ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 17-18 ต.ค.2564
“จวบจนวันนี้ ต้องยอมรับว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้สลัดเงาของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้เรียบร้อยแล้ว เพราะนับวันความเป็นผู้นำของ “พิธา” ยิ่งฉายแววเด่นเห็นมาแต่ไกลเริ่มแรกเดิมที “พิธา” รับไม้ต่อการนำพรรคก้าวไกล หลังจากพรรคอนาคตใหม่ “ถูกยุบ” พร้อมคำสบประมาทปรามาสรอบทิศทาง 360 องศาว่า เป็นหัวหน้าพรรคภายใต้เงาของ “ธนาธร” เพราะภาพจำของพรรคอนาคตใหม่ เดิมคือ ธนาธร ปิยบุตรและ พรรณิการ์ หาใช่ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”
เรื่อง 368 แต่นานวันเข้า คนเริ่มมองเห็นพิธาในแบบของพิธา ไม่ได้นึกถึง “ธนาธร” อีกแล้ว เพราะ “พิธา” ใช้หลายโอกาสพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาคือผู้นำอย่างไม่มีข้อกังขา โดยเฉพาะในการอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร “พิธา” เป็นคนที่สื่อมวลชนจับจ้องว่า เขาจะพูดถึงเรื่องอะไร ซึ่งไม่ต่างกับ ส.ส.ในสภาที่ต้องฟังทุกครั้งเมื่อพิธา ลุกขึ้นอภิปราย
ถึงวันนี้จึงเรียกได้ว่าคำพูดของ “พิธา” ในสภานั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ และมีพลังพอที่คนในสังคมจะหยิบมาพูดถึงต่อๆ กันไป
และล่าสุด วันที่ 16 ต.ค. “พิธา” นำพรรคก้าวไกล เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่ จังหวัดขอบแก่น แสดงวิสัยทัศน์ไว้อย่างแหลมคนว่า “เราทุกคนต้องมีทัศนคติเหมือนราชสีห์ ทัศนคติของสิงโต ที่แม้จะไม่ใหญ่เท่าช้าง จะไม่เร็วที่สุดเท่ากับเสือ จะไม่ฉลาดที่สุดเท่ากับลิง แต่คือ ทัศนคติ ที่มีความสุภาพและเข้มแข็ง พร้อมที่จะทำงาน เข้าไปอยู่ในใจของประชาชนไม่ใช่อยู่บนหัวประชาชน แต่เข้มแข็งพอที่จะขย้ำหัวใจของนักการเมืองปรสิต ศัตรูของพี่น้องประชาชน กระชากมันออกมา วางอยู่ตรงกลางนี้ แล้วดูมันเต้น”
สะใจจริง!! คนนี้ขอชื่นชม
เรื่องที่ 369 เป็นปลื้ม หลังจากบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้เซ็นสัญญากู้เงิน กับ Asian Development Bank (ADB) จำนวน 160.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำมาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แบบติดตั้งบนพื้นดินโครงการ (Solar Farm) DAU TIENG ขนาดกำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม เมื่อ 31 ส.ค.2564 ปรากฏว่า ล่าสุด เมื่อ 1 ต.ค.2564 เงินกู้ดังกล่าวได้รับการรับรองเงินกู้สีเขียวที่ มีส่วนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Loan Certificate) จาก Climate Bonds Initiative หรือ CBI องค์กรอิสระระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม เป็นที่เรียบร้อย
“ฮาราลด์ ลิงค์” CEO บี.กริม ไม่ปลื้มไงไหว เพราะโครงการนี้ถือว่า เป็นโครงการที่ 2 ของ บี.กริม ที่ได้รับการรับรองเงินกู้สีเขียวที่มีส่วนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจาก CBI เมื่อปลายปี 2563 จากโครงการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Phu Yen TTP ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 257 เมกะวัตต์ จังหวัดฟู้เอียน ประเทศเวียดนาม ที่ถือว่าเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวียดนาม และเป็นหนึ่งในโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 123,000 ตันต่อปี
บ้านเราก็ไม่น้อยหน้านะ เรื่องที่ 370 โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธรของ กฟผ. กำลังผลิต 45 เมกะวัตต์ ก็ถือว่าเป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังเดินควง “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย และ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัล ไปเยี่ยมชม และยังกล่าวชื่นชมโครงการตลอดๆ ทั้งยังบอกกับ ผู้ว่าฯกฟผ. “บุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร” เร่งดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดในเขื่อนต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น และในเร็วๆนี้ สถานที่แห่งนี้ก็กำลังจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งใหม่ของ จ.อุบลราชธานี.. เปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้ นักท่องเที่ยว คงไม่พลาดแน่นอน
เรื่อง 371 อั้นมาครึ่งเดือน! หลังจากรัฐบาลไฟเขียวให้ กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ปรับอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ที่สุด ราคาใหม่ของบุหรี่ขายปลีกในเมืองไทย ถึงเวลาปรับขึ้นเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะวางขายที่ไหน ร้านค้าปลีก โชห่วยหรือร้านสะดวกซื้อ หากเป็น “ล็อตใหม่” สิงห์ขี้ยา ได้จ่ายแพงแน่ๆ ตั้งแต่ 18 ต.ค.เป็นต้นไป คร่าวๆ สำหรับบุหรี่ราคาถูก จากราคาเดิม ขายซองละ 55 บาท ปรับขึ้นเป็น 63 บาท, 60 บาท เป็น 66 บาท ส่วนบุหรี่ราคาแพง จากซอง 95 บาท เป็น 102 บาท ขณะที่บุหรี่นำเข้าต่างประเทศจะขึ้น 1 พ.ย.เป็นต้นไป เพราะยังมีสต็อกเก่าเหลืออยู่ แต่หลังจากนั้น ขยับจากซอง 60 บาท จะขึ้นเป็น 68-72 บาท ขณะที่กลุ่มบุหรี่ราคาแพงตั้งแต่ 150 บาทขึ้น ขายราคายังคงเดิม
“บัส-ลวรณ แสงสนิท” อธิบดีกรมสรรพสามิต ยืนยันหนักแน่น ผู้บริโภคสามารถตรวจเช็คได้ว่า บุหรี่ที่ปรับราคาใหม่เป็น “บุหรี่ใหม่ที่เสียภาษีอัตราใหม่” หรือเป็น “บุหรี่เก่าค้างสต๊อก ที่เสียภาษีในอัตราเก่า และต้องขายในราคาเดิมก่อนปรับภาษี” แต่ทางร้านค้าดันเอามาย้อมแมวขายเกินราคาหรือไม่ ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้ “สมาร์ทโฟน” สแกน QR แสตมป์บนซองบุหรี่ (ดูภาพประกอบ) จะรู้ทันที! และหากพบร้านค้า “ลักไก่” เอาของเก่ามาขายในราคาใหม่จริงละก็ ผู้บริโภคสามารถจะแจ้งเรื่องไปยัง สคบ. 1166 หรือสายด่วนกรมสรรพสามิต 1713 ได้เลย งานนี้ ทั้ง สบค.และกรมสรรพสามิต พร้อมจะฟันยับ! จับไปเป็นกรณีศึกษาของการ “เชือดไก่” ให้พ่อค้าหน้าเลือดได้ดูเป็นตัวอย่างแน่
เรื่อง 372 ไหนๆ จะพูดเรื่องธุรกิจบาปแล้ว แถมผู้เกี่ยวข้องยังเป็นคนเดียวกันอีก! “ลวรณ แสงสนิท” กับบทบาท “ประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งฯ” ขอฝากอีกเรื่อง “ล๊อตเตอรี่” หรือหวยแพง! แม้ช่วงสายวันออกหวย 16 ต.ค. แท้ๆ ราคายังไม่ยอมขยับลง เหตุเพราะหลายแผง ขายหมดเกลี้ยงไปแล้ว ส่วนแผงที่เหลือ…ถือสินค้าน้อยกว่าปริมาณความต้องการของผู้ซื้อ จึงยืนราคาขายแพงเอาไว้ก่อน เท่าที่สำรวจเจอในหลายพื้นที่ พบว่า ชุดคู่ “2 ใบ” ขายขั้นต่ำ 200 หากเป็นเลขเด็ดเลขดังราคาขายขยับขึ้นอีกคู่ละ 20-30 บาท ชุด “3 ใบ”ขาย 330 บาท ชุด “5 คู่เหมือน” สุดฮิตจริงๆ ขายที่ 550 แต่หากเป็นเลขดัง ทะลุไปไกลถึง 600 บาท อ้างเหตุผลเดิมๆ คือ “รับมาแพง” และ “ต้นทุนซื้อสูง”
ลองคิดกันเล่นๆ สำนักงานสลากฯ ส่ง “หวยรัฐ” ให้ยี่ปั๊ว รวมถึงผู้ค้าย่อยบางกลุ่ม ที่ต้นทุนคู่ละ 70 บาทกว่าๆ เพื่อให้ขายราคาหน้าสลากคู่ละ 80 บาท ยังจะเหลือกำไรต่อคู่ 7-8 บาทแล้วเหตุใด เมื่อหวยรัฐถึงมือผู้ซื้อ ราคาขายจริงกลับแพงสุดกู่! ไม่รู้รึว่า มี “กลุ่มไอ้โม่ง” มาปั่นราคาขายส่งเกินจริง เรื่องหวยออนไลน์ 6 หลัก น่าจะเดินหน้าต่อไป หากจะหยุด เพราะอ้างเหตุ! เพื่อปกป้อง ผู้ค้ารายย่อย รวมวงคนด้อยโอกาสทางสังคม แค่ 3-4 แสนชีวิต โดยละเลยคนไทยที่ซื้อ “หวยรัฐแพง” กว่า 60 ล้านคนล่ะก็ มันใช่เรื่องไหม? ปล่อยให้คนไทยได้มีทางเลือกที่จะซื้อหวยกระดาษต่อไป หรือจะย้ายไปซื้อโดยการกรอกเลข 6 หลัก ผ่านระบบออนไลน์ ดีกว่าหรือป่าวครับท่าน ฝากถึง “ลวรณ แสงสนิท” “ธนวรรธน์ พลวิชัย“ โฆษกบอร์ดสลากฯ และ “เสธหนุน-พ.ท.หนุน ศันสนาคม” ผู้อำนวยการสำนักงานสลากฯ ช่วยคิดให้ลึกๆ ไม่ใช่ “เตะหมูเข้าปากหมาไปวันๆ” สุดท้ายผู้บริโภคคือ “เหยื่อ” จากประกาศคืน “ความสุข” ของ คสช.ผ่านมาแล้ว 7-8 ปี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น วนเวียนอยู่ที่เดิม ยกเว้นอย่างเดียวคือ สำนักงานสลากฯ มีสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ย้ายจาก “สนามหลวง” มา “สนามบินน้ำ” แค่นี้เอง!!
โดย นพวัชร์