ข่าวเด่น ข่าวดัง ประจำวันที่ 10-11 ต.ค.2564
“นิด้าโพล” อีกแล้วครับ เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “พลเอกประยุทธ์ กับ 3 ประเด็นทางการเมือง” โดยเมื่อถามกระแสการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.35 ตอบว่า ควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็ว ตามด้วยร้อยละ 30.05 ระบุว่า ควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรหลังจากกฎหมายการเลือกตั้งได้รับการแก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ มีร้อยละ 22.12 ที่ระบุว่า ไม่ต้องยุบสภาผู้แทนราษฎร อยู่ยาวไปเลยให้ครบเทอม 4 ปี ส่วนประชาชนร้อยละ 5.72 ระบุว่า ควรประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรก่อนการถูกอภิปายไม่ไว้วางใจในปีหน้า”
เรื่องที่ 339 ผลโพล สะท้อนว่าประชาชนไม่ได้มีความเชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาล “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จึงต้องการให้มีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว แม้ “พล.อ.ประยุทธ์” จะยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าจะไม่มีการยุบสภาในเร็ววันนี้อย่างแน่นอนก็ตาม
ย้อนกลับไปดูผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนที่ถามประชาชนว่า อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งคราวหน้า โดยอันดับ 1 ประชาชนส่วนใหญ่ตอบว่า ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใคร ขณะที่อันดับ 2 คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งนี้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมาอันดับที่ 2 แต่คะแนนความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ กลับน้อยลงเมื่อเทียบกับผลการสำรวจในครั้งก่อน
เมื่อนำผลสำรวจของ “นิด้าโพล” 2 ครั้งมาผนวกรวมกัน นั่นทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า คะแนนความนิยมในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นถือว่าถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ประชาชนยังอยากให้มีการยุบสภาจัดการเลือกตั้งใหม่ด้วย จึงคาดการณ์ว่า หากมีผลสำรวจครั้งต่อไป คะแนนความนิยมในตัว “พล.อ.ประยุทธ์” และรัฐบาลจะถดถอยยิ่งไปอีก และแน่นอนเสียงเรียกร้องให้มีการยุบสภา ยิ่งจะดังมากกว่านี้
เรื่องที่ 340 คดีปิด “เหมืองทองคำอิศรา” ยังไม่จบ ก็มีเรื่องให้ปวดระบมอีกรอบ เมื่อกลุ่มประชาสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ ได้ยื่นร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเอาผิด “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรมกรณีอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษให้กับ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน 44 แปลง ทำผิดกฎหมาย เพราะมีลักษณะเป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับ บริษัท อัคราฯ
งานนี้ก็ต้องร้อนไปถึง “นิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์” อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ต้องออกมาชี้แจงว่าการอนุญาตอาชญาบัตรพิเศษสำรวจแร่ทองคำดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย และคำนึงถึงผลกระทบต่างๆ อย่างรอบคอบรัดกุมแล้ว ไม่เข้าเงื่อนไขของพื้นที่ที่จะนำไปเปิดประมูลได้ และไม่ได้เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้กับบริษัท อัคราฯ แต่อย่างใด (ยืนยันนะว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ จริงๆ) ..
เรื่องที่ 341 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ยืนกรานค้านค้าน แก้กฎหมายนำกากอ้อย กากตะกอนกรอง เข้าไปคำนวณในระบบแบ่งปันผลโยชน์ 70/30 “สิริวุทธิ์ เสียมภักดี” รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) และประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ อธิบายว่าเนื่องจากกากอ้อยและกากตะกอนกรองเป็นขยะอุตสาหกรรมไม่ใช่เป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลทราย การที่จะเพิ่มเติมคำนิยามให้รวมกากอ้อย กากตะกอนกรอง เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ต้องถูกต้อง ไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการ และยังเป็นการ
ปิดกั้นต่อการพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อุตสาหกรรม BCG อีกด้วย “สิริวุทธิ์ เสียมภักดี” ย้ำอีกว่า หากบังคับแก้ไข ต่อไปคงไม่มีเอกชนรายใดต้องการเข้ามาลงทุนนำผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายไปต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจแน่นอน ท่าจะยาวนะงานนี้
เรื่อง 342 โมเดล เปิดเมืองท่องเที่ยว เริ่มที่ “เกาะภูเก็ต” และ “เกาะสมุย” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทยก่อนหน้านั้น สิ่งนี้ กลายเป็นต้นแบบความเชื่อมั่นของรัฐบาล และศบค. จนเตรียมจะเปิดบางพื้นที่ใน 5 จ. คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี/พัทยา เพชรบุรี และประจวบฯ “ดีเดย์” 1 พ.ย.นี้ ฟัง..โฆษกรัฐบาล “ธนกร วังบุญคงชนะ” ฉายให้เห็นภาพแล้ว เคลิ้มเลย เมืองไทยและเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในพริบตา ผลจากรายได้ของนักท่องเที่ยวจำนวนมหา ศาล จะไหลทะลักเข้ามา ถ้า…ถ้า…ถ้าไม่มีสิ่งนี้…นั่นคือ “กรุงเทพฯ” ต้องไม่มีเคสท์ “คลัสเตอร์ขนาดใหญ่” และไร้ความรุนแรงจากโควิดฯ ประเด็นคือ แค่กรุงเทพฯ จังหวัดเดียว…หากมีเรื่องของการแพร่ระบาดฯระดับรุนแรงล่ะก็ ทุกอย่างพังครืน! เพราะเหตุที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบทั้งหมด จะต้องเดินทางผ่านกรุงเทพฯ เป็นด่านแรก…ก่อนจะกระจายตัวเดินทางท่องเที่ยวไปยัง 4 จ.อื่นๆ รวมกับ 2 เกาะเดิมที่ยังคงเปิดรับท่องเที่ยวต่างชาติอยู่
รอบนี้ ไฮไลท์ในอีก 20 วันข้างหน้า จึงไหลไปอยู่กับ มหาดไทย ในกำกับดูแลของ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา” รมว.มหาดไทย และ “บิ๊กวิน-พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯกทม. เข้าตำรา “หัวไม่สาย หางไม่กระดิก” เพราะการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวรอบนี้ ถือเป็น “เดิมพัน” ที่สูงมากและสูงที่สุด! ของรัฐบาล ก่อนหน้านี้ ททท. เพิ่งจะผุดภาพยนตร์โฆษณาส่งเสริมการท่องเที่ยวชุดใหม่ AmazingThailand Even More Amazing กระตุ้นและสร้างแรงดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก ที่ยังคงนึกถึงความงดงามของเมืองไทยในทุกมิติ อยากกลับมาที่นี่ หลังห่างหายไปยาวนานถึง 2 ปี หากกรุงเทพฯ ไม่เกิดคลัสเตอร์และเคสท์ที่รุนแรง จนประเทศเพื่อนบ้าน ช่วยเอาไปขยายผลเชิงลบล่ะก็ ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวเบาะๆ ที่หลายคนในรัฐบาลแอบฝันในช่วง “ปลายฝนต้นหนาว” และส่งท้ายปีเก่า-ใหม่ ระดับ “แสนล้านอัพ” คงมีให้เห็นแน่ๆ
ประเด็นคือ ทั้งมหาดไทย และกทม. จะจัดการกับสารพัดปัญหาที่อาจนำมาซึ่ง “ฝันสลาย” ในรอบนี้ได้อย่างไร ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ขอให้ “หัวส่าย” อย่างเดียว ที่เหลือมาตรการรับมือกับสถานการณ์ไม่พึงประสงค์ จากคนระดับปฏิบัติการ จะเกิดอาการ เด้งรับ! ขึ้นมาทันที จะว่าไป ทั้งมหาดไทย และกทม. อาจต้องประสานหน่วยงานนอกสังกัด โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ บช.น. ให้ช่วยเป็นอีกหนึ่ง “มือไม้สำคัญ” คอยจัดการกับปัญหาที่ คนกทม.ไม่ต้องการ และแค่ “หัวส่าย” อย่างเดียวก็ยังไม่พอ จะต้อง “ไม่ลูบหน้าปะจมูก” อีกด้วย เตือนกันถึงขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้กรุงเทพฯ เปลี่ยนจากความหวัง กลายเป็นหวังลมๆ แล้งๆ ล่ะก็ อย่างว่าแต่เก้าอี้ รมว.มหาดไทย และผู้ว่าฯ กทม. ควรจะต้องเด้งไปไวๆ ให้ไกลๆ เลย ใครที่อยากจะอยู่ต่ออีก 5 ปี นั่น… แค่ 5 วันก็ไม่ควรจะอยู่แล้ว ทราบแล้วเปลี่ยน!!!
สุดท้าย เรื่อง 343 ดีใจกับพี่น้องชาวสมุย ล่าสุด สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย ประกาศ “นักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน” ครบโดสแล้ว เดินทางเข้าเกาะสมุยไม่ต้องมีผลตรวจ RT-PCR (Polymerase chain reaction) หรือ ATK (Antigen test kit) เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค. เป็นต้นไป สำหรับวัคซีนครบโดส ประกอบด้วย ซิโนแวค (Sinovac) ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม ไม่น้อยกว่า 7 วัน AstraZeneca Pfizer Moderna AstraZeneca หรือ Sinovac ฉีดไขว้ครบ 2 เข็ม งานนี้ คนไทยต้องช่วยกันครับ.
โดย นพวัชร์