ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 13-14 ต.ค.2564
“จับตาการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือศบค. ชุดใหญ่ในวันนี้ (14 ต.ค.) “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะพิจารณาผ่อนปรนมาตรการเตรียมเปิดประเทศต้อนรับชาวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว ที่จะเริ่ม 1 พ.ย.2564”
เรื่องที่ 354 รัฐบาล เล็งเป้านำร่องกำหนดรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำไว้ที่อย่างน้อยแล้ว 10 ประเทศ ซึ่งรวมประเทศอย่างเช่น อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมนี จีนและสหรัฐฯ ไว้ในการเปิดประเทศช่วงแรก ก่อนจะมีการประเมินเพื่อเตรียมการเปิดประเทศในลำดับถัดไป คาดการณ์ว่าที่ประชุม ศบค.วันนี้ จะมีการพิจารณาเตรียมความพร้อมด้วยการลดเวลาห้ามออกนอกเคหะสถานหรือเคอร์ฟิว จากเดิมที่กำหนดไว้ 4 ทุ่ม ถึงตี 4 เป็น 5 ทุ่มถึงตี 3 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้ เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ ยังจะมีการปรับระดับพื้นที่การควบคุมโรคใหม่ โดยเน้นเปิดเมืองท่องเที่ยวเพื่อรองรับการเปิดประเทศ พร้อมกับผ่อนปรนมาตรการห้ามการรวมกลุ่ม เดินหน้าเศรษฐกิจในการปลายปี
เรื่องที่ 355 ปัญหาของหนังสือราชการคือ อ่านแล้วเข้าใจยากจัง ต้องอ่านหลายๆ รอบ แล้วทำความเข้าใจ ที่ละประโยคๆ อย่างเช่นกรณีหนังสือชี้แจงของ “เอกภัทร วังสุวรรณ” เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ที่ส่งมาให้สื่อเพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ สู่สาธารณะหลังจาก 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย มีมติคัดค้านร่างแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย มาตรา 4 นำกากอ้อยเข้าสู่ระบบแบ่งปัน ยกแม่น้ำเกริ่นมาสะยืดยาว อ่านแล้วเพลีย..
สรุปได้ว่า ร่างแก้ไขดังกล่าว ขณะนี้อยู่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมาธิการเพื่อหาข้อยุติ ส่วนกรณีกากอ้อยเป็นกากขยะอุตสาหกรรมนั้น สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องแจ้งข้อมูลให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมทราบ ปริมาณและนำไปใช้ประโยชน์ ที่ไหน อย่างไรเข้าใจตรงกันนะจ๊ะ ภาษาราชการนี้เข้าใจยากจริงๆ..
เรื่อง 356 ลุยต่อไม่รอแล้วนะ “วีริศ อัมระปาล” ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประ เทศไทย หรือกนอ. เดินสายลงใต้ ตรวจนิคมอุตสาหกรรมสงขลา ถกปัญหาไฟฟ้าตก ไฟฟ้าดับ ในพื้นที่ ผู้ประกอบการเสนอทางแก้คือ ต้องสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่เพิ่มเติมอีก เพื่อจะได้มีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอและขอให้ กนอ.สนับสนุนการเข้าถึงการใช้น้ำดิบมากขึ้น เพื่อลดภาระด้านต้นทุนในการประกอบการ เนื่องจากต้นทุนน้ำประปาค่อนข้างสูง
งานนี้ กนอ.จึงต้งเร่งจัดการ “วีริศ อัมระปาล” บอก กนอ.อาจร่วมทุนกับเอกชนหรือ ลงทุนเองในรูปแบบบริษัทลูก สร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่เพิ่มเติม และให้การสนับสนุนตามที่ผู้ประกอบการร้องขอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนรายใหม่ๆ เข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้และที่น่าสนใจคือ การก่อสร้างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ที่ “วีริศ อัมระปาล” ตั้งใจผลักดัน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพควบคู่กับความมั่นคงด้านอุตสาหกรรม น่าจะลดปัญหาการคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ต่อการใช้ที่ดินก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ได้ดีเช่นกัน ชุมชนเป็นสุข ผู้ประกอบการเป็นสุข ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนเช่นกัน..
เรื่อง 357 แม้จะมีประเด็นให้ “คนเห็นต่าง” ออกมาตำหนิ นโยบาย “เปิดประเทศ” ต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 10 ชาติเป้า หมาย โดยไม่ต้องกักตัว นับแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่จะถึงนี้เป็นต้นไป กับพื้นที่ 2 เกาะ “ภูเก็ต – สมุย” + 5 จังหวัด“กรุงเทพฯ – เชียงใหม่-ชลบุรี/พัทยา–เพชรบุรี-ประจวบฯ” แต่อีกมุมหนึ่ง คนกลุ่มนี้ ต่างก็เห็นด้วยกับเหตุผลที่ต้องเปิดประเทศ เพื่อดูดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาโปะหนี้เงินกู้ของรัฐ รวมๆ กันมากกว่า 8 ล้านล้านบาท ในยุคของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี ยิ่งในภาวะที่รัฐบาล โดยกรมสรรพากร จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าเป้าหมายมากกว่า 200,000 ล้านบาทด้วยแล้ว เหตุผลเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พอฟังได้! อย่างน้อยก็ดีกว่า ขายแผ่นดินให้นายทุนต่างชาติมากว้านซื้อแผ่นดินไทยไปนั่นแหละ
เรื่อง 358 ล่าสุดกับตัวเลขเป้าหมายในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปี 2564 “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการ ททท. ยังแอบหวังใจลึกๆ ว่า ยอดรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจะมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ดีดลูกคิดรายได้จากทั้งตลาดในและต่างประเทศไม่น่าจะน้อยกว่า 320,000 ล้านบาทและหากผ่านพ้นปีนี้ไปได้ราบรื่น ชนิดไม่มีคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ “อกสั่นขวัญหาย” ล่ะก็ ปีหน้า2565 ทั้งปี จะเป็นปีที่แห่งการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชนิด “ทบต้นทบดอก” กับตัวเลขเป้าหมายทั้งปีที่ 10 ล้านคน หรือ 1 ใน 4 ของปี 2562 คาดจะมีรายได้กึ่งหนึ่งของปีเดียว ราวๆ 1.5 ล้านล้านบาท โดยในปีต่อไป คือ 2566 ทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จะขยับพุ่งสูงขึ้นไปอีก 20 ล้านคนและ 2.4 ล้านล้านบาท คือเป้าหมายที่ ททท. ฝันให้ไกลและหวังจะไปให้ถึง! เป็นคนไทย ก็ต้องเอาใจช่วยกันแหล่ะ
ยังเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งเดือนให้เปิดประเทศยามนี้ มี 2 เรื่องร้อนๆ ให้รัฐบาลต้องเร่งแก้ไข แม้ว่าสัญญาณโควิดจะเริ่มบางเบา ทั้งตัวเลขผู้ติดเชื่อรายใหม่และยอดคนตายที่ไม่สูงเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ก็คงไม่การ์ดตก และคอยตักเตือนคนในชาติว่าอย่าการ์ดตกเช่นกัน ขณะเดียว กันต้องหารือหน่วยงานความมั่นคง ทั้งทหารและตำรวจ ช่วยสกัดการนำเข้าโควิดฯตามแนวตะเข็บพรมแดนให้ดี อย่าหาทำเป็นเหมือนเช่นวันวาน อีกเรื่องกับปัญหาน้ำท่วม ที่หลายพื้นที่จะยังจมบาดาลอยู่และหากจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว! ยุทธการ “บิ๊กคลีนนิ่ง” ก็เป็นสิ่งที่คนระดับ “ผู้นำประเทศ” และ “เสนาบดี” จากทุกๆ กระทรวงจะต้องร่วมด้วยช่วยกันล้างคราบไคลของอุทกภัยให้หมดไปโดยเร็ว
และด้วยความที่คนไทย…มองโลกแง่ดี เรื่องที่ 359 ภาพร้านอาหาร “จิ้มจุ่ม” ริมแม่น้ำเจ้าพระ ยาที่คนแห่พากันไปกิน ชนิดต้องจองคิวล่วงหน้า นัยว่าอยากหาประสบการณ์แปลกใหม่ “กินไป…ลุกขึ้นหนีคลื่นน้ำไป” สิ่งนี้ กลายเป็นกระแส “ไวรัล” ให้คนทั่วโลกมองคนไทยและเมืองไทย ด้วยหัวใจสุดจะทึ่ง! อยากรีบๆ มาสัมผัสประเทศไทยให้เร็วที่สุดมีดีก็รักษาดีนี้ไว้นานๆ รัฐบาล และททท.ไม่ต้องห่วงขอให้ดีจริง คนไทยพร้อมเชียร์และให้กำลังใจเสมอ
โดย นพวัชร์