่านแบบเข้าใจได้ง่ายๆ และสำนักข่าว AEC10NEWS ก็ไม่พลาดที่จะหยิบเรื่องดีๆ เหล่านี้มาขยายผล เอาเป็นว่า หลายคนที่พลาดไม่ได้เข้าชมและรับฟัง หรือไม่ได้ติดตามข่าว แม้กระทั่ง อ่านข่าวยาวๆ แต่จับประเด็นไม่ได้มากนัก เชิญอ่านเรื่องราวดีๆ จากกราฟฟิกตัวนี้ ที่ได้นำเสนอมาให้อ่านได้เลย.
เรื่องที่ 382 ปกติ…องค์กรภาคเอกชน มักจะใช้ “จุดเด่น” และความได้เปรียบขององค์กรและธุรกิจ โดยเฉพาะความยาว นานที่ยั่งยืนของการดำเนินงาน สร้างให้เป็น “จุดขาย” ดึงความสนใจของลูกค้า แต่หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจ ที่ไม่ได้ผูกขาดการตลาดเหมือนเช่นในอดีต กลับทำตรงกันข้าม ความที่เคยมี “จุดเด่น” และความได้เปรียบฯ ในอดีต แต่ไม่สามารถนำสิ่งเหล่านี้มาสร้างความแตกต่างทางการตลาดในปัจจุบันได้ ดูอย่าง…ไปรษณีย์ไทย นั่นปะไร ผู้บริหารในอดีตยันปัจจุบัน มักจะอ้างเสมอ ไม่มีคนรับส่งพัสดุใด จะรู้จักเส้นทางทุกสายในเมืองไทยได้ดีเท่ากับไปรษณีย์ไทย เพราะมี “ม้าเร็ว” อย่าง บุรุษไปรษณีย์ ที่คอยวิ่งรับส่งจดหมายและพัสดุมายาวนานกว่า 140 ปี
แต่ ณ เวลานี้ ต้องโทษ “เทคโลยีดิจิทัล” ได้ทำ “ดิสรัปชั่น” ความได้เปรียบเหล่านี้หมดสิ้นไปแล้ว แค่ “กูเกิลแม็ป” ก็ทำลายความเก่าแก่ของไปรษณีย์ไทยไปสิ้น ขนาดโทรเลขที่เรียกสุดยอด สุดท้ายยังพ่ายแพ้ “อาจารย์กู” (กูเกิล) แต่จุดที่ทำลายไปรษณีย์มากกว่า คือ “สนิมเนื้อใน” นั่นเพราะความเป็น รัฐวิสาหกิจที่ต้องคอย “เลี้ยงดูปูเสื้อ” พนักงานยันเกษียณอายุ ตั้งแต่เงินเดือน สวัสดิการ และเงินพิเศษอื่นๆ คนเยอะก็ไล่ออกไม่ได้ ดึงเอาศักยภาพมาใช้ได้ไม่เต็มที่ แล้วอย่างนี้ จะไปแข่งขันกับภาคเอกชน โดยเฉพาะพวก “ยูนิคอร์น” จากต่างประเทศ ที่เข้ามาสยายปีก “กินส่วนแบ่งการตลาด” จากไปรษณีย์ไทย ไปจนเหลือรายได้ให้ “เจ้าบ้าน” ไม่คุ้มกับรายจ่าย หากอยากจะอยู่ได้จริงๆ ก็ต้องทำในบางสิ่ง อาทิ รีดไขมัน เอาพนักงานและรายจ่ายส่วนเกินออกไป, ปรับโครงการองค์กรเสียใหม่ให้ “จิ๋วแต่แจ๋ว” ที่สำคัญต้องทันสมัย ใช้ไฮเทคโนโลยีและ AI มาช่วยในการจัดการและดำเนินงาน โดยดึงเอาหัวใจและสำนึกรับผิดชอบต่อองค์กรของคนในออกมาให้ได้โดย เร็ว ตัวอย่าง…ปตท ก็ดูดีนะครับ
พูดกันยาวเรื่อง “ไปรษณีย์ไทย” เพราะอยากเอาใจช่วย เห็นว่า ล่าสุดร่วมกับ ธ.ก.ส.เดินหน้าหวังจะยกระดับการจัดการสินค้าเกษตรไทยครบวงจร ทั้งการผลิต แปรรูป การเพิ่มช่องทางจำหน่ายและตลาดรองรับสินค้าเกษตรส่งตรงสู่ผู้บริโภค ทั้งทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com และออฟไลน์ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ก็อยากเชิญชวนคนไทย หันใช้บริการในภารกิจดีๆ อย่างนี้ เพราะการใช้บริการของไปรษณีย์และธ.ก.ส. เสมือนได้ช่วยเหลือเกษตรกรไทยโดย ตรงและได้เต็มๆ มีผลิตภัณฑ์ในรอบนี้มากกว่า 200 รายการจากผู้ผลิตทั่วประเทศมาให้เลือกซื้อได้ตามใจชอบ และตลอดเดือนพ.ย.นี้ มีโปรเด็ดๆ สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ www.thailandpostmart.com และกรอกรหัส “BAAC55” รับส่วนลดไปเลย 55 บาท มีแค่ 1,500 สิทธิ์เท่านั้น ต้องรีบกันหน่อย.
โดย นพวัชร์